196 | Tales of Vesperia

ในช่วงสองสามปีหลังๆมานี้ Namco ได้ปล่อยเกมซีรี่ Tales of….. มาเป็นจำนวนมากมายเหลือเกิน หลายภาคก็ได้รับคำชมหลายๆภาคก็ได้คำด่าคละเคล้ากันไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยบุญคุณหลายๆอย่างที่สั่งสมกันมา ซีรีส์ Tales of ก็มีแฟนๆติดตามอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
 border=0
Tales of Vesperia เป็นภาคล่าสุดของซีรี่ส์ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่ามันเป็นโปรเจ็ค Tales of ที่ใหญ่ที่สุดในช่วงนี้ มันเป็นเกม RPG บนเครื่อง NextGen (หรือผมควรจะเรียกมันว่า Current Gen ได้แล้ว?) อย่าง 360 มีคาแรกเตอร์ดีไซน์อย่าง Fujishima Kousuke (Ah! My Goddess, Sakura Taisen) มันมีทีมนักพากย์ชื่อชั้นไม่ชั่ว เพลงเปิดอย่าง Ring A Bell โดย Bonnie Pink และยอดขายมันก็ไม่เลวเลยทีเดียว
สำหรับภาคนี้ก็ยังคงเอกลักษณ์จุดแข็งของ Tales of ไว้อย่างครบถ้วน ระบบการต่อสู้แบบเดิมที่บังคับเพียงแค่ตัวใดตัวหนึ่ง โจมตี+ใช้ไม้ตายอย่างต่อเนื่อง การทำคอมโบ ระบบฟิลด์ การทำอาหาร ระบบ Skit ที่อ่านเพลินๆ หรือเนื้อเรื่องที่ใช้ฉากในยุคกลางผสมผสานระหว่างดาบและเวทย์มนต์ เรียกได้ว่าเอาใจแฟนๆกลุ่มเดิมอย่างเต็มที่ สารภาพตามตรง นี่เป็นเกมซีรี่ส์ Tales of ภาคแรกที่ผมเล่นในรอบหลายปีเลย ภาคแรกที่ผมเล่นนั้นคือ Eternia และก็ค่อนข้างชอบมากเลย และก็เลยตามมาเล่น Destiny 2 อีกภาคแต่ว่ากลับไม่ค่อยประทับใจเท่าใหร่ จากนั้นมาก็ไม่ได้เล่นอีกเลย จนกระทั่งมาภาคนี้
 border=0
Tales of Vesperia ภาคนี้มีข้อดีโดดเด่นหลายอย่าง นอกจากกราฟฟิคของเกมที่อยู่ในระดับค่อนข้างดีและสบายตา การออกแบบตัวละครก็น่ารักสมกับเป็น Fujishima Kousuke แต่จริงๆผมชอบลายเส้นของ Inomata Mutsumi (Eternia, Tempest, Innocent) มากกว่า พอเปลี่ยนมาเป็นโพลิกอนแบบเซลเฉดก็ทำออกมาได้สวยงาม อีกจุดที่ทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อก็คือเกมโหลดได้เร็วและเล่นได้อย่างลื่นใหลมาก (ยิ่งถ้าเทียบกับ Lost Odyssey แล้วนี่ต่างกันราวฟ้ากับเหว) บทสนทนาในเกมก็ใช่ภาษาอ่านง่าย (ยกเว้นสิ่งที่ริต้าพยายามจะอธิบาย ผมก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพยายามจะอธิบายพอๆกับที่เอสเทลมึนนั่นหล่ะ) สำหรับภาคนี้ผมเล่นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ และไม่มีโอกาสได้ลองเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นเท่าใหร่ แต่เสียงพากย์ภาษาอังกฤษนั้นก็ทำได้ดี มีเสน่ห์ เข้ากับตัวละคร ผมชอบเสียงของจูดิธมาก มันให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่และแหบเซ็กซี่ไปพร้อมๆกัน
สื่งที่ผมค่อนข้างพอใจและอยากจะพูดถึง Tales of Vesperia ที่สุดก็คือเนื้อเรื่องและตัวเอก หรือต้องบอกว่าตัวเอกที่ชื่อยูรีและเนื้อเรื่องเป็นบริบทย่อยมากกว่า ตัวเนื้อเรื่องของเกมจริงๆแล้วไม่มีอะไรมากเลย การเดินทางของเอสเทลองค์หญืงที่อยากรู้จักโลก แล้วก็ค่อยๆออกนอกลู่นอกทางอย่างเกม RPG ทั่วไปที่จะต้องดำเนินเรื่อง ค้นหาตัวเองนิดหน่อย แล้วก็ให้กำเนิด Spirit ของทั้ง 4 เพื่อกอบกู้โลก จบ แฮปปี้เอนดิ้ง เอสเทลเป็นตัวละครที่น่ารักแต่ไม่มีอะไรให้จดจำเท่าใหร่นัก แต่ตัวละครที่สะดุดตาผมเป็นพิเศษคือพระเอกของเรื่อง “ยูริ” มากกว่า
ถึงจะชื่อยูริก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงแล้วก็ไม่ได้หัวโล้นแต่อย่างไร ยูริเป็นหนุ่มน้อยบ้านนอกที่ไปเป็นอัศวินแล้วเกิดทำตัวขวางโลกจนเด้งออกมาจากหน่วยอัศวินกลับมาอยู่ในสลัม วันๆก่อแต่ปัญหา ยูริมีเพื่อนสนิทคนนึงชื่อฟลิน (เฟรนในภาษาญี่ปุ่น) ทั้งสองคนยังเป็นคู่แข่งกันอีกด้วย ฟลินตรงข้ามกับยูริ ฟลินเป็นเป็นคนเอาจริงเอาจัง รับผิดชอบ เถรตรง รักความยุติธรรม ไม่ให้อภัยความชั่ว แต่การคงอยู่ของฟลินทำให้ยูริโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ
 border=0
ยูริเป็นพระเอกเกม RPG ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมไม่แน่ใจเท่าใหร่นัก แต่เท่าที่จำความได้ ยังไม่เคยเจอพระเอก”สีเทาดำ”แบบนี้มาก่อน โดยทั่วไปแล้วพระเอกเกม RPG จะมีสองประเภท อย่างแรกก็คือพวกนักผจญภัย พวกนี้จะตื่นเต้นอยู่ตลอด มองโลกในแง่ดี เป็นคนดี รักความยุติธรรม ไม่ค่อยฉลาด ขยัน ตัวอย่างก็คือ Rody จาก Eternia, Butz จาก FF5 Lock จาก FF6 หรือ อัลเกรตโต้จากทรัสตี้เบล และอีกหลายๆเกม ซึ่งเป็นรูปแบบที่เข้าใจง่ายและไม่ขัดต่อจารีตและความรู้สึก ส่วนอีกประเภทนึงคือพระเอกแนวเก็บกดเงียบขรึม พวกนี้จะมีฝีมือเก่งกาจ ขี้เก็ก ไม่ค่อยพูดอะไร ชอบทำหน้าเท่ตลอดเวลา แล้วยังแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวเสมอ ตัวอย่างเช่น Cloud จาก FF7 หรือ Kaim จาก Lost Odyssey ซึ่งมันเหมือนกับสมัยนิยมนิดหน่อยสำหรับพระเอกเกม RPG ที่นิสัยแบบนี้ เพราะช่วงหลังๆก็น้อยลงมาก
สำหรับยูรินั้นอยู่ในแบบครึ่งๆกลางๆ กฏเหล็กของ RPG ฝั่งญี่ปุ่นคือพระเอกจะไม่ฆ่าคน โดยเฉพาะพระเอกแบบแรก สำหรับพระเอกแบบหลังนั้นอาจจะกระทำบ้าง แต่ก็มักจะออกมาจากสภาวะจำยอม หรือสุดจะทนจริงๆ มันเป็นเหมือนข้อจำกัดทางศีลธรรมที่มีต่อคำว่าเกม แต่ยูริไม่ ยูริฆ่าคนโดยเจตนา เพื่อเป้าหมายแล้วเขาไม่เลือกวิธีการ และมักจะชอบทำให้ตัวเองมือสกปรกอยู่เสมอ นั่นก็ทำให้ยูริเป็นพระเอกที่เข้าออกคุกเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้เราไม่รู้สึกรังเกียจหรือเบื่อก็เพราะสิ่งร้ายๆที่เค้าทำมักจะเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง ยูริจึงเป็นคนที่มีธีมสีเทาหม่นๆตลอดเวลา แต่กลับกันนิสัยเขากลับร่าเริงกวนประสาท คำพูดที่ออกจากปากยูริมักจะเต็มไปด้วยการจิกกัดแบบน่ารัก(หรือเปล่า?) มีมุขตลกอยู่ตลอดเวลา พึ่งพาได้ แฝงไปด้วยแววยียวนกวนโทสะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรสำหรับกลุ่มและคอยชี้นำให้คนอื่นอยู่เสมอ ถ้าให้เปรียบเทียบแล้วยูริจะมีบุคลิกคล้ายกับเหล่าฮีโร่ฝั่งอเมริกาในกลุ่มที่เรียกว่า Dark Heroes หรือ Anti Heroes คือปกป้องความยุติธรรมด้วยวิธีการนอกเหนือจากกฏหมายและศีลธรรม
คำจำกัดความของยูริคงจะเป็น “คนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง” แต่มันไม่ใช่ขัดแย้งแบบเครียดๆที่พระเอกประเภท 2 ชอบทำ แต่เขาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่หยอกล้อกัน แต่เค้าก็โกหกและก็ทำส่ิงเราไม่อยากให้ทำไปพร้อมๆกัน และพอรู้ความจริงก็กลับเกลียดเขาไม่ลง ตัวละครที่ได้รับอิทธิพลจากยูริมากที่สุดก็คงเป็นเอสเทล เอสเทลเป็นนางเอกหัวอ่อน ไร้เดียงสา ไม่ทันคน แต่ว่ามีจิตใจดีงาม หุนหันพลันแล่น หากไม่มียูริแล้วตัวละครตัวนี้ก็คงต้องใช้ชีวิตในปราสาทตลอดไป ตลอดเวลาที่เล่นผมรู้สึกว่ายุรินั้นคอยชี้นำให้เอสเทลเป็นแบบที่เขาต้องการเสมอ และมักจะใช้วิธีเหมือนให้เอสเทลเป็นคนคิดเอง แต่สุดท้ายก็เป็นสิ่งที่ยูริอยากให้ทำทั้งสิ้น แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เส้นทางที่ยูริผลักให้เอสเทลเดินไป ก็เป็นเส้นทางที่เอสเทลพอใจเป็นที่สุด
 border=0
ตัวละครอื่นๆในเรื่องไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำเท่าใหร่นัก อย่างริต้านักเวทย์ซึนเดเระ(กับผู้หญิงด้วยกัน) แครอลเด็กยกของ ถ้าพูดถึงตัวละครเฉยๆ นอกจากยูริที่ผมไม่อาจจะจำกัดความได้ว่าชอบซะทีเดียว มันออกไปทางประหลาดใจมากกว่า ผมชอบจูดิธครับ สาวสวยเซ็กซี่ถือหอก ยิ้มแย้มแต่ลุ่มลึก ภายรอยยิ้มนั้นไม่อาจจะรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่ (หรือจริงๆไม่ได้คิดอะไรต่างหาก lol) เล่นเกมไปแล้วจะรู้สึกเหมือนจูดิธเป็นผัวเมียกับยูริ เพราะนิสัยเหมือนกัน มองตาไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจกัน จริงๆแล้วจูดิธมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายยูริอยู่ แตกต่างกันที่เธอเลือกที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า และใส่ใจกับผู้คนรอบๆตัวน้อยกว่า
Game Play ของ Tales of Vesperia นั้นจัดว่าทำได้ดีเล่นได้สนุก เป็นแอคชั่น RPG ที่ไม่น่าเบื่อ แม้จะเหมือนทำอะไรซ้ำซากแต่ก็ทำได้เรื่อยๆ เล่นท่าไม้ตายพลิกแพลง ต่อคอมโบหรือเปลี่ยนตัวที่บังคับ ทำให้เกิดความหลากหลายในการเล่นได้ดี โดยปกติแล้วเกมที่มีลักษณะเล่นตัวใหนก็ได้ พระเอกมักจะเป็นตัวละครที่เล่นง่ายสุดหรือเก่งที่สุด ผมเล่นไปสักพักก็รู้สึกว่าคนทั้งโลกเกือบทั้งหมดก็คงเล่นยูริเป็นตัวหลัก ผมเลยตัดสินใจเล่นจูดิธเป็นตัวหลักแทน ซึ่งเล่นได้ไม่มีปัญหา สนุกกับการทำแอร์คอมโบและกระโดดฟาดอย่างเมามัน
หลังจากเล่นเกมจบ 1 รอบ แต่ว่ายังไม่ได้ทำ Event หลายๆอย่างหรือฆ่าบอสพิเศษ ข้อด้อยของ Tales of ภาคล่าสุดนี้ก็มีอยู่หลายจุด อย่างแรกก็เป็นคัทซีนที่จืดชืด ยอมรับว่าบทพูดของเกมนั้นทำได้ดีแล้ว แต่ ณ​ ปัจุบันนี้เกมคอนโซลได้พัฒนาไปไกลจนถึงจุดที่ไม่เคยมีมาก่อน ตัวเกมเองก็ทำกราฟฟิคได้ไม่เลวเสียงพากย์ก็ดี แต่ว่าคัทซีนของเกมกลับไม่ได้แสดงพลังออกมาเลย บ่อยครั้งมาที่คัทซีนของเกมจับมุมกล้องระยะไกลให้เห็นตัวละครครบทุกตัว แล้วก็พูดสลับกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้เห็นสีหน้าของตัวละครเลย หรือแม้แต่ฉากสำคัญที่มีแอคชั่นสูงๆก็ยังทำได้ธรรมดามาก มุมกล้องจืด เอฟเฟ็คจืด แอคชั่นจืด แฟนๆ Tales Of อาจจะบอกว่าเกมอย่าง Tales ไม่เน้นเรื่องคัทซีนหรือกราฟฟิคอยู่แล้ว แต่ตัวเกมเองก็มีกราฟฟิคระดับสูงทั้งทีน่าจะทำให้มันดีไปเลย เดี๋ยวนี้ Cinematic ของเกมบางเกมทำได้ดีและยอดเยี่ยมประหนึ่งดูภาพยนตร์อยู่เลย และเกมชื่อชั้นอย่าง Tales of Vesperia ก็ควรจะเป็นหนึ่งในนั้น
 border=0
นอกจากเรื่องโมเดลศัตรูที่ซ้ำกันบ่อยมากแล้ว กับตอนกลางคืนของเกมที่แสนจะมืดจนมองอะไรไม่เห็น จุดด้อยที่ชัดเจนก็คือ Tales of Vesperia นั้นมีแทบไม่มีอะไรให้ทำหลังจากจบเกมเลย การตามหาอาวุธ 7 อย่างก็ไม่ได้ยากเย็นหรือมีบอสอะไรที่น่าตื่นเต้น เกาะลับ Namco Banda ก็มีไว้เล่นมินิเกมเรื่อยเปื่อย มีบอสลับที่ต้องสู้จากการตามหาอาวุธ 7 อย่าง 1 ตัว ยากสุดๆ แต่ก็มีอยู่เท่านั้นจริงๆ ถ้าหากเล่นเกมจบแล้วแต่ยังไม่เล่นรอบสองก็แทบจะไม่มีอะไรให้ทำเลย แต่ไม่รู้จะเป็นข้อดีในข้อเสียหรือว่าเป็นข้อดีเฉยๆกันแน่ คุณค่าการเล่นซ้ำของ Tales of Vesperia กลับอยู่ที่การเล่นอีกรอบจริงๆ ถ้าทำตามเงื่อนไขแล้ว ตัวเองสามารถส่งผ่านความสามารถหลายๆอย่างจากรอบแรกไปให้รอบสองได้ และก็ปรับความยากให้ยากขึ้นได้อีก ทำให้ศัตรูเก่งขึ้น และรายละเอียดต่างๆที่สอดแทรกในเนื้อเรื่องก็มากมายหลากหลายจนถ้าไม่่รู้ เล่นรอบเดียวไม่มีทางจะเก็บได้หมดแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ผมไม่เห็นรู้สึกดีอะไรกับเกมที่ปรับความยากไปมาได้ตลอด เหมือนกับว่าโดนเอาตัวเลขเข้าข่มตัวละครในทันซึ่งมันก็ไม่ค่อยมีน้ำหนักที่จะทำให้รู้สึกท้าทายเท่าใหร่นัก
สรุปว่า Tales of Vesperia นั้นเป็นเกมที่คุ้มค่าแก่การเล่น และไม่ผิดหวังที่ได้เล่นไป สามารถสนุกกับเกมได้ตลอดเวลาที่เล่น มีเนื้อเรื่องที่สนุกสนานน่าติดตามเข้าใจง่าย สำหรับแฟนๆ Tales นั้นก็ยิ่งเล่นได้หลายรอบมากเป็นพิเศษ ผมก็คงจะเล่นคาสิโนสะสมชิปไปแลกไอเท็มหรือเล่นสะสม Grade เพื่อส่งต่อความสามารถรอบสอง แล้วจากนั้นอาจจะคิดอีกทีว่าจะเล่นรอบสองต่อนานขนาดใหน
 border=0
ปล.คะแนนเททริสที่อัพบังชั่วคราวไว้ดูได้ที่นี่
ตอนนี้เป็นคะแนนสูงสุดของผม เล่นเสร็จมึนหัวมาก อย่างกับจะเป็นลมบ้าหมู สามารถเช็คคะแนนต่างได้ที่เว็บไซต์หลักของ Quinn Tetris หรือจะดาวน์โหลดมาเล่นก็ได้นะ แต่เป็นของเครื่อง Macintosh เท่านั้น

One thought on “196 | Tales of Vesperia”

Comments are closed.