265 | Route 225

“เอริโกะ” ไม่รู้ว่าสาเหตุของเรื่องประหลาดนี้อยู่ตรงไหน… แต่รู้ตัวอีกที… เธอก็หลงไปอยู่ในโลกอีกใบแล้ว! เย็นวันนั้น “ไดโกะ” น้องชายคนเดียวไม่ยอมกลับบ้านสักที เอริโกะเด็กหญิงมัธยมต้นจึงจำใจออกไปตามหา และพบน้องชายใจเสาะนั่งอ้อยอิ่งอยู่ในสนามเด็กเล่นไม่กล้ากลับบ้านเพราะเสื้อถูกเพื่อนใช้ปากกาเมจิกเขียนข้อความตัวเบ้อเริ่ม
ระหว่างทางกลับ สองพี่น้องวางแผนปกปิดแม่ โดยไม่รู้ตัวว่า ถนนสายเดิมไม่ได้พาพวกเขาสู่บ้าน แต่กลับเป็นโลกเสมือนซึ่งมีทุกสิ่งเหมือนเดิม แต่ไร้เงาพ่อแม่! เมื่อรู้สึกตัว พี่สาวขี้รำคาญกับน้องชายขี้ขลาด จึงเริ่มต้นหาทางกลับโลกใบเก่า โดยมีเพียงบัตรโทรศัพท์ใบเดียวเป็นช่องทางติดต่อพ่อกับแม่… ทั้งคู่จะกลับสู่โลกใบเดิมได้อย่างไร? และจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง? ผลงานสดใสเจือกลิ่นอายแฟนตาซีเล่มนี้ ที่จะสั่นไหวหัวใจคุณโดยไม่รู้ตัว
ข้างบนนี้เป็นคำโปรยของหนังสือเล่มนึงที่ชื่อ “Route 225 ถนนสายนี้เหนือกาลเวลา” แต่งโดย Fujino Chiya (藤野 千夜) แปลเป็นภาษาไทยโดย ขวัญใจ แซ่คู จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Jbook (Bliss) หนา 200 หน้า ราคา 170 บาท สำหรับเรื่อง Route 225 นี้เคยถูกนำไปทำสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว และยังถูกเขียนเป็นการ์ตูน โดย Shimura Takako (ผู้เขียนเรื่อง Aoi Hana) อีกด้วย

สำหรับหน้าปกนั้น ปกเวอร์ชั่นไทยออกจะไม่สวยที่สุดอย่างชัดเจน ปกเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้นดูเหมือนหนังสือการ์ตูน ถ้าของไทยใช้ปกนั้นเหมือนญี่ปุ่นอาจจะทำให้ภาพลักษณ์กลุ่มลูกค้าบิดเบือนไป (แต่ปกติ Jbook ไม่เคยใช้แนวนี้อยู่แล้ว) แต่ปกเวอร์ชั่นมังงะนั้นก็น่ารักดีเช่นกัน
ปกติแล้วผมก็ไม่ได้อ่านนิยายบ่อยนัก ถ้าอ่านก็หนักไปทางนิยายจีนไม่ก็นิยายญี่ปุ่นแปลเหมือนเรื่องนี้ ที่หน้าปกหนังสือเรื่อง Route 225 ฉบับภาษาไทยนั้นมีสัญลักษณ์ “Warm Heart” อยู่ หมายความว่าเป็นหนังสือแนวอบอุ่นหัวใจ ผมอ่านเรื่องย่อแล้วสะดุดใจหลายอย่าง ก็เลยซื้อมาอ่านดู ที่สะดุดใจอย่างแรกก็คือตัวเอกชื่อ “เอริโกะ” ด้วยเหตุผลแปลกๆบางประการทำให้ผมมีความผูกพันธ์กับชื่อเอริโกะแบบไม่คาดคิดเป็นการส่วนตัว อย่างที่สองก็คือเอริโกะขี้บ่นมาก ซึ่งผมค่อนข้างจะชอบเป็นพิเศษ(?) และอย่างที่สามก็คือเรื่องนี้เป็นเรื่องแฟนตาซีโดยมีฉากหลังเป็นประเทศญี่ปุ่น บรรยากาศแบบญี่ปุ่น ไม่ใช่ว่าผมบ้าญี่ปุ่นอะไรขนาดนั้น แต่ผมไม่ชอบเรื่องแฟนตาซีแบบเวทย์มนต์ พลังจิต ปีศาจ ปราบมาร ขี่มังกร อะไรพวกนั้น ขนาดเป็นหนังสือการ์ตูนถ้าเลือกได้ก็จะอ่านทีหลัง(แต่ก็อ่านอยู่ดี) พอเรื่องนี้เป็นแฟนตาซีแบบในโลกของความเป็นจริง ก็เลยสนใจอยากอ่านดูว่าจะเป็นอย่างไร

*คำเตือน*
จากตรงนี้ไปมีการเปิดเผยเนื้ออันจะทำให้เสียอรรถรส
ใครที่รู้สึกว่าอยากอ่านดูเอง ก็ข้ามตรงนี้ไปเลย

ส่วนถ้าอยากได้คำจำกัดความสั้นๆล่ะก็เอาเป็น
“ผมค่อนข้างชอบเรื่องนี้อยู่เลยทีเดียว”

เรื่องราวในเล่มก็ตามที่โปรยไว้ที่ปกหลังเกือบจะเด๊ะๆเลยทีเดียว เอริโกะและน้องชายชื่อไดโกะ จู่ๆก็หลุดไปยังโลกที่คล้ายคลึงกับโลกปัจจุบัน (โลกคู่ขนาน) ปัญหาก็คือโลกที่หลุดมานั้น พ่อแม่ของพวกเขาหายไป และมีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่เหมือนโลกเก่า เช่นเพื่อนของไดโกะบางคนที่เคยตายไปสมัยประถมในโลกนี้กลับไม่ตาย หรือรายละเอียดเล็กน้อยๆเกี่ยวกับความสัมพันธุ์กับเพื่อน พี่น้องอายุ 14 และ 15 จะทำอย่างไรเพื่อค้นหาทางกลับไปยังโลกเดิมของทั้งสอง เอริโกะนั้นเป็นคนขี้บ่นแต่ก็รักน้อง แม้จะชอบแสดงออกด้วยการแกล้งแทนก็เหอะ การจับคู่ของทั้งสองคนทำให้เรื่องดูน่ารักและอบอุ่น บรรยากาศของเรื่องก็ดูอบอุ่นดี เวลาอ่านก็รู้สึกสนุกในการเก็บรายเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเล็กๆน้อยๆ แต่ปัญหาก็คือ…ครึ่งเล่มหลังของเรื่อง
ทั้งสองคนอยู่ในบ้านที่ไม่มีพ่อแม่ (พ่อแม่หายไปแบบกระทันหัน ไม่ใช่ว่าไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก) แต่ด้วยที่ไม่รู้จะทำอะไรทั้งสองก็เลยไปเรียนหนังสือตามปกติ หนทางเดียวที่จะติดต่อกับโลกเก่าได้มีเพียงบัตรโทรศัพท์รูปนักเบลบอลที่โทรได้อีก 3 ครั้ง เมื่อเอริโกะโทรไปทางนั้น แม่ของเธอก็ร้องไห้และเป็นห่วง เวลาในโลกทั้งสองผ่านไปพร้อมกัน ทำให้ความหวังที่จะกลับไปโดยอิงความเหลื่อมล้ำของเวลาเป็นศูนย์ถูกทำลายลง (กลับไปโดยเวลาในโลกจริงไม่ผ่านไปเลย หรือผ่านไปน้อยมาก) ถ้าเกิดมีครอบครัวที่จู่ๆลูกชายและลูกสาวหายไปพร้อมกันก็คงเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ฝั่งเอริโกะเองก็ไม่มีพ่อกับแม่เช่นกัน เอริโกะใช้เงินจากบัญชีสำรองของที่บ้านสำหรับค่าใช้จ่ายประจำวัน แต่ในเมื่อพ่อแม่หายไป จะปิดคนรอบข้างตลอดไปก็คงไม่ได้ ไม่ช้าไม่นานป้าข้างบ้านที่ชอบสอดรู้สอดเห็นก็เริ่มรู้ถึงความผิดปกติ เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ ทั้งสองตัดสินใจไปที่สนามเด็กเล่นที่เป็นจุดเปลี่ยนของสองโลกอีกครั้งโดยมีความหวังว่าจะสามารถกลับไปโลกเดิมได้ ทั้งสองพยายมจัดแจงทำทุกอย่างให้เหมือนวันที่หลุดมาโลกที่ไม่รู้จัก…แต่แล้ว มันก็ไม่สำเร็จ
เอริโกะกับไดโกะไม่สามารถกลับไปได้ เมื่อคนอื่นรู้เรื่องที่พ่อแม่ของเธอหายไป ญาติๆจึงต้องเข้ามาจัดการ พ่อแม่ก็ถูกระบุว่ากลายเป็นบุคคลสาบสูญ บ้านที่อยู่พอไม่มีเงินส่ง (…เหตุผลโคตรความเป็นจริง) ญาติจึงเข้ามาทำเรื่องให้เป็นการปล่อยเช่าแทน หรืออาจจะขายทิ้งไปเลย เอริโกะโดนบังคับย้ายไปอยู่กับญาติแยกกันกับไดโกะเพราะไม่มีคนดูแล ก่อนจะโดนลากตัวไปทั้งสองยังพยายามไปที่สวนสาธารณะและนั่งชิงช้าตัวเดิมอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น บัตรโทรศัพท์ที่เหลืออยู่พอโทรไปหาแม่ของเธอเป็นครั้งสุดท้ายไม่มีแม้แต่คำร่ำลาโทรศัพท์ก็ตัดแล้วก็ใช้การไม่ได้อีก สุดท้ายทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตตัวเอง….จบ
อืมม…อบอุ่นหัวใจ…. วรรณกรรมเยาวชน… จริงเหรอ…
เรื่องแนวๆนี้ตอนจบมันต้องกลับบ้านเจอพ่อแม่ดิวะ แล้วก็ซึ้งๆ
ทิ้งปมนิดหน่อยให้รู้สึกถึงการผจญภัยแฟนตาซี
จากนั้นก้าวไปสู่วันพรุ่งนี้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น…
แต่…มันไม่ใช่เลย
ตอนจบของเรื่องนั้นค่อนข้างทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง สุดท้ายเด็กทั้งสองก็ไม่ได้พบพ่อกับแม่อีกครั้ง ฝั่งโน้นเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครรู้ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่กับบ้านที่ลูกสาวลูกชายหายสาบสูญ เกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ที่หายไปจากโลกนี้? เอริโกะกับไดโกะของโลกนี้หายไปไหน? สุดท้ายทั้งสองก็ต้องแยกย้ายกันไปอยู่บ้านญาติ แม้จะติดต่อหากันบ้างแต่ก็ดูไม่ใช่เรื่องสำคัญ (แต่ผมรู้สึกว่าคุมาโนอิ เพื่อนของไดโกะที่โลกนี้กลับไม่ตายและดูเหมือนจะแอบชอบไดโกะอยู่นั้นให้ความรู้สึกโมเอ้ยังไงไม่รู้) เรื่องราวการผจญภัยกลายเป็นเรื่องโกหกพกลมที่เล่าให้ใครฟังก็ไม่มีคนเชื่อ (แถมยังโดนน้าที่เลี้ยงอยู่บอกว่าอย่าไปเล่าให้คนอื่นฟัง) ความเป็นจริงของชีวิตที่ไม่สวยงามและไม่ได้มีตอนจบที่แฮปปี้เอ็นดิ้ง ทันทีที่อ่านจบก็เหมือนโดนตบหน้าแรงๆ แล้วตะโกนใส่หูว่าเลิกบ้าได้แล้ว กลับสู่โลกของความเป็นจริงกันเสียที ภาพสวยหรูที่เคยวาดไว้กลายเป็นเพียงฝุ่นควันที่โดนลมพัดปลิวไปอย่างง่ายดาย
หลังจากอ่านจบและตั้งสติสักพัก ค่อยๆเรียบเรียงเรื่องราวอีกครั้งนึง ความเป็นจริงมันก็โหดร้ายแบบนี้หล่ะเอ้ย ถ้าเรื่อง Route 225 นี้จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง กลับบ้านเจอพ่อแม่ มันก็คงเป็นนิยายเรื่องนึงที่รู้สึกดีด้วย แล้วพอเวลาผ่านไปไม่นานก็จะโดนกลืนไปกับความทรงจำ การที่มันจบในแบบที่เราไม่ได้คาดไว้ ก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงความร่วมสมัยของเรื่องราว อาจจะเพราะเบื่อหน่ายกับเรื่องราวเพ้อฝันที่เกลื่อนกลาด พลิกผันจากความจำเจเสียบ้าง ซึ่งมันก็ทำให้เราต้องกลับไปทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
ถามว่าชอบมั้ยก็ชอบนะ ถึงจะอึ้งไปบ้างกับตอนจบที่พลิกกระดานหักปากกา แต่บรรยากาศการเดินเรื่องนั้นทำได้ดี คาแรกเตอร์และรายละเอียดก็สละสวย ถึงเอริโกะจะขี้บ่นและมีการอุปมาที่เกินวัยไปบ้างก็เหอะ (บางอันนี่ไม่คิดว่าเด็กอายุ 15 จะคิดได้) ปมต่างๆก็มีทางออกมั่งไม่มีทางออกมั่ง ก็แล้วแต่ชีวิตจะผ่านไป แก้ไม่ได้ก็ใช่ว่าโลกนี้จะจบสิ้นกันทันทีซะเมื่อไหร่

ข้างบนเป็นแฟนอาร์ทงานของ Shimara Takako (คนเขียนเวอร์ชั่นมังงะ)
ตัวเอกของ Route 225 คือสองคนริมขวาสุด
สองคนริมซ้ายสุดคือฟุมิและอากิระ ตัวเอกเรื่อง Aoi Hana
ส่วนที่เหลือตรงกลางนั้นผมเองก็ไม่รู้จัก

2 thoughts on “265 | Route 225”

  1. เนื้อเรื่องดีแต่หน้าปกไทยไม่เข้ากับเนื้อเรื่องเลย

  2. อ่านสปอยแล้ว จบเหมือนถูกเสยน็อคเอาท์ให้ตื่นกลับมาความเป็นจริงชะมัด …

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *