197 | CLANNAD ~After Story~ เกิดอะไรขึ้นกับเกียวอนิ

ในภาพอันลางเลือน บนรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าไปยังที่ใหนสักแห่งห่างไกลความเจริญ มีชายหนุ่มคนหนึ่งกับเด็กชายหนึ่งคน หากสังเกตดูแล้วก็จะรู้สึกได้ว่าทั้งสองนั้นคงจะเป็นพ่อลูกกัน ท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีเหลือง พ่อลูกทั้งสองจูงมือกันเดินก้าวไป… ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนจากนางิสะให้ระวังดังขึ้นมา ภาพฝันอันลางเลือนก็พลันหายไป โทโมยะรับบอลที่พุ่งมาได้อย่างเหมาะเหม็งด้วยความเป็นพระเอก นางิสะก็พยายามเข้ามาช่วยด้วยการล้มทับลงมาบนร่างของโทโมยะครึ่งนึง ครอบครัวของนางิสะรวมถึงโทโมยะได้มาเล่นเบสบอลกับเด็กประถมที่สวนสาธารณะกัน และโทโมยะก็เผลอหลับไปข้างๆ นางิสะ

ตรุ๊งๆ ตรุ่งๆ โอเพนนิ่งมาแล้ว รูปแบบถูกต้องตามจารีตประเพณีของ Kyoto Animation ทุกอย่าง เพลงเปิดร้องโดย Lia ขาประจำและยังคงรักษาคุณภาพไว้อย่างดีเยี่ยม มีการแนะนำตัวละครและภาพอธิบายเหตุการณ์เล็กน้อย ลำดับความสำคัญลดหลั่นกันไปตามบทที่ได้รับ เราจะได้เห็นเพลงนี้และภาพโอเพนนิ่งแบบนี้ไปอีกมากกว่า 20 ครั้ง ถ้าหากเกียวอนิไม่เปลี่ยนโอเพนนิ่งเลยเหมือนเมื่อซีซันที่แล้ว

ไม่รู้ว่าด้วยผีห่าซาตานตนใดกันที่ดลใจคุณพ่อของนางิสะเกิดบรรลุไอเดียแข่งเบสบอลกับย่านการค้าเมืองข้างๆ และแน่นอน ทีมของคุณพ่อก็ต้องมีโทโมยะพระเอกของเรื่องอยู่ด้วยไม่ว่าเขาจะพอใจหรือไม่ และก็ตามแบบฉบับอนิเมที่ดี โทโมยะต้องชักชวนเพื่อนๆ มาร่วมทีให้ได้มากที่สุด และก็จะไม่มีใครปฏิเสธ หรือถึงจะเล่นไม่ได้แต่ก็ยังมาเชียร์เอา airtime อยู่ดี ในเวลาเพียง 4 นาที โทโมยะก็รวบรวมเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น เคียว, โทโมโยะ, ยูสึเกะ, น้องสาวของชิโนฮาระ, คุณเจ้าของหอพัก ฯลฯ เข้าทีมได้ครบทุกคนอย่างง่ายดาย
เพื่อให้คุ้มกับเวลาก็เริ่มแข่งเบสบอลกันเลย ทีมเบสบอลของพระเอกนั้นเต็มไปด้วยหญิงสาวในชุดบลูมเมอร์ นี่คงเป็นทีมเบสบอลที่โมเอ้ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล หน้าอกของตัวละครสาวทุกคนล้วนเด้งขึ้นเด้งลงอย่างที่แฟนๆต้องการ จากนั้นเหล่าตัวละครสาวน้อยทั้งหลายต่างผลัดกันออกมาแนะนำตัวและปล่อยมุขตลกกันอย่างต่อเนื่อง โดยร้อยละ 75 มันไม่ขำเลย ส่วนอีก 20% นั้นผมไม่สามารถจับใจความได้ว่าพวกเธอจะทำอะไรกันแน่ อีก 5% ที่เหลือนั้นคือโคโตมิของผมที่ได้รับการยกเว้นแม้ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยก็ตามที ส่วนยูสุเกะนั้นเป็นตัวละครที่น่ารำคาญที่สุด นอกจากมันจะไม่ตลกแล้วมันยังเสียเวลาอีกด้วย ผมรู้สึกชื่นชมจากใจจริงสำหรับใครก็ตามที่รู้สึกขำขันกับมุขที่ปล่อยออกมา ชีวิตของคุณนั้นช่างเต็มไปด้วยความสุขอันยากที่ใครจะแย่งชิงไปได้

ตามธรรมเนียมอนิเมะที่ดีอีกแล้ว ทีมพระเอกนั้นจะต้องมีแฮนดิแคปเสมอ นอกจากทั้งทีมจะมีแต่หญิงสาวที่มีพลังเหนือมนุษย์เป็นส่วนใหญ่แล้ว ทางทีมยังต่อให้ด้วยการให้คุณพ่อของนางิสะเกิดบาดเจ็บและให้นางิสะมาเป็นพิทเชอร์แทนอีก! ต่อให้ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่สูสีก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะเนี่ย อาจจะต้องให้โบตั๋นคุงมาเป็นแคทชเชอร์ด้วยซะละมัง(ปุฮิ!)
ตัวเรื่องสร้างปมไว้ว่าโทโมยะนั้นไม่สามารถยกแขนสูงได้ ทำให้ตีลูกไม่ได้สักทีได้แต่ทำบันช์ และตอนสุดท้ายทีมของสาวๆนั้นถูกนำอยู่ 1 คะแนน แต่ได้ฟูลเบส แล้วโทโมยะก็ออกไปตีเป็นไม้สุดท้ายเพื่อตัดสินเกม แน่นอน..ด้วยกำลังใจอันล้นหลามจากสาวๆในฮาเร็มโทโมยะก็ไม่ทำให้ทุกๆคนผิดหวัง…

…แต่ตอนนี้ทั้งตอนทำให้ผมผิดหวังอย่างแรง! อย่างแรกคือ CLANNAD ไม่ออนแอร์เป็น High Definition แต่รู้สึกว่าจะเป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่าที่คิดจึงละไว้แบบไม่พอใจเท่าใหร่ หรือว่าจริงๆ แล้วจะเป็นเหตุผลอ้อมๆ ที่บีบให้แฟนๆ ซื้อ DVD มาเพื่อดูขาอ่อนของเคียวที่ตกจอไปก็ไม่รู้
อย่างที่สองคือคุณภาพอนิเมชั่นที่ตกลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่ามันไม่สวย แต่ว่าเดิมมันสวยกว่านี้ และมันก็ควรจะสวยกว่านี้ สตูดิโอระดับ Kyoto Animation มีผลงานมาสเตอร์พีชมาแล้วทั้ง AIR, Suzumiya Haruhi no Yuuutsu หรือ Lucky Star ระดับคุณภาพของอนิเมชั่นนั้นหาใครเทียบได้ยาก แต่สำหรับ CLANNAD – After Story นี้ตอนแรกนั้นสามารถรู้สึกได้ถึงคุณภาพที่ตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด สัดส่วนตัวละครที่ผิดเพี้ยน การใช้ 3D ร่วมใน background แล้วไม่กลมกลืน พื้นที่เลื่อนไม่ตรงกับจังหวะเดินของเท้า ล้วนแต่เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่เห็นได้ในอนิเมทุนต่ำทั่วไป แต่ไม่ใช่กับสตูดิโอระดับ Kyoto Animation แล้วยิ่งตอนนี้เป็นตอนแรก ซึ่งควรเป็นตอนที่มีเวลาสร้างมากที่สุด ก็ควรจะมีจุดผิดพลาดน้อยที่สุด แสดงเทคนิคที่ตระการตาหรือทิ้งปมเด่นๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมอยากติดตามตอนต่อๆไป และก็ควรจะสร้างอะไรที่น่าประทับใจหน่อย ไม่ใช่แข่งเบสบอลติงต๊องที่ไม่ได้มีผลอะไรกับเรื่องราวเลยแม้แต่น้อย ใครที่ดูภาคแรกมาแล้ว ตอนนี้ไม่ต้องดูก็ได้ ส่วนใครก็ตามที่ไม่ได้ดูภาคแรกมาก่อน ก็สามารถข้ามตอนนี้ไปเลยก็ได้อยู่ดี!
เพราะว่า CLANNAD ภาคนี้นั้นเป็นภาคต่อ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีช่วงแนะนำตัวละครอีกรอบ ตัวละครทุกคนล้วนแต่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ทำให้ยิงมุขฝืดสมใจได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นตอน ด้วยความที่มันเป็นอนิเม 25 ตอนจบ (โดยประมาณ) จึงมีเวลาให้ใช้อยู่มากมาย กลัวเหลือเกินว่ามันจะถูกถมให้เต็มด้วยเรื่องไร้สาระ หรือมุขตลกซ้ำซาก จากปัจจัยลบหลายอย่างที่พบในตอนแรก ดูเหมือนภาระที่จะต้องดู CLANNAD~After Story~ให้จบนั้น ดูจะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสเอาการสำหรับผมอยู่ไม่น้อย ในใจลึกๆหวังไว้ว่ามันจะสนุกขึ้นบ้างหากเวลาผ่านไป

10 thoughts on “197 | CLANNAD ~After Story~ เกิดอะไรขึ้นกับเกียวอนิ”

  1. ผมเห็นด้วยกับเขาคือ คุณภาพ ภาพ Drop ลงจริงๆ เมื่อเทียบกับ Clannad ภาคแรกับ Kanon

    ส่วนเรื่องมุขผมเข้าใจครับ ว่าท่านไม่เคยเล่นเกมเลยไม่รู้่

    เพราะร้อยละ 90% ของมุขที่ยิงมาในแต่ละช่วงนั้น “มีในเกมทั้งหมด” อีก 10% นั้นเป็นมุขที่เพิ่มเข้ามาเล็กน้อยๆเท่านั้น

    แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่างว่าคือบางทีมุขไม่จำเป็นก็ไม่ต้องยัดมาให้หมดก็ได้ เพราะเดี๊ยวจะเหมือนภาคแรกที่ตัวละครทั้ง 3 เนื้อเรื่องถูกหักดิบจบใน 1 ตอน

  2. เฮ้อ…เราไม่เห็นว่าภาพจะแย่เลยนะ
    ในความคิดเรา ภาพมันพัฒนาขึ้นมาก… สีของภาพ และความเป็นธรรมชาติของตัวละคร
    สีมันโอเวอร์ไปมาก ในภาพ air kanon มันเหมือนการ์ตูนผู้หญิงทั่วไป
    แต่เรื่องนี้ เวลาดูมันให้อารมณ์เป็นชีวิตคน
    เรื่อยๆ ราบเรียบ แต่แฝงอะไรเอาไว้ในการดำเนินชีวิต
    ถ้าเอาแต่บ่น และจับผิิด
    จะพลาดเรื่องดีๆ เรื่องหนึ่งไปเลยนะ
    ดูให้จบก่อนแล้วค่อยบ่นก็ยังไม่สาย

    1. เหอะ อ่านให้ละเอียดหน่อยครับ ผมหมายถึงภาพตอน 1 มันห่วย ลองไปเทียบดูสิครับว่าตอน 1 มันห่วยขนาดไหน หน้าเบี้ยวบูด ผิดส่วน เต็มไปหมด จนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเกียวอนิ ส่วนตอนอื่นก็กลับมาดีเหมือนเดิมครับ
      เรื่องนี้ดูแล้วเป็นชีวิตคน! โอ้พระเจ้า ไม่คิดว่าจะได้เห็น “CLANNAD IS LIFE” เวอร์ชั่น ภาษาไทย นับว่าประมาทไม่ได้จริงๆ แต่เวลาจะตอบอะไรรบกวนช่วยดูวันที่ด้วยนะครับผมดูจบแล้วหล่ะเรื่องนี้ นานแล้วด้วย และมันก็ไม่เห็นจะแตกต่างจากที่รู้สึกในตอนแรกเลย
      CLANNAD เรื่องนี้คงเป็นอนิเมที่ถูกยกให้เป็นอนิเมดีๆ เปิดหูเปิดตาโลกแคบๆของโอตาคุกระมัง

  3. ทานโทษนะครับ
    ชอบก็ดูต่อไป
    ไม่ชอบก็เลิกดู
    จะวิพากษ์วิจารณ์หาพระแสงอะไรคับ
    มีปมด้อยเมื่อครั้งยังเด็กเหรอครับ

  4. มุกเก่าจังเลยนะครับ
    พื้นฐานของคนไม่รู้จะเถียงอะไรแล้ว
    ก็งัดไอ้ “ไม่ชอบก็เลืิกดู” เสียทุกรอบ
    ถ้างั้นผมต้องตอบว่า “ไม่ชอบก็ไม่ต้อง
    มาอ่านสิคร๊าบบบบ” หรือเปล่า
    แต่จริงๆแล้วผมชอบให้มาตอบเยอะๆนะ ฮา

  5. ผมว่า ดีน่ะ จับผิดแบบเนี้ยะ แล้วแคะแกลนแบบเนี้ยะ ผมอ่านแล้ว ช๊อบบบ!!! อ่านแล้วรู้สึกหมั่นไส้ยังไงไม่รู้ 555(ส่วนตัวหน๊ะ) เป็นส่วนหนึ่งที่เรื่องนี้ทำออกมาหลายตอนแล้วในแต่ล่ะตัว ค่อยข้าง เปลืองบท มันน่าเบื่อไร้สาระ เสียเวลา แต่มันทำให้เราดูแล้วรู้สึกเข้าไปอยู่ในส่วนนั้นของการ์ตูนได้ง่าย ยิ่งดูมากเราก้อจะ คุ้นเคย รู้สึกร่วมไปโดยที่ไม่รู้ตัว แล้วจะค่อยๆเพิ่มเนื้อหาที่เข็มข้น ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดคลายแม๊กซ์ เป็น”ส่วนหนึ่ง”ที่ทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับการ์ตูน เป็นหลักการง่ายๆทางจิตวิทยา ในการจูงใจคนดูคับ

  6. ผมว่า after story มันเป็นเมะที่สุดยอดเรื่องนึงเลยนะ ช่วงอืดๆแบบกลางๆภาคแรกเลย ก็แทบจะไม่มีเลย แล้วฉากสะเทือนอารมณ์ก็ทำได้ดี ดูแล้วรู้สึกเศร้าจริงๆ แล้วภาคนี้ยังเป็นภาคที่เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะ โทโมยะ ส่วนที่คุณได้รีวิวมา ผมว่ามันก็จริงส่วนนึง แต่อย่าไปอคติให้มากครับ เพราะเมะสมัยนี้มันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ รวมไปถึงไอ่เรื่อง ขนาดภาพ 4:3 กับ 16:9 อย่างเรื่อง k-on ก็เป็นครับ มันเป็นเรื่องการตลาดอย่างนึงที่ต้องการให้ขายแผ่นDVD หรือ blu ray ให้มากขึ้นนั่นเอง เนื่องจากคุณภาพของมันเหนือกว่าเวอร์ชั่น TV นั่นเอง

  7. ผมว่าจากคอมเม้น3 คุณแสดงความเห็น ที่ออกไปในทางดูถูกคนอื่นนะครับ ผมว่าการแสดงออกทางความคิด กับการดูถูกคนอื่น มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันนะครับ สำหรับผมนะ ตอนที่18ของafter story มันก็กลบขอเสียของเรื่องนี้ไปได้เยอะแล้วครับ เหอๆๆ

  8. ข้างบนจัดหว่าหล่อใช้ได้ครับ เรื่องดูถูกคนอื่นนั้นใช่ครับ
    แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างไร
    ฉากสะเทือนใจทำได้ครับ ยอมรับ ชอบมาตั้งแต่ AIR แล้ว แต่บังเอิญฉาก
    ที่ผมรอคอยมันไม่ใช่ฉากสะเทือนใจครับ ผมรอฉากชีวิตล้มเหลวของโทโมยะ
    แต่เกียวอนิกลับไม่นำเสนอเลยสักนิด
    ส่วนเรื่อง 4:3 นั้นไม่ใช่เรื่องการขาย DVD นะครับ มันเป็นเรื่องของสถานีต่างหาก สถานีแรกที่ฉาย CLANNAD นั้นผมจำชื่อสถานีไม่ได้ เป็นสถานีใหญ่ และฉายด้วยระบบ 4:3 แถมยังได้ฉายก่อนช่องอื่นที่ฉาย 16:9 ถึงร่วมๆสามอาทิตย์ ไม่เกี่ยวกับ DVD แต่อย่างไร และ CLANNAD เนี่ย ไม่มี BD นะครับ มีแต่ DVD ที่เป็น SD เท่านั้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *