177 | Six Years Anniversary II : DVG

Part II : HNMLS “Davids Group”

หลังจากนั่งทำ History Update คราวที่แล้วยาวเหยียดก็อู้บล๊อกไม่เขียนอะไรมาร่วมๆ 1 อาทิตย์เศษแล้ว ในที่สุดก็สมควรแก่เวลาที่จะมาเขียนต่อซะหน่อย ก่อนที่ Six Years Anniversary มันจะกลายเป็น Seven Years Anniversary ไปซะ
จากที่ทิ้งท้ายไว้ Entry ที่แล้วว่าช่วงที่สองนี้ค่อนข้างจะเร้าใจ เพราะเป็นช่วงที่ผมเล่น Final Fantasy XI หนักที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ล๊อกอินทุกวัน เล่นจนดึกจนดื่น ทำงาน(ในเกม)หามรุ่งหามค่ำร่วมกับพลพรรคร่วมแก๊ง วันหยุดน่ะเหรอ…. โน่น แคมบ์ HNM กันเช้ายันเช้า สงกรานต์ ปีใหม่ ไม่ได้โงหัวออกนอกบ้าน นั่งหน้าจอกดมาโครรัวๆเพื่อเคลมเบเฮมอธแทน
ก่อนอื่นก็ต้องเกริ่นก่อนว่า HNMLS กับ HNM คืออะไร ในโลก FFXI ยุคแรกที่ยังไม่มีการกำหนดเลเวลสูงสุดตายตัวเหมือนอย่างปัจุบันที่กำหนดไว้ที่เลเวล 75 เนื้อหาต่างๆในเกมทยอยเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเลเวลแคบที่เพิ่มขึ้นตาม และเมื่อถึงช่วงกลางปี 2003 ช่วงเดียวกับที่ Dahlia ได้อวตารกลายเป็น Troisans นั่นหล่ะ ได้มีการวางจำหน่าย Expansion ชุดแรกที่ชื่อจิราดโนะเกนเอย์ (Rise of Zilart) ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพิ่มเลเวลแคบเป็น 65 ผู้เล่นที่เข้าใจระบบเกมและเก็บเลเวลจนถึงเลเวล 65 กันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ Content ของเกมก็ไม่มีอะไรรองรับให้ผู้เล่นที่เลเวล 65 ทำมากมายนัก นอกจากส่ิงที่เรียกว่า “HNM” ถามว่า HNM คืออะไรก็ย้อนกลับไปอีกไม่ว่าจะเกมอะไรแนวใหน มักจะมีศัตรูที่พิเศษกว่าศัตรูทั่วๆ หรือเรียกกันง่ายๆว่า Boss ในโลกวาน่าดีลก็เช่นกัน มอนสเตอร์ที่เหนือกว่ามอนสเตอร์ทั่วๆ ถูกเรียกว่า Notorious Monster (มอนสเตอร์ที่มีชื่อเสียง) สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆว่ามอนสตอร์ตัวใหนเป็น NM โดยการกดเช็คที่ตัวมอนสเตอร์ แล้วจะไม่สามาระประเมินระดับความแข็งแกร่งของมันด้ จริงๆแล้วในสมัย Beta Test นั้น มอนสเตอร์ประเภทนี้ก็ถูกเรียกว่า NM เช่นกัน เพียงแต่คำว่า NM เดิมนั้นย่อมาจาก Named Monster หมายถึงมอนสเตอร์ที่มีชื่อ แต่หลังจากเปิด Server ปกติ คำว่า NM ก็ถูกเปลี่ยนเป็น Notorious Monster เพื่อความเหมาะสม แต่ในโลกวาน่าดีลนั้นมีมอนสเตอร์บางตัวที่เก่งกาจจนเหนือกว่า NM ทั่วๆไป ซึ่งต้องใช้ความพยายาม, เทคนิคและทีมเวิร์คอย่างสูงในการเอาชนะ จึงได้มีการจำกัดความ NM ที่เก่งเป็นพิเศษว่า Hyper Notorious Monster ศัพท์คำนี้เป็นศัพท์ที่คิดโดยคนญี่ปุ่นและเป็นศัพท์ที่ไม่เป็นทางการ ทาง Square Enix ก็เรียก Notorious Monster ทุกตัวเหมือนกันโดยเท่าเทียมกัน
ในเมื่อมี HNM กำเนิดขึ้นมา ก็ต้องมีกลุ่มล่า HNM กำเนิดขึ้นมาเช่นกัน HNMLS จึงเป็นคำเรียกกลุ่ม Linkshell ที่มีเกิดขึ้นมาโดยมีเป้าหมายในการล่า HNM เท่านั้น ประกอบกับผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้นและปัจจัยในเกมก็บีบให้ผู้เล่นรวมตัวกันเพื่อแข่งขันและต่อสู้กัน
ยุคแรกสุดจริงๆ HNM ตัวแรกก็คือเบเฮมอธ (Behemoth) และนกหัวล้านสองตัว ซิมเมอร์ก (Simurgh) และ ร๊อค (Roc) กับ ลัมเบอร์แจ็ค​(Lumberjack) แมลงในต้นไม้ ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกมันโผล่มาตอนใหน Patch ใหน แต่สังเกตจากของที่ดรอป น่าจะโผล่มาก่อนอัพเดทเลเวลแคบ 55 ด้วยซ้ำ พวกมันนั้นเก่งกาจมากในเวลานั้น พวกมันมีชีวิตยืนยาว ไม่ได้เป็นสัตว์อายุสั้นอย่างปัจุบัน ในเวลาที่เบเฮมอธโผล่มา มั่นใจได้ว่าจะต้องมีศพกองเกลื่อนทุ่งหิมะแน่นอน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเบเฮมอธนั้นไม่มี True Sight สามารถ Invisible เดินผ่านได้
ในเวลาที่ End Game Content ยังไม่มีอะไรมากนัก (ยังไม่เป็นวงจรอุบาทว์อย่างทุกวันนี้) สิ่งที่ผู้เล่นที่เล่นจนเลเวลแคบแล้วทำได้ก็คือการรวมกลุ่มกันสร้าง HNMLS คนไทยเช่นกัน ในเวลานั้นราวๆกลางปี 2003 ผมเพิ่งเลเวล 40 กลางๆ ได้มีกลุ่มคนไทยรวมตัวกันเพื่อก่อนตั้ง HNMLS โดยการยุยงของ Rux คนไทยผู้ซึ่งสังกัด HNMLS ต่างชาติที่ชื่อว่า Starsept อันโด่งดัง โดยหวังว่าจะได้มาล่า HNM กับคนไทยมั่ง สมาชิกก่อตั้งมี 4 คนได้แก่ Oasis, Ferrocene, Sacrs, Woody ผู้ตั้งชื่อและเลือกสีอันชมพูหวานแหววก็คือ Woody ลูกค้าประจำอ่างของเฮียชูวิทย์ที่ตอนนั้นกำลังดัง​จากการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่ากทม. ซึ่งนั่นเองก็เป็นที่มาของชื่อ “Davidsgroup” Linkshell สีชมพูหวานเจี๊ยบของพวกเรา สมาชิกรุ่นแรกๆก็จะมี Oasis เสี่ยเจ้าของอ่าง, Elrond พาลาดินที่ใกล้ชิดพระเจ้ามากที่สุด, Ferrocene คุณครูเอลวานข้อมูลแน่นปึ๊ก, Woody ทารุหื่นกาม, Evas Charisis พี่น้องโจรโฉด, Starplatinum คุณหมอบ้าเห่อ, Ikari พาลาดินโนตม, Neorax มิสร่าต่อยหนัก Jeeb แมวผู้ทำการค้าไม่เคยขาดทุน และอื่นๆอีกหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยนาม ศิริรวมก็พอจะสู้กับเหล่า HNM ทั้งหลายได้ ในตอนแรกผมก็ได้ Pearl มาก่อนเลยทั้งๆที่เลเวลยังน้อย โดนตีตราไว้ก่อนเลยว่าเอ็งต้องมา Refresh ให้จนตัวตายห้ามบิดพลิ้ว

เป้าหมายแรกของ Davidsgroup (จากนี้ไปจะขอเรียกว่า DVG) ก็คือ Behemoth, Roc, Simurgh แต่เดิมนั้น HNM ทั้งหลายจะมี Repop time อยู่ที่ 72 ชั่วโมง และ Range อยู่ที่ 12 ชั่วโมง คือบวกลบจากเวลาตาย 6 ชั่วโมง สิ่งที่ทำให้เข้าถึงตัว HNM ได้ยากอย่างแรกก็คงเป็นสถานที่ หากใครเคยไป Eldiem Necropolis หรือว่า จุดเกิดของ Lumberjack ที่ต้องเดินผ่าน Glacier ก็จะพอเข้าใจว่าการเดินทางไปยังจุดเกิดของ HNM นั้นค่อนข้างลำบาก และบางครั้งไม่สามารถเดินทางไปคนเดียวได้ ระหว่างทางก็มีศัตรูมากมายทำให้มักจะมีผู้สูญเสียชีวิตอยู่บ่อยๆ แต่ด้วยการแข่งขันที่สูง HNM ไม่ได้ปรากฏตัวบ่อยๆ เหล่าพรรคพวก DVG จึงมีโอกาสไม่บ่อยนักที่ได้สู้กับเหล่า HNM เท่าใหร่
HNMLS ที่โด่งดังในสมัยนั้นได้แก่ NMR และ Starsept และด้วยอัตราการแข่งขันที่สูงจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการกระทบกระทั่งกัน ปัญหาที่พบบ่อยๆคือแทงกั๊ก คนไม่พอแต่กรูจะเคลม พอเคลมไปสู้ไม่ได้ตาย อีกทีมได้ไปก็ไปด่าเค้า จะเอาคืนมั่ง จะฟ้อง GM มั่ง จะให้ซับซ้อนเข้าไปอีกก็มีแบบ DVG เคลมได้ แต่จังหวะหลุดชื่อเหลืองแล้วโดนขโมย แต่ไอ้คนขโมยดันเสือกตาย พอ DVG ไปเก็บคืนก็เลยมีการเยาะเย้ยใส่พวกที่ตาย เป็นกรณีให้โกรธแค้นกันไป หรืออย่างตอนสู้กับ Lumberjack ซึ่งเป็น HNM ที่เกิดจากการฆ่า NM ต้นไม้ที่ชื่อ Weeping Willow แล้ว Lumberjack ถึงจะโผล่มา ทาง DVG เคลม NM ต้นไม้ได้ก่อน แต่พอ Lumberjack ป๊อบกลับถูกอีก LS ชิงตัดหน้าไป พอโวยวายก็อ้างว่า NM ทั้งสองตัวแยกกันเป็นคนละตัว การเคลมก็แยกกันอะไรทำนองเนี้ย แต่ไม่ใช่ว่าทาง DVG จะถูกกระทำอย่างเดียวหรอก บางครั้งเราก็เป็นฝ่ายกวนทีนเค้าเหมือนกัน HNMLS เป็นกิจกรรมการแข่งขันสูงยังไงก็หลีกเลี่ยงการะปะทะกันไม่ได้ และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่คนไทยตัดสินใจแยก DVG ออกมาจาก Naked เพื่อป้องกันชื่อเสียที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง และอีกเหตุผลนึงก็คือต้องการพิสูจน์ว่าพวกเราก็ “ทำได้”
การต่อสู้ระหว่าง HNMLS ยุคแรกนั้นออกจะน่าเบื่อสักหน่อย เพราะ NM แต่ล่ะตัวมี Range เวลาในการ Pop นานมาก สูงสุดคือ 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นวันๆก็จะเห็นคนเดินไปเดินมา แล้วก็หลับแล้วก็ตื่น เดินไปเดินมา อาวุธสุดยอดสำหรับการเคลม HNM ก็คือจอยเทอร์โบ เซ็ทมาโครแล้วกดค้างเดินยิงไปเรื่อยๆ ดังนั้นบางทีก็จะมีคนดักไว้ด้วยการใช้ Dragoon เรียกมังกรหรือ Summoner เรียก Carby มาขวาง Target ไว้ ใครที่ทำอย่างนั้นบางทีอาจจะโดนด่าพ่อล่อแม่เลยทีเดียว

มีวันซวยมันก็ต้องมีวันเฮง มีช่วงนึง DVG เคลม Behemoth ได้ติดต่อกันหลายตัว ทำให้มี Behemoth Skin ในครอบครองหลายชิ้น สำหรับเกราะสุดเริ่ดในยุค Cap LV ที่ 50 ก็คือ Dusk Set ที่ทำจากหนัง Behemoth (แต่ใส่แล้วเดินอืด) การจะปั่น Dusk Set ขึ้นมาใช้ได้นั้นต้องอาศัยผู้ที่มี Craft Skill สายหนังระดับสูง ซึ่งเราๆท่านๆ DVG วันๆเอาแต่เก็บเลเวลกับล่า HNM จะมีใครมาปั่นเสื้อได้ ก็ต้องใช้วิธีตามหาผู้มี Skill และไปขอร้องให้ช่วยทำโดยอาศัย Ferro ล่ามประจำ HNMLS สุดท้ายก็ไปติดต่อได้ชาวญี่ปุ่นมาคนนึง ตอนนั้นมีหนังเบเฮมอธอยู่ 2 ชิ้น Oasis ก็เทรดให้ไป (น่าจะที่ Rulude Garden) จากนั้นทารุคนนั้นก็นั่งลงแล้วก็หายไป ผ่านไป 6 ชั่วโมงแล้วก็ยังเงียบงันไร้ซุ่มเสียง……ใช่แล้วทารุคนนั้น Log out ไปเลย! พร้อมกับหนังเบเฮมอธสองชิ้น! นั่นเป็นประสปการณ์การโดน Scam ออนไลน์ครั้งแรกของพวกเรา Oasis ก็บอกว่าช่างมัน เบเฮมอธเดี๋ยวก็ป๊อบใหม่ โวยวายไปก็ไม่เกิดประโยชน์ จำไว้เป็นบทเรียน
พอมานึกๆดูแล้ว ไอ้เรื่องขัดแย้งสมัยก่อนมันช่างจิ๊บจ๊อยอ่อนด๋อยเหลือเกินถ้ามาเทียบกับ Scam ที่เล่นกันถึงโคตรหรือความเป็นศัตรูกันระหว่าง HNMLS ที่แทบจะลากปืนไปยินกันนอกจอของสมัยนี้เหลือเกิน
DVG เริ่มกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนไทย ผู้เล่นคนไทยที่เมื่อเลเวลมากพอก็จะได้รับ Pearl ของ DVG ไปใช้ หรือเป็นการบอกนัยๆว่าโตแล้วมาช่วยพวกกรูล่า HNM ซะดีๆ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่เริ่มเล่นช่วง PC เวอร์ชั่นหรือช่วง English เวอร์ชั่น ก็ทยอยเข้าสังกัด DVG เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระบบ Free Lot item ตามเหมาะสมเริ่มใช้งานกับคนจำนวนมากไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องใช้ระบบคะแนนเพื่อความเท่าเทียม
Square Enix ค่อยๆเพิ่ม HNM เข้าไปเรื่อยๆทีละนิด HNM ชื่อที่มีชื่อเสียงโดดเด่นก็ได้แก่ Serket และ Capricous Cassie ทาง DVG ไม่ค่อยได้ไปเฉียด Cassie เท่าใหร่นัก เพราะเคยไปแล้วสู้ไม่ได้เดินทางก็ยากทำให้รวบรวมคนลำบาก และมักจะมี RDM ไปลากโซโล่โชว์เทพเสมอๆ ดังนั้นก็จึงเป็น Serket ที่เรา DVG ได้สนิทชิดเชื้อด้วย จริงๆ Serket นั้นเกิดมานานแล้ว แต่ว่าหลังจาก Behemoth นิดหน่อย (สังเกตจากเลเวลของอุปกรณ์ที่ดรอป ของ Serket Ring เลเวล 51 แต่ ของที่ดรอปจาก Behemoth และ Roc เลเวล 50) เชื่อหรือไม่ว่า Serket นั้นจริงๆแล้วไม่ Aggro!! ผมเคยเก็บเลเวลแล้วเจอมันเข้า ก็วิ่งไปทักทายถ่ายรูปชูสองนิ้วได้อย่างสบายใจ แต่พอยุค HNMLS เฟื่องฟู เหล่าผู้เล่นก็เป็นฝ่าย Aggro เข้าใส่ Serket กันอย่างบ้าคลั่ง ผมยังพอจำได้ว่า Serket ตัวแรกที่เรา DVG เคลมและฆ่ากันได้นั้นเร้าใจจริงๆ ต่อสู้อย่างดุเดือด สิ้นชีวิตกันมากมายจนสุดท้ายก็เอาชนะมันลงได้ ผมยังมี Serket Ring ติดตัวอยู่ 1 วง ไม่แน่ใจว่าเป็นวงเดียวกับที่ฆ่าได้ครั้งแรกหรือเปล่า แต่แน่ๆคือมันมาจาก DVG แต่ไม่รู้ว่าครั้งใหน ผมก็ยังใช้มันติดตัวอยู่เสมอ บางทีก็ลืมเลือนไปบ้างว่าได้มันมาจาก DVG พาลจะเอาไปขายซะงั้น ต้องเตือนสติอยู่บ่อยๆ(ฮา)
ช่วงที่รุ่งโรจน์เป็นพิเศษสำหรับ DVG ก็คือช่วงรองเท้า OTOP ในเวลานั้น Strider Boots เป็นไอเท็มชนิดเดียวที่เพิ่มความเร็วในการเดิน ทำให้มีราคาสูงมากเพราะอัตราดรอปของ Strider Boots นั้นต่ำ ฆ่าสิบครั้งถ้าโชคไม่ดีอาจจะไม่ได้เลย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ DVG! พวกเราฆ่า Simurgh แล้วอัตราดรอปติดต่อกันสูงมาก ดู AH History ในเวลานั้นจะพบแต่ชื่อของ Woody ตัวแทนขายสินค้าของ DVG ผูกขาดตลาดต่อเนื่องแทบทั้งหน้า

สงครามเย็นยุคแรกผ่านไปแบบเงียบๆ เมื่อกลางปี 2003 Expansion เสริม Rise of Zilart ก็เปิดให้บริการ มีเอเรียใหม่เพิ่มมากมาย และนั่นก็เป็นจุดกำเนิดของ 3 Earth HNM อันได้แก่ King Behemoth, Nidhogg และ Aspidochelone ที่จริงแล้วสามราชันย์ (ของดรอบมหาเทพ) นี้ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับ RoZ ในทันที ในตอนที่ RoZ เปิดบริการนั้นมีเพียง Fafnir และ Adamantoise ที่เพิ่มเข้ามาเฉยๆ (เกราะ Heavy Cuirass เดิมใส่ได้ที่เลเวล 80 นะเออ ก่อนจะปรับลด) หลังจากอัพเดทครั้งต่อมาก็ได้เปลี่ยน Respawn Time เป็น 1 วันต่อ 1 ครั้งและ Range Time ก็ลดลงเหลือบวกลบ 1 ชั่วโมงครึ่ง รวมเป็น 3 ชั่วโมง โดยให้ Nidhogg, Aspidochelone, King Behemoth เป็น Rare Spawn ของ Behemoth, Fafnir, Adamantoise แทน ใครที่ไม่เคยเล่นมาอ่านย่อหน้านี้คงจะมึนตึ๊บ มันก็อธิบายยากศัพท์เฉพาะทางเยอะ แต่ใครที่เล่นอยู่คงพออ่านเข้าใจ เหล่า Earth Kings นี้จุดเด่นก็คือของดรอปดีมาก เรียกได้ว่าจนถึงปัจุบันของที่ดรอปจากพวกนี้ก็ยังราคาสูงและเป็นที่ต้องการอยู่

หลังจากที่ RoZ ออกมาได้สักพัก Patch ที่เพิ่มเลเวล Cap เป็น 70 ได้เพิ่ม Area ใหม่ที่เรียก Tu’Lia เข้ามาพร้อมกับ End Game Contents ใหม่ที่เรียกได้ว่าสนุกที่สุดเลยทีเดียว Tu’Lia คือทวีปลอยฟ้า เป็นวิหารที่สร้างโดยเหล่าชาว Zilart สิ่งที่ทำให้มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดใจ HNMLS อันดับหนึ่งก็คือเหล่า HNM บนนั้นนั่นเอง ระบบของการไล่ล่า HNM บน Tu’Lia หรือเรียกกันง่ายๆว่า Sky ก็คือทั่วทั้งเอเรียนั้นจะแบ่งเป็น Ru’An Garden, Ru’Avitau, Ve’lugannon จะมี NM ระดับกลาง 8 ตัวกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ โดย NM ทั้ง 8 ตัวนี้นอกจากจะดรอปของปกติแล้ว ยังดรอปไอเท็ม R/E ที่เอาไว้ใช้ Pop Four Gods บน Tu’Lia อีกด้วย ความเก่งของ Four Gods นั้นก็ใกล้เคียงกับ Earth HNM โดยถ้าหากเรากำจัด Four Gods ได้ก็จะได้ไอเท็ม R/E มาอีก โดยเมื่อครบ 4 ชิ้นก็จะ Pop คิริน(กิเลน) ซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุดของ Sky และดรอปของสุดเทพอย่าง Kirin Osode ด้วย จุดสำคัญที่ทำให้ Sky เป็นที่นิยมก็คือของดรอปที่แสนจะดีและราคาสูง ประกอบกับลักษณะการไล่หา NM ตัวเล็กเพื่อ Pop ตัวใหญ่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องแคมบ์หรือปะทะกับกับ LS อื่นโดยตรง ความกดดันในการเล่นพลอยลดลงไปด้วย รวมไปถึงทิวทัศน์ที่ร่มเย็นงดงามของทูเลียที่เพิ่มบรรยากาศในการเล่นได้มากมาย
Tu’Lia HNM กับ Earth Kings จะดรอปไอเท็มที่เอาไว้ล้างคำสาปของ Curse Set ที่เพิ่มเข้า สเตตัสของ Curse Set จะโดดเด่นมากโดยแลกกับด้านลบเสมอ เช่น Zenith เพิ่ม MP แต่ก็ลด HP หรือ Crimson ที่เพิ่มสเตตัสหลากหลายแต่แลกมาด้วยการได้รับผลของ Dragon Killer
ตอน Sky เปิดทำการใหม่ๆนั้นยังมีคนที่ทำ RoZ mission จนสามารถไปทูเลียได้ไม่มากนัก ก็เลยมีโครงการป๋าดันเราคนไทยบินได้อยู่บ่อยๆ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้เล่นที่สามารถไปยัง Sky ได้ Final Fantasy XI English ver. นั้นวางตลาดเดือนตุลาคมปี 2003 แต่จริงๆแล้วในวาน่าดีลก็มีผู้เล่นต่างชาติ (ที่ไม่ใช่คนไทย) จำนวนหนึ่งปะปนอยู่แล้ว แต่ยังไม่มากพอจะรวมกลุ่มกันเป็น HNMLS เหมือนอย่างคนไทย ดังนั้นทาง DVG ก็เลยมีชาวต่างชาติทั้งที่อยู่ใน Naked และจากที่อื่นมาเข้าร่วมหลายคน ที่สนิทสนมก็มี Antonn ฝรั่งพูดไทย(มั่วๆ)ได้จากอเมริกา Cubismo, Jinny, Harumi แก๊งคนญี่ปุ่น Yan คนฮ่องกงรุ่นบุกเบิกที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่ Remedy ทำให้ DVG มีความเป็นนานาชาติพอสมควร การไล่หา NM บน Tu’Lia นั้นเน้นการใช้ทักษะของกลุ่มมากว่าการตั้งตารอเฉยๆ และเมื่อเป็นสิ่งใหม่ก็ทำให้ท้าทายเป็นพิเศษ จากการหาข้อมูลและร่วมมือร่วมแรงกัน Four Gods ตัวแรกที่ Pop ได้ก็คือ Genbu ที่จัดว่าอ่อนที่สุดในหมู่ Four Gods สมัยนั้นนินจายังไม่แพร่หลาย พาลาดิน/นินจาก็ไม่มี Stun ก็ยังไม่มี วิธีรับมือกับ HNM ก็คือการเอา SMN หรือ RDM/SMN มาสลับกันใช้ Garuda’s Blink เพื่อรับการโจมตี แม้จะเป็นเทคนิคแบบที่สิ้นเปลือง MP แต่มันก็ใช้งานได้ดีระดับหนึ่ง จนทำให้พวกเราชนะ Genbu มาได้ ของมีค่าอันแรกที่ได้มาก็คือ Crimson Grieve ซึ่งก็อยู่ที่ตีนกระผมเอง ใส่มาจนถึงทุกวันนี้อีกแล้ว ถึงจะไม่ค่อยมีประโยชน์แต่ก็ใส่เพราะมันสวยดี เวลาเดินดังกร๊องๆแกร๊งๆ หนวกหูดี
นับตั้งแต่กลางปี 2003 ที่ทูเลียเปิดทำการ DVG ทำการล่า HNM กันอย่างขยันขันแข็ง หรือจะเรียกว่าอย่างบ้าคลั่งก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการ Camp HNM บนโลกหรือฟาร์ม Sky แน่นอนว่ามันต้องแพ้และมีชนะ บางวันเราก็แพ้ (ทั้งเคลมแพ้และสู้แพ้) บางวันเราก็ชนะได้ของดีๆมา แต่อย่างไรอัตราการแข่งขันในวงการนั้นสูงอยู่ดี ทำให้แพ้มากกว่าชนะจนรู้สึกว่าแพ้เป็นเรื่องปกติ หลังจากเอาชนะ Aspidochelone ได้ (Crimson Scale Mail ไม่ดรอป) จุดสูงสุดของ DVG ที่มีต่อ Earth HNM ก็คือการเคลม Fafnir ได้ติดต่อกันเกือบ 1 อาทิตย์ รวมไปถึงการล้ม Nidhogg ราชามังกรในขณะนั้นลงได้ และก็ได้ Dalmatica มาเชยชม (สนใจสูดกล่ินของจริงติดต่อ Ferrocene) แต่สำหรับ Sky นั้น DVG ก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมากมาย สุดท้ายก็ได้เอาชนะ Genbu Seiryu Suzaku ลง เหลือแต่ Byakko ตัวเดียวที่ยังไม่ชนะและคาใจอยู่
จากการโหมเล่นกันอย่างดุเดือดของทุกคน ถึงจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยว่าในเวลานั้น HNMLS ที่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นยังมีไม่มากเท่าใหร่ HNMLS ต่างชาติอันแรกเลยก็คือ Vengeance แต่ในเวลานั้นถ้าเทียบเฉพาะเรื่องประสปการณ์อย่างไรก็ถือว่า DVG เหนือกว่า ทำให้ NA Player หลายคนก็หันมาเข้าร่วมกับ DVG เคยมีประโยคนึงพูดกึ่งทีเล่นที่จริงว่า NA Player ดีๆมีมากมาย แต่ NA Player ที่มาอยู่ใน DVG นั้นมีแต่ตัวปัญหาล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็น Sadam, (ทารุหญิงที่พูดมากและเถียงไม่หยุด จำชื่อไม่ได้), และอีกหลายๆคนๆ (นึกออกช่วยออกที นึกไม่ค่อยออกแล้ว) ปัญหาหลายๆอย่างก็เกิดขึ้น หลายๆคนเริ่มรำคาญจนไม่อยากมาร่วม Event รวมไปถึง​Player รุ่นเดอะอย่าง Elrond ได้หนีไป WoW แทน ทำให้จำนวนคนที่มาร่วม Event ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึง NA ที่หนีอยู่กับ LS อื่น ปริมาณการเคลมก็ลดลงไปเรื่อยๆ ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ ทำให้หลายๆคนเบื่อจนถึงขั้น Oasis Leader หมดไฟเลยทีเดียว
พอ Oasis พักตัวเอง คนอื่นก็เลยเริ่มหยุดมั่ง ไฟหลายๆคนที่มันเริ่มโรยราก็เลยวูบดับตามๆกันไป NA ที่เหมือนปลิงมาเกาะ พอไม่มีผลประโยชน์ก็ค่อยๆตีจาก เวลาผ่านไปแบบน่าเบื่อๆ ไม่มี Event อะไร ไม่มีไปฆ่า Gods คนที่ยังอยากจะล่า HNM ต่อก็มีความพยายามจะจุดไฟสู้อีกครั้งเพื่อพิสูจน์ว่า DVG ก็ยังมีความมุ่งมั่นและทำได้ โดยรวมกลุ่มกันและไปสู้กับ Byakko สำหรับตอนนั้นจัดว่าเป็น NM ที่ร้ายกาจมากตัวนึง ซึ่งเป็นสิ่งคาใจของชาว DVG ที่ยังไม่เคยชนะ แลฟะ DVG ก็ทำได้แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้กับ Byakko ครั้งแรก ซึ่งก็หมายความว่า DVG ก็มี Seal ครบ 4 ทิศเพื่อเอาไปสู้กับคิรินแล้ว
แต่ไฟที่มันมอดไปถึงสว่างวูบมาวาบนึงสุดท้ายมันก็มอดไปอยู่ดี DVG ไม่มีการกล่าวประกาศปิดตัว ไม่มีการลาออก ไม่มีการโกรธเคืองกัน ไม่มีการทุบเชล แต่แค่วูบลงไปอย่างเงียบๆ แต่เมื่อมันจบลงเงียบๆโดยที่ยังคาใจ คนที่ไม่อยากให้จบก็ยังมี Cubismo และเพื่อนชาวญี่ปุ่นร่วมมือกับ Plasma และพวกพ้องที่ยังมีความมุ่งมั่นอยู่ ก่อตั้ง HNMLS ใหม่ขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า “Clover” มีกลุ่มผู้เล่นเก่าจาก DVG เป็นแกนหลัก และเปิดรับผู้เล่นต่างชาติสากลมากขึ้นรวมไปถึงเพื่อนชาวญี่ปุ่นของ Cubismo เองด้วย
ปิดท้าย DVG ยุค HNM นิดนึงว่าหลังจากตกลงกับ Clover เรื่องจะเปิด LS ใหม่เรียบร้อยแล้ว ทาง DVG ก็แบ่งสมบัติกันตามคะแนนที่เหลืออยู่ของแต่ละคน ใครมีมากก็แลกมาก มีน้อยก็แลกน้อย ตัวผมเองก็แลกเอาหนังเบเฮมอธมาผืนนึง แล้วก็ไปสำรวจ AH หาคนที่ Craft Dusk Jerkin ได้ แล้วก็ไป /t ไปขอร้องให้ช่วยปั่นเสื้อให้หน่อย ก็เลยมี Dusk Jerking พร้อมลายเซ็น Zerotan ติดอยู่ แน่นอนว่ายังเก็บไว้อยู่จนถึงทุกวันนี้

สิ่งที่ผมได้รับจาก DVG นั้นแตกต่างจากสิ่งที่ผมได้รับจาก Clovers ถึงแม้บางจังหวะจะมีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันก็ตาม สำหรับ DVG แล้ว ช่วงระยะเวลานึงของพวกเรา Fafnir คือสัญลักษณ์ของกำแพงความแตกต่างที่ไม่อาจข้ามไปได้ เป็นฝันร้ายที่ตอกย้ำความอ่อนด้อย ชาวDVG เคยพ่ายแพ้ Fafnir มานับครั้งไม่ถ้วน พวกเราแทบจะฟุบลงกับพื้นเมื่อ Fafnir ตัวนั้นสะบัด Spike Flail เปลี่ยน Log เป็นสีแดงดับชีวิตชาว DVG ยก LS แต่พวกเราเจ็บใจยิ่งกว่าเดิม พอได้เห็น Fafnir ที่เพิ่งฆ่าพวกเราราวกับมดปลวกนั้นโดน HNMLS อื่นค่อยๆเชือดลงอย่างสบาย ในวันที่เราแกร่งพอจะเอาชนะ Fafnir ได้นั้น เหมือนกับว่าเราได้เอาชนะกำแพงสูงที่ขวางหน้าเราได้ เป็นความรู้สึกของชัยชนะที่ได้มาจากความพยายามและความร่วมมือกันของทุกคน แม้ว่ากำแพงนั้นจะไม่ได้สูงอะไรมากมาย แต่ DVG ก็ทำลายมันด้วยมือของตัวเองโดยไม่ได้พึ่งพาใคร ความรู้สึกมันแตกต่างจากตอนที่ไปเข้าร่วม HNMLS ที่เก่งอยู่แล้ว วิ่งตามต้อยๆแล้วก็ชนะไปแบบอ้าวชนะแล้วเหรอ….สิ่งที่ตราตรึงในใจไม่ใช่วันที่พวกเราเอาชนะ Fafnir ได้ ในเวลานี้ใครๆก็เอาชนะ Fafnir ได้ แต่ความหมายของมันก็คือวันเวลาที่พวกเราพยายามจะเอาชนะ Fafnir ให้ได้ต่างหาก
เขียนไปเขียนยาวขึ้นเรื่อยๆ เลยแยก Clovers เป็นอีกภาคนึง สำหรับตอนนี้อาจจะมีแก้ไขอะไรเพิ่มเติมบ้างตามความเหมาะสม ทั้งนี้ทั้งนั้นโปรดติดตามตอนต่อไปใน Part III : HNMLS “Clover”

2 thoughts on “177 | Six Years Anniversary II : DVG”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *