204 | ef – a tale of melodies. | 05. utter βeta

มิสึกิเดินตามทางไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย นึกถึงคำพูดของคุเซะที่บอกว่าเขาก็ชอบเธอเหมือนกัน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเธอได้ มิสึกิกลับไปซะเถอะ และจากนี้ไปอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ที่สุดทางรถไฟเส้นเดิมที่สถานีรถไฟโอโตวะตั้งอยู่ มีเงาของเด็กสาวคนนึงนั่งอยู่ที่ชานชลา จิฮิโระงั้นหรือ? มิสึกิสงสัย แต่เงานั้นที่ชะโงกหน้ามาโบกมือทักทายกลับกลายเป็น ชินโด เคย์ แทน ทำให้มิสึกิถึงกลับตกตะลึง
*05. utter*
ที่ห้องชมรมภาพยนตร์ อิสึมิ เอมิ ประธานชมรมกำลังง่วนอยู่กับการตัดต่อวิดีโอและก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งไปพร้อมๆกัน “ในฐานะมนุษย์แล้วนายถือได้ว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” เอริตำหนิเคียวสุเกะที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เพราะว่าเคียวสุเกะนั้นเคยคบกับเอริและก็เลิกกันไป แต่เคียวสุเกะก็ยังอุตส่ามาใช้ให้เอมิตัดต่อรูปแฟนใหม่ที่ถ่ายมาอีก เคียวสุเกะให้เหตุผลว่าประธานชมรมนั้นมีฝีมือดี เอริทำหน้าเซ็งๆแล้วบ่นต่อว่าแม้ว่าในฐานะมนุษย์แล้วล้มเหลว แต่ในฐานนะช่างภาพแล้วก็จัดว่ามีพรสวรรค์ เคียวสุเกะสงสัยว่านั่นเป็นคำชมหรือคำด่า เขาถือกุญแจอยู่ดอกนึงซึ่งได้รับมาจากเพื่อนร่วมห้องคนนึง เธอคือมิยาโกะ เอมิต่อรองว่าหลังจากมาให้เธอช่วยตัดต่อแล้วต้องช่วยถ่ายภาพให้ชมรมเป็นการตอบแทน เคียวสุเกะปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่สมาชิกชมรมแล้ว แต่เอมินั้นที่จริงยังไม่ได้ส่งใบลาออกของเคียวสุเกะเลย เธอไม่ยอมปล่อยคนมีฝีมือไปง่ายๆหรอก เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว เรื่องงานก็เรื่องงาน… ในวิดีโอนั้นเป็นภาพของเคย์ที่เคียวสุเกะถ่ายเอาไว้
เคย์ที่กำลังซ้อมวิ่งอยู่บนถนนยามเย็นคนเดียว เธอหยุดพักที่ริมชายหาด ด้านหลังเธอมีเงาของผู้หญิงคนนึง ยูโกะบอกว่าในที่สุดเคย์ก็สามารถยืนด้วยด้วยขาของตัวเองแล้ว เคย์รับคำ ไม่จำเป็นต้องวิ่ง ตราบใดที่เธอยังยืนหยัดอยู่ ก็จะวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง “ถ้ารีบขนาดนั้นไม่กลัวที่จะล้มเลยหรือ?” ยูโกะถาม เคย์ตอบอย่างสบายใจว่าไม่เป็นไรหรอก ต่อให้ล้มก็ยังมีใครบางคนคอยช่วยเหลือเธอ ที่สำคัญเธอนั้นก็ไม่สามารถหยุดวิ่งได้หรอก เพราะว่าน้องสาวของเธอ เคย์ต้องพยายามที่จะเป็นพี่สาวที่ดีให้ได้ ยูโกะยิ้มแล้วพูดว่าบางครั้งเธอก็ต้องผ่อนแรงลงเพื่อรักษาบาดแผลบ้างนะ เคย์ตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำว่าบาดแผลนั้นรักษาไม่ได้หรอก “มีบาดแผลที่รักษาไม่ได้อยู่ด้วยเหรอคะ?” คำพูดของยูโกะก้องหัวของเคย์… เมื่อห้าปีก่อน เคย์ได้พยายามชวนฮิโระไปเล่นด้วยกันโดยทิ้งจิฮิโระไว้ จิฮิโระพอรู้ก็รีบตามไปและก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น พอเคย์หันหลังกลับไปก็ไม่พบยูโกะเสียแล้ว
เคย์หยุดพักที่ริมหาดและส่งเมล์ไปหาจิฮิโระ น้องสาวของเธอ คุยกันเรื่องอาหารที่กินในวันนี้และให้คะแนน เคย์ยังถามถึงเรนจิที่คอยดูแลจิฮิโระอยู่ดว้ย เธออยากจะพบเรนจิสักครั้งนึง รวมถึงจิฮิโระด้วย จิฮิโระเมล์ตอบกลับมาว่าเธอก็อยากจะพบกับเคย์เช่นกัน
บนดาดฟ้าของโรงเรียน เคย์คุยกับเคียวสุเกะท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและหิมะที่ตกลงมา โอโตวะที่ออสเตรเลียนั้นเหมือนกันกับโอโตวะที่ญี่ปุ่น แตกต่างเพียงฤดูที่ตรงข้ามกันเท่านั้น เมืองทั้งสองที่แยกจากกันงั้นหรือ..เหมือนกับตัวฉันและจิฮิโระเลย เคย์พูดด้วยน้ำเสียงเหงาหงอย เคย์สุเกะถามเคย์ว่าอยากพบจิฮิโระใช่ใหม งั้นก็ไปเลยสิ เคย์โวยวายกลับว่าอย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายสิ ห่างกันตั้งครึ่งโลกเลยนะ เคียวสุเกะบอกว่าทีมิสึกิยังไปเที่ยวได้เลยนี่ มันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก แต่ที่เคย์ไม่กล้าไปเพราะว่าเธอไม่รู้จะทำยังไงเวลาที่ได้พบหน้าจิฮิโระต่างหาก เธอกลัว… เคียวสุเกะให้กำลังใจเคย์ ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไรเขาก็จะอยู่ที่นี่ เท่านั้นก็พอแล้วนี่ เคย์จึงได้มีกำลังใจที่ไปพบจิฮิโระ นางิพี่สาวของฮิโระที่ฟังอยู่ก็เสนอว่าถ้างั้นก็ไปพบจิฮิโระจังด้วยกันเลยสิ
049 : ein : หนึ่ง
ในความฝันของยูโกะ อากาเนะน้องสาวของยูได้ตายไป ยูโกะอยากเป็นน้องสาวอีกคนนึงยู แต่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทดแทนกันได้ ยูปฏิเสธพร้อมกับตะคอกว่าอย่ามาเรียกเขาว่าพี่ชายอีก เธอถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว….ยูโกะตื่นมากลางดึก…เธอมองไปที่มือของตัวเอง..ยังมืชีวิตอยู่สินะ
ยูไปโรงเรียนตามปกติ ที่หน้าชั้นเก็บรองเท้าเขาได้พบกับนางิที่ยืนอยู่ นางิหลบตาและมีท่าทางที่แปลกประหลาดจากปกติ คุเซะโผล่มาทักทายยู พร้อมกับมอบของขวัญเป็นบัตรเชิญไปงานคอนเสิร์ทส่งท้ายของคุเซะชูอิจิยอดนักไวโอลินอัจฉริยะ คุเซะส่งบัตรเชิญให้นางิอีกหนึ่งใบด้วย ยูตอบกึ่งรับกึ่งสู้ว่าถ้าว่างก็อาจจะมาแล้วกัน คุเซะบอกให้ยูชวนยูโกะมาด้วย
006 : Zukunft, : อนาคต
คุเซะกับยูเดินไปด้วยกัน ที่ด้านหลังมีนางิเดินตามอยู่ห่างๆ ยูคิดว่าคุเซะให้ชวนยูโกะไปคอนเสิร์ทเพราะว่าคุเซะสนใจเธอ แต่คุเซะกลับบอกว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นยูต่างหาก คุเซะรู้สึกว่ายูโกะเหมาะที่จะเป็นแฟนของเพื่อนที่ดีได้ แต่ยูก็แสดงท่าทีปฏิเสธว่าไม่ได้มีอะไรกัน แค่ยูโกะมาสนิทสนมด้วยมากหน่อยเท่านั้น นางิที่ได้ยินกลับมีท่าทีอึดอัด ยูบอกว่าถ้ายังคุยเรื่องไร้สาระอยู่เขาจะกลับบ้านแล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้น กระเป๋านักเรียนใบนึงกระเด็นทะลุกระจกออกมา เด็กผู้หญิงคนนึงเดินมาช้าๆและหยิบกระเป๋าใบนั้นขึ้นมาด้วยมือที่ใส่ถุงมือตลอดเวลาของเธอ ยูตกใจที่เห็นยูโกะเดินออกมา พอยูโกะเห็นยู จากสีหน้าที่เฉยเมยก็เปลี่ยนยิ้มแย้มและทักทาย เมื่อยูสังเกตเห็นแผลบนร่างกายของยูโกะ ความอดทนเขาก็ขาดลง ยูตรงเข้าไปในห้องเรียนและพยายามจะหาตัวการ คุเซะที่มองออกว่ายูนั้นกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ก็รีบตรงเข้าไปห้ามเอาไว้ นางิได้แต่ยืนมองโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
ยูที่กำลังเลือดขึ้นหน้าตรงไปยังห้องศิลปะ ครูอามามิยะนั่งสูบบุหรี่อยู่อย่างไม่ยี่หระ เมื่อเห็นเข้ามาเขาก็ทักทายยูด้วยการชักชวนเข้าชมรมศิลปะอย่างเคย ยูบอกว่าตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาเล่นมุกตลก ครูอายามิยะจึงได้ถามว่างั้นคงเป็นเรื่องของยูโกะสินะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่นักหรอก ดูเหมือนยูโกะเองนั่นหล่ะที่คนเริ่มก่อน แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร จึงให้กลับบ้านไปก่อน ยูโวยวายเรื่องที่ตามร่างกายของยูโกะนั้นมีร่องรอยบาดแผล แต่ครูอามามิยะก็ไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจ ยูพยายามบอกว่ายูโกะนั้นโดนกลั่นแกล้ง อายามิยะดับบุหรี่แล้วเดินสวนกับยู เขากระซิบบอกยูว่าปล่อยไว้แบบนี้แหละ ไม่เป็นไรหรอก นี่เป็นปัญหาของตัวยูโกะเอง สีหน้าตอนนั้นของครูอามามิยะดูน่าหวาดกลัว ยูท้วงว่าจะไม่สนใจอะไรเลยหรือ ถึงจะไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดแต่ก็เป็นน้องสาวไม่ใช่เหรอ อายามิยะบอกว่าใช่เป็นน้องสาวน่ะสิ ดังนั้นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างฮิมูระจะเสนอหน้ามายุ่งด้วยเลย…..
ที่ห้องศิลปะ นางิพยายามวาดรูปเปลือยตัวเองอยู่ นางิหยิบปากกาเมจิคสีแดงกาคาดลงไปบนกระจกที่สะท้อนภาพร่างกายของเธอ ริ้วรอยสีแดงพาดผ่านไปบนภาพสะท้อนในกระจก นางิไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองอัดอั้นอยู่ ปากกาแท่งนั้นร่วงหล่นบนพื้น
ยูพบเครื่องบินกระดาษอยู่บนพื้นอีกแล้ว นั่นหมายความว่าที่บนดาดฟ้าจะต้องมีเธอคนนั้นอยู่ ยูขึ้นไปก็พบกับยูโกะจริงๆ ยูถามว่าทำไมยูโกะถึงยังไม่กลับบ้าน ยูโกะตอบด้วยคำพูดล้อเล่นอย่างเคยว่าหากจะหลอกศัตรูก็ต้องลวงพวกพ้องเดียวกันเสียก่อนสิ ยูร่อนเครื่องบินกระดาษที่เก็บมาออกไป และถามยูโกะด้วยความเป็นห่วง ยูโกะยิ้มแล้วบอกว่ายูนั้นเป็นพวกพ้องที่อ่อนโยนจริงด้วย ยูกระอักกระอ่วนและรีบปฏิเสธ ยูโกะหัวเราะเบาๆ แล้วทั้งสองก็กลับบ้านด้วยกัน
ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ระหว่างที่ทั้งคู่เดินกลับบ้าน ยูสงสัยว่ายูโกะปกติแล้วก็แค่ไม่สนใจไม่ใช่หรือ พอเกิดอะไรไม่ดีขึ้นก็หัวเราะแล้วก็แสร้งว่าไม่ได้เจ็บปวด ทะเลาะกันนี่ไม่สมกับเป็นยูโกะเลย ยูโกก็บอกว่เธอแค่รู้สึกว่าควรจะมีตอบโต้ในรูปแบบอื่นมั่ง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ทำร้ายคนอื่น ช่างเจ็บปวดจริงๆเลย ยูจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ยูโกะเล่าให้ฟังว่าเพื่อนร่วมชั้นได้รื้อของในกระเป๋าของเธอ ทำให้เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ยูโกะกล่าวคำขอโทษกับยูเพราะว่าเธอทำให้คนที่เธอชอบต้องกังวล ยูถามว่าจากตอนที่เคยพบกันมันก็นานมากแล้ว กลับมาเจอกันได้ไม่นานเท่าใหร่ทำไมถึงเชื่ออย่างนั้นอยู่อีก ยูโกะนั้นจินตนาการมาตลอดว่ายูที่เคยพบคนนั้นเมื่อโตขึ้นมาเป็นคนเช่นไร เมื่อได้รับความเจ็บปวดจากการทอดทิ้งของคนรู้จัก เมื่อเด็กชายผู้โดดเดี่ยวคนนั้นมีชีวิตต่อไป เด็กชายที่ชอบวาดรูป เด็กชายที่มองไปข้างหน้า จะกลายเป็นคนแบบใหน ยูโกะมองไปที่ยู และเด็กชายก็นั้นก็เหมือนกับที่เธอจินตนาการไม่มีผิดเพี้ยน ยูหันหลังกลับมาถามว่าคิดว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบใหนเนี่ย ยูโกะยิ้มแล้วตอบว่า “เป็นความลับ”
ห้องอันมืดมิด ครูอายามิยะเดินตรงไปยังผ้าใบวาดรูป เขาหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วชี้มันไปยังผ้าใบ มือเขาสั่นระรัว สายตาหวาดกลัว เขาทำไม่ได้ อายามิยะหักพู่กันทิ้งพร้อมกับทำลายทุกอย่างตรงหน้า แล้วก็หัวเราะคนเดียวอย่างคลุ้มคลั่ง อีกด้านนึงแต่แตกต่างเวลาและสถานนี่ คุเซะยืนอยู่หน้าปฎิทิน เขาขีดฆ่าวันที่ผ่านไปอีกวัน คุเซะชำเลืองไปด้านหลังแล้วพูดว่า “ควรจะเลื่อนคอนเสิร์ทอำลาออกไปจนกว่าจะหมดฤดูใบไม้ผลิใหม?” นางิที่ยืนฟังอยู่อีกมุมนึงของห้องไม่ได้ตอบอะไร แหมคิดว่าจะทำไม่ได้เหรอ คุเซะพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น
ที่สถานีรถไฟโอโตวะ เคย์และมิสึกินั่งคุุยกันอยู่ เคย์ประหลาดใจที่โอโตวะที่ออสเตรเลียนั้นเหมือนกับที่ญี่ปุ่นไม่มีผิดเพี้ยนเลย ที่ญี่ปุ่นเป็นฤดูหนาว แต่ที่นี่กลับเป็นฤดูร้อน มิสึกิพยักหน้า ตอนแรกที่เห็นเธอก็ตกใจเหมือนกัน แต่เธอประหลาดใจที่ได้มาพบกับเคย์ที่นี่มากกว่า มิสึกิบอกว่าเธอกำลังขาดแคลนพลังจากรุ่นพี่เคย์อยู่พอดีเลย ขอชาร์จพลังหน่อยนะ แล้วมิสึกิก็ซุกหน้าไปยังตักของเคย์ เคย์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของมิสึกิจึงถามว่ามีอะไรเกิดขึ้นเหรอ มิสึกิรับว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแต่ว่าเล่าให้ฟังไม่ได้ เคย์เลยบอกว่ามิสึกิน่ะชอบฝืนตัวเอง แต่มิสึกิบอกว่าติดมาจากเคย์นั่นแหละ เคย์รีบบอกว่าเธอไม่ได้ฝืนตัวเองซะหน่อย มิสึกิเลยบอกว่าคนที่พูดแบบนั้นน่ะหล่ะคือคนที่ชอบฝืนตัวเอง ทำให้เคย์ต้องยอมแพ้ในที่สุด
มิสึกิถามเคย์ว่าทำไมจู่ๆถึงได้มาที่นี่อีกครั้ง เคย์ให้เหตุผลว่าเธอมีการบ้านอยู่นิดหน่อยน่ะ การบ้านที่ช้าไปห้าปี เวลานั้นเด็กสาวอีกคนที่มีผ้าปิดตาใด้เดินเข้ามายังสถานีแห่งนี้ จิฮิโระได้แวะมาที่สถานีแห่งซึ่งเป็นเรื่องปกติของเธอยู่แล้ว เคย์พอได้เห็นจิฮิโระก็ลุกขึ้นยืน จิฮิโระจดจำเคย์ได้ในทันทีแม้ว่าเวลาจะผ่านไป จิฮิโระโผเข้าไปกอดเคย์ ทั้งสองคนพร่ำบอกว่าอยากพบกัน จิฮิโระมีหลายๆเรื่องที่อยากจะบอกกับพี่ เรื่องที่เกิดเมื่อวันก่อนอุบัติเหตุเธอจดจำมันได้ราวกับเป็นเมื่อวาน (แน่ละสิคุณน้องขา…) จิฮิโระร้องไห้และขอโทษกับเคย์ เคย์บอกว่าจิฮิโระไม่ใช่คนที่จะต้องขอโทษเลย เธอเองนั่นหล่ะที่เป็นคนต้องขอโทษ จิฮิโระบอกว่าเธอนั่นหล่ะที่ผิด เธอจึงได้รับการลงโทษ เธอรู้ว่าเคย์น่ะชอบฮิโระแต่ก็ยังเข้าไปยุ่งเกี่ยว เคย์พร่ำบอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ทั้งสองคนร้องไห้ มิสึกิยืนมองทั้งสองคนอยู่ นางิที่ยืนอยู่อีกด้านพูดว่าทั้งสองคนนี้เมื่อได้พบกันก็จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดด้วยการกล่าวโทษตัวเอง ต่างฝ่ายต่างโทษตัวเองเพราะว่าเป็นห่วงอีกฝ่าย และนั่นทำให้ทั้งคู่เจ็บปวดลึกลงไปอีก แม้ว่าสุดท้ายจะเปิดใจยอมรับกันแต่พอความทรงจำของจิฮิโระกลับไปเริ่มต้นใหม่ ทั้งคู่ก็จะเริ่มทำร้ายกันเองอีกครั้ง วนเวียนไม่มีจบสิ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องแยกทั้งสองคนออกจากกัน..แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องเป็นห่วงแล้วสินะ… แล้วนางิก็หันไปมองพี่น้องทั้งสองคนที่กอดกัน
จิฮิโระมองไปยังท้องฟ้าแล้วพูดกับเคย์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่หลายอย่างเลยนะ เคย์บอกว่าวันนี้ที่เธอมาคุยกับจิฮิโระได้ก็เพราะกำลังใจจากรุ่นพี่สึสึมิ(เคียวสุเกะ) จิฮิโระบอกว่าเราก็เพราะเรนจิเธอจึงสามารถขจัดความเศร้าของเธออกไปได้ ในที่สุดทั้งสองคนก็สามารถเลือกใครคนอื่นที่ไม่ใช่ฮิโระได้ และก็สามารถมีความสุข เคย์ดีใจที่เธอได้มาที่นี่ เพราะว่าได้เห็นรอยยิ้มของจิฮิโระ จิฮิโระเองก็เช่นกัน มือของทั้งสองต่างกุมกันไว้
ในที่สุดทั้งสองคนก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งสองคนก็จะสามารถเผชิญหน้ากับมันได้ คงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว นางิพูดกับมิสึกิ แต่มิสึกิถามว่าทำอย่างไรเธอถึงจะเป็นอย่างทั้งสองคนนั้นได้ ถ้าไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องเจ็บปวด จึงทำให้ตัวเองเจ็บปวดแทน แต่สุดท้ายแล้วกลับทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม เพื่อความต้องการของคนที่เธอรัก เธอจึงต้องจากเขาไป จะทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากวังวนแห่งความเจ็บปวดนี้ไปได้ นางิมองไปที่มิสึกิแล้วบอกว่าเธอเองสินะ ได้ยินว่ามีคนไปตามตื๊อคุเซะอยู่ ช่วยเลิกซะทีได้ใหมมันน่ารำคาญ มิสิกิตกใจและถามว่าทำไม นางิเอามือท้าวสะเอวแล้วตอบว่าเพราะเธอนั้นเป็นคนรักของคุเซะ
อามามิยะเคาะประตูห้องยูโกะเพื่อขอเข้าไป เขาสอบถามยูโกะถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ยูโกะเล่าให้ฟังว่าเพื่อนร่วมชั้นได้รื้อกระเป๋าของเธอแล้วขว้างปาข้าวของออกมา และ “สิ่งนั้น” ก็อยู่ในกระเป๋า อามามิยะพอได้ยินก็เข้าใจและไม่ถามอะไรต่อ ยูโกะถามว่าสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ อามามิยะตอบแบบปัดๆแล้วถามกลับว่าให้เขาดูแขนหรือยังล่ะ ขอบอกไว้เลยว่าเขา(ยู)นั้นกลัวที่จะทอดทิ้งเธอไปยิ่งกว่าสิ่งใด ช่างโง่เง่าจริงๆ ก็แค่ทำเพื่อตัวเอง ยูโกะหยิบ “สิ่งนั้น” ออกมาจากกระเป๋า เป็นแท่งยาวห่อไว้ด้วยผ้า อามามิยะแปลกใจที่ยูโกะเก็บ “สิ่งนั้น” ติดตัวไว้ตลอดเวลา “ชดใช้บาปด้วยความตายก็คงจะเป็นไปไม่ได้” ยูโกะพูดกับอามามิยะ อามามิยะถามยูโกะว่าจะทำอย่างไรต่อ ยูโกะบอกว่าไม่ทำอะไร แค่อยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป อามามิยะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่านี่เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เลือกเดินในทางที่ผิด ยูโกะบอกว่าเธอนั้นเลือกเส้นทางผิดไปแล้ว อามามิยะจับมือของยูโกะที่ถือสิ่งนั้นอยู่ ยกขึ้นแล้วเอาปลายของมันจ่อไปที่คอของเขา….
ef – a tale of melodies. ก็ได้มาถึงตอนที่ 5 แล้ว เรื่องราวในตอนนี้ดำเนินไปอย่างช้าๆ เหมือนเป็นจังหวะหยุดพักให้เราได้เก็บรายละเอียดส่วนอื่นต่างๆของเรื่องก่อนจะโหมโรงมากว่า มิสึกินั้นผิดหวังคุเซะที่ไม่อาจตอบรับความรู้สึกของเธอได้ จิดใจของเธอเศร้าหมอง แต่ว่ามิสึกิกลับไปพบกับ ชินโด เคย์ ที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ เคย์ที่ได้กำลังใจจากเคียวสุเกะทำให้เธอมีความกล้ามากพอที่จะไปพบกับจิฮิโระ ปัญหาที่ค้างคาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อย จิฮิโระที่ได้พบกับเรนจิ เคย์ที่ได้พบกับเคียวสุเกะ ความรักช่วยเสริมสร้างความกล้าหาญ สิ่งนั้นทำให้หญิงสาวฝาแฝดทั้งสองที่ทุกข์ทรมานกับการกล่าวโทษตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสามารถก้าวไปข้างหน้าได้
สำหรับยูโกะนั้นยังไม่มีอะไรพิเศษมากนัก ยูโกะขัดขืนการกลั่นแกล้งเป็นครั้งแรก และยูที่ได้เห็นร่องรอยความผิดปกติบนร่างกายของยูโกะ ยูตรงเข้าไปหาครูอามามิยะที่เขาเกลียดชังเพื่อโวยวาย แต่ที่นั่นเขาพบว่าเงาที่ครอบคลุมยูโกะนั้นมันน่ากลัวและมืดมิดเกินกว่าที่เขาจะสามารถจินตนาการ ยูกับยูโกะเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังเหมือนมีช่องว่างบางๆที่มองไม่เห็น ขวางกั้นความรู้สึกของทั้งสองคนอยู่
ในตอนนี้ อิสึมิ เอมิ ประธานชมรมภาพยนตร์ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง เธอเป็นแฟนเก่าของเคียวสุเกะก่อนที่จะคบกับเคย์ เธอเป็นตัวละครที่น่าสงสารเพราะว่าไม่มีใครเลยที่จำชื่อของเธอได้ (สารภาพตรงๆว่าผมก็ลืม..หรือจะเรียกว่าไม่รู้ก็ได้ – ผู้เขียน) ในเรื่องก็เรียกแค่ว่าประธานชมรม(ภาพยนตร์)เฉยๆ ในภาคแรกเธอได้เลิกกับเคียวสุเกะไปเพราะรู้สึกว่าเคียวสุเกะไม่ได้มองมาที่ตัวเธอเลย และก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรตามมา ไม่ว่าจะเป็นฉากรำลึก ตบตี หึงหวง ใดๆ มีเพียงฉากเซอร์วิสเปลีอยกายเท่านั้นที่เธอถูกใช้งานอย่างโดดเด่น ช่างเป็นตัวละครที่แสนดีจริงๆ
ในช่วงที่เคียวสุเกะคุยกับเอมิ เขาหยิบกุญแจขึ้นมาและบอกว่าได้รับมาจากเพื่อน แล้วฉากหลังก็มีภาพของมิยาโกะขึ้นมา หลายๆคนอาจจะงง เพราะว่าสองคนนี้ในเวอร์ชั่นอนิเมนั้นไม่เคยคุยกันเลยแม้ว่าจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ที่จริงแล้วทั้งสองค่อนข้างสนิทกันมาก หลังจากที่ยูลาออกจากโรงเรียนเพื่อไปเป็นนักเขียนการ์ตูนเต็มตัว มิยาโกะก็ติดต่อกับเคียวสุเกะเสมอ เหมือนเป็นตัวกลางระหว่างฮิโระกับเคียวสุเกะ และเคย์ที่ผิดหวังจากฮิโระในตอนแรกก็เกลียดมิยาโกะ แต่ก็ค่อยๆทำความรู้จักและก็เข้าใจกันมากขึ้น ก็ทำให้ทั้งเคย์ มิยาโกะ เคียวสุเกะ นั้นเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน และบางครั้งถ้าฮิโระว่างก็จะร่วมกลุ่มด้วย เนื้อหาส่วนนี้มีในเกมและมังงะ แต่ในอนิเมถูกตัดทิ้งไปโดยสิ้นเชิง ส่วนตัวคิดว่าเพราะเนื้อหาของเคย์ถูกลดบทบาทลงไปแล้ว และก็อาจจะทำให้ธีมของเรื่องสดใสเกินไปหน่อย…
จากปากคำของเคย์ โอโตวะที่ญี่ปุ่นกับออสเตรเลียนั้นมีฤดูที่ตรงข้ามกัน เวลาในเรื่องช่วงที่เกิดเหตุการณ์ของมิสึกิ โอโตวะที่ออสเตรเลียเป็นฤดูร้อน แต่โอโตวะที่ญี่ปุ่นเป็นฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงต้นปี แต่มีจุดขัดแย้งที่ปฏิทินของฮิโระเป็นเดือนกรกฏา ตอนที่มิยาโกะนั่งบนดาดฟ้าก็ดูไม่น่าจะเป็นฤดูหนาว ไม่งั้นคงไม่นั่งสบายใจขนาดนั้น แต่พอช่วงที่เคย์คุยกับเคียวสุเกะกลับมีหิมะตกลงมามากมาย และนางิที่เพิ่งช่วยงานฮิโระเสร็จก็ยังโผล่มาชวนเคย์ไปออสเตรเลียอีก ทำให้รู้สึกว่ามีช่องว่างของเวลาโผล่ขึ้นมา อาจจะเป็น Plot Hole หรือว่าจงใจกันแน่? หิมะหลงฤดู? นางิผู้ทะยานข้ามกาลเวลา!? เอาเป็นว่าช่างมันเหอะ แต่ด้วยเหตุผลเรื่องฤดูที่แตกต่าง เป็นอีกจุดที่ยืนยันว่าในภาค Memories นั้น เหตุการณ์ของมิยาโกะและจิฮิโระไม่ได้เดินอยู่บนเส้นเวลาเดียวกัน
ในตอนที่เคย์พบกับจิฮิโระนั้นอนิเมก็สามารถสื่อออกได้กินใจดี อย่างที่เคยบอก จิฮิโระเป็นตัวละครที่น่าสงสาร ไม่ว่าเธอจะก้าวเดินไปทางก็ราวกับว่าจะแตกหัก เวลาจิฮิโระทำอะไรสักทีก็ดูเหมือนจะสะเทือนใจผมได้เป็นพิเศษ เนื้อหาของเคย์และจิฮิโระในตอนนี้นั้นเป็นส่วนที่ถูกแต่งเพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษ ไม่เคยปรากฏที่ใหนมาก่อนทั้งมังงะและเกม เป็นเหมือนบทสรุปของเคย์และจิฮิโระที่หาดูที่อื่นไม่ได้ ใครที่ติดตามเรื่องราวมาไม่สมควรพลาดฉากได้ประการทั้งปวง แม้ว่าเหตุผลของการก้าวข้ามผ่านกำแพงของทั้งสองจากปากของนางินั้นจะฟังดูขัดแย้งเล็กน้อย แต่ด้วยปัจจัยแวดล้อมหลายๆด้าน ก็พอจะพอจะมีน้ำหนักจนทำให้เริ่มจะมองเห็นเส้นทางสู่อนาคตของทั้งสองคน
นางิตอนโตที่ปรากฏตัวเข้ามาในอนิเมตั้งแต่ตอนที่แล้ว ในตอนนี้ได้ประกาศศักดาขับไล่มิสึกิให้พ้นจากคุเซะโดยอ้างว่าตัวเธอนั้นเป็นแฟนของคุเซะ แน่นอน ส่วนนี้ไม่มีในเกม ตอนที่ได้ยินครั้งแรกล่ะผมแทบจะสำลักออกมา อย่างนางิเนี่ยนะ! อย่ามาตลกดีกว่า! หากคุเซะจะหาแฟนสักคน ต่อให้นางิเป็นผู้หญิงคนเดียวบนโลกที่เหลืออยู่ คุเซะก็ยังอาจจะหันไปเป็นโฮโมเซ็กช่วลจับคู่กับยูแทน (ถึงนางิจะหน้าอกใหญ่ก็เหอะ) ส่วนตัวคิดว่าเป็นการโกหกเพื่อสร้างความกดดันให้มืสึกิมากกว่า เพราะเนื้อเรื่องในเกมหลังจากที่มิสึกิโดนคุเซะบอกว่าอย่าพบกันอีกนั้นค่อนข้างล่อแหลม ผมไม่มั่นใจเท่าใหร่ว่าจะปรากฏในอนิเมหรือไม่ แต่ด้วยจำนวนตอนที่เหลืออยู่หลายตอน ฉากนั้นมันอาจจะมีก็ได้ หรือมันอาจจะถูกตัดไปเพราะว่ามิสึกิอายุเพียง 15 ปีก็ได้…อันนี้ก็ทิ้งไว้เป็นปมละกัน
ครูอามามิยะ พี่ชายบุญธรรมของยูโกะเริ่มเปิดเผยให้เห็นตัวตนของเขามากขึ้น เบื้องหลังที่มืดมิดและบิดเบี้ยวค่อยๆสั่งสมและกดดัน เขาคือปมที่ใหญ่ที่สุดของยูโกะที่เธอจะต้องต่อสู้ อามามิยะมีหลายๆจุดที่คล้ายกับยู ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียน้องสาว การที่ไม่สามารถวาดรูปได้ หรือการเป็นคนที่ถูกยูโกะเรียกว่าพี่ชายเหมือนกัน ที่ต่างกันก็เพียงแค่สองด้านของเหรียญเท่านั้น ถ้าสังเกตดีๆ ผมรู้สึกว่ามุขตลกยูโกะนี่มันมาแนวเดียวกับของอามามิยะเลย ประเภทมุกผิดกาละเทศะแล้วก็ไม่ฟังคนอื่น สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ
End Card ในตอนนี้เป็นภาพของเรนจิและจิฮิโระ วาดโดย Zekkyou (絶叫) ผู้วาดโทร่าโดร่าเวอร์ชั่นมังงะนั่นเอง ผมยังไม่สามารถหาเว็บส่วนตัวของเขาเจอ ขอติดไว้ก่อนแล้วกัน ef – a tale of melodies. ในตอนหน้านั้นมีชื่อตอนว่า flection สำหรับชื่อตอนนั้น ใครที่สังเกตหน่อยก็น่าจะพอเห็นแล้วว่าหกตอนแรกนั้น มีชื่อตอนว่า ever, read, union, turn, utter, flection เมื่อนำคัวอักษรแรกของชื่อเรื่องมาเรียงกันจะได้คำว่า erutuf เมื่ออ่านกลับหลังจะได้คำว่า future หลายๆคนคงเดากันต่อไปเลยว่าตัวอักษรที่เหลืออีกหกตอนก็ควรจะเรียงกลับหลังได้คำว่า ebullient สินะ แต่ว่าไม่เลย! เพราะว่านอกจากจำนวนตัวอักษรจะไม่พอแล้ว ในตอนที่หกนั้นก็มีชื่อตอนว่า Reflection ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือตอนที่ 7 มีชื่อว่า Reutter ตอนต่อไปก็มีชื่อว่า Return, Reunion… ย้อนกลับไปเรื่อยๆ ผมมีรายชื่อตอนถึงแค่ตอนที่ 9 แต่จากการคาดเดา ก็คง Re ไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงตอนสุดท้าย ซึ่งน่าจะถูกเปลี่ยนเป็น Forever เพื่อกลับสู่คำที่เป็นรากเริ่มจุดแรกสุดของเรื่อง ef – a fairy tale of the two. อีกครั้ง

**เกร็ดแถมพิเศษ**
* พาสเวิร์ดตอนนี้คือ “Black” อยู่บนกระป๋องกาแฟ
* ตอนนี้ไม่มีตัวประกอบเลย! แม้แต่ฉากตบตีก็ไม่มีคนให้เห็น Shaft ทำได้!
* OP เปลี่ยนไปเล็กน้อย ตรงช่วงภาพคน 4 คนเดิมเป็นเงาเป็นสีหมดแล้ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *