เรื่องราวมากมายเหลือเกินที่ถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำ
วันเก่าๆที่เริ่มลางเลือน
มิตรภาพเก่าๆที่เริ่มจางหายไปกับกาลเวลา
ความรู้สึกดีๆที่ได้พบเจอ
ที่ยังไม่อยากจะลืมมันไป
มันเริ่มจากตรงใหนกันนะ
มากมายเสียจนจำไม่ได้เลยหรือเนี่ย
เริ่มจากตรงนี้ละกันเนอะ
นิดๆหน่อยๆไม่เป็นไรหรอกน่า
มิสร่าตัวเล็กๆคนนึงนอนขดตัวหลับอยู่หน้าเตาผิง ผมของเธอสีน้ำตาลกึ่งสั้นกึ่งยาวและมัดรวบไว้ตรงปลายนิดนึง ในบ้านไม้สีน้ำตาล ข้าวของวางระแกะระกะ ตู้ที่อยู่มุมห้องปิดไม่สนิทมองเห็นเสื้อผ้าหลากหลายที่ยัดไว้อย่างไม่เต็มใจ หุ่นโชว์อีกหลายตัวที่อยู่ตามมุมยิ่งทำให้ห้องดูน่ากลัวกว่าเดิม แสงเทียนสลัวๆในห้องทำให้มองเห็นหน้าของมิสร่าคนนั้นชัดเจนขึ้นนิดหน่อย ด้วยอากาศที่ค่อนข้างหนาว ยิ่งทำให้มิสร่าที่มีนิสัยขี้เกียจเป็นทุนอยู่แล้วยากที่จะตื่นเข้าไปอีก ใบหน้าของเธอแฝงด้วยความสุข ยิ้มกริ่มเล็กๆที่มุมปากราวกับว่ากำลังฝันอะไรอยู่….
คืนนี้เป็นคืนหนึ่งที่เหมือนกับทุกๆวันของที่นี่ หิมะตกหนัก อากาศเย็นยะเยือกและยังมีพายุอยู่ตลอดเวลา ทุ่งหิมะสีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาแต่กลับมองไปข้างหน้าได้ไม่ถึงสิบเมตรเพราะว่าพายุหิมะ ซาร์คาบาร์ดเป็นทุ่งหิมะร้างทาง ตั้งอยู่ตอนเหนือของทวีปวัลโดเนีย นอกจากปราสาทสวาลของราชาแห่งความมืด”ชาโดว์ลอร์ด”จะตั้งอยู่ในส่วนลึกสุดของที่นี่แล้ว ในอดีตยังเคยเป็นสนามรบของชาว์โดลอร์ดกับเหล่านักรบแห่งวาน่าดีลในสงครามครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วาน่าดิล “สงครามคริสตัล” ดวงวิญญาณนักผจญภัยและมนุษย์ปีศาจมากมายนับไม่ถ้วนหลับใหลอยู่ที่นี่ วิญญาณอาฆาตและสัตว์ร้ายก็ยังพบเห็นได้ทั่วไปในทุ่งสงครามอันหนาวเหน็บแห่งนี้
แต่วันนี้ไม่เหมือนกันทุกวันตรงที่เหล่านักผจญภัยจากทั่ววาน่าดีลได้มารวมตัวกันมากมาย นักผจญภัยหลายคนแววตาแสดงให้เห็นถึงประสปการณ์การต่อสู้ที่ช่ำชอง กัลก้าร่างยักษ์ในชุดไอรอนมัสเก็ตเทียร์พร้อมทั้งโล่และดาบในมือ เอลวานธีฟ(Thief) ชายหญิงที่มาด้วยกัน หรือบางกลุ่มที่เป็นสังกัดลิงค์เชลเดียวกันก็มาพร้อมกันทั้งกลุ่ม อากาศที่หนาวเหน็บดูไม่ส่งผลให้เหล่านักผจญภัยย่อท้อเลยสักนิด พายุหนักก็กลายเป็นเหมือนสายลมอ่อนๆที่คลายความรุ่มร้อนของนักรบเท่านั้น
“โห! ทำไมคนเยอะขนาดเนี้ยกันเนี่ย” เสียงบ่นแว่วมาจากปากมิสร่าคนนึงที่เพิ่งจะมาถึงด้วยเทเลพอร์ทวาล์ซ
“อย่าบ่นไปน่า งานนี้คนยิ่งเยอะยิ่งอุ่นใจน่าดาห์” ทารุทารุชายผู้ที่เป็นคนใช้เทเลพอร์ทวาร์ปมาด้วยกันเอ่ยปาก มิสร่าคนนั้นชื่อว่าดาห์เลีย(Dahlia) หน้าตาดู เหรอหราอย่างกับบ้านนอกเข้ากรุง ท่าทางไม่ค่อยจะได้เจอผู้คนเยอะๆสักเท่าใหร่
“แหม ก็เราไม่มีเทเลพอร์ทเหมือนอย่างเธอนี่นาโปโร นายเป็นไวท์เมจก็ไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่เจอผู้คนมากมาย เราเป็นมองค์ไปใหนมาใหนก็ต้องเดินไปหรือขี่โจโคโปะไป เหนื่อยจะตายชัก” ดาห์เลียเริ่มบ่นอุบไปเรื่อย ดูท่าทางจะเป็นคน(แมว)ที่ขี้บ่นอยู่นะเนี่ย โปโรโรโค (Pororoca) คือชื่อเต็มๆของไวท์เมจทารุตัวเตี้ยที่มาด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าจะชินกับการบ่นของมิสร่าตัวเล็กๆอยู่แล้ว จากนั้นทั้งสองก็เริ่มออกเดินหาคนรู้จัก
-ชวิ๊ง-
>ดาห์เหรอ
เสียงแว่วมาจากลิงค์เชล อุปกรณ์สื่อสารรูปร่างคล้ายต่างหูที่ทำให้สามารถพูดคุยกันได้ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลขนาดใหนขอเพียงมีไข่มุขที่เชื่อมต่อกันอยู่ ลิงค์เชลที่ดาห์เลียใช้อยู่มีตัวหนังสือเล็กๆสลักอยู่ว่า “Remedy” ซึ่งก็เป็นชื่อของกลุ่มที่สื่อสารกันอยู่
>อ้าว โอเอ๊ะเหรอ มาหรือยังเนี่ย เราอยู่ซาร์คาบาร์ดแล้วนะ< ดาห์เลียตอบไป
>…อยู่โน่นแล้วเหรอ ว่าจะชวนไปด้วยกันซะหน่อย< โอเอ๊ะตอบไป
โอเอ๊ะหรือโอเอซิส(Oasis) เป็นเพื่อนคนแรกๆของดาห์เลีย เป็นชายหนุ่มดาร์คไนท์พูดน้อยทำเยอะ ขรึมๆ โดยปกติแล้วจะไปใหนมาใหนกับคู่หูเอลวานพาลาดินชายที่ชื่อฟาริน่า(Farina) จนทำให้สงสัยในความสัมพันธ์อยู่บ่อยๆ
>นี่เราให้โปโรวาร์ปมาให้น่ะ ไปรอที่ฮอลล่าสิ เดี๋ยวให้โปโรไปรับ< ดาห์เลียชวนแบบมัดมือชกโปโรโดยไม่สนใจว่าโปโรจะไปหรือไม่ แต่ดูเหมือนโปโรสนิทกันดีจะรู้กันดีว่านิสัยเป็นยังไง พอได้ยินก็เตรียมตัวจะวาร์ปในทันที
>ไม่ได้หรอก ผมยังไม่มีเทเลพอร์ทวาร์ซคริสตัลเลย< โอเอซิสตอบ
>อ้าวยังไม่มีอีกเหรอเนี่ย เห็นเลเวลห้าสิบห้าก่อนตั้งนาน นึกว่ามีแล้วซะอีก< ดาห์เลียตอบแบบตกใจหน่อยๆ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพลาดเรื่องเล็กๆน้อยๆได้
>อือ หมกอยู่ในโมนาสติคเคพมากไปหน่อยไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปทางรังมอนท์กับฟาริน่าสองคนก็ได้< แล้วโอเอซิสก็ตัดบทสนทนาไป
ที่เหล่าผู้กล้านักผจญภัยมารวมกันวันนี้นั้นแท้จริงแล้วมีสาเหตุว่าลุงมาทที่จูโน่ได้ให้ข่าวว่าที่ซาร์คาบาร์ดจะมีโนโทเรียสมอนสเตอร์ปรากฏตัว และถ้าสามารถนำฟริกจิไซต์หยดน้ำค้างจากในถ้าของมอนสเตอร์เหล่านั้นมาได้ ก็จะได้รับรางวัลจากดยุคแห่งจูโน่ ลอร์ดคามลาเนาท์ และได้รับสมญานามว่าผู้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือการ "ข้ามพ้นขีดจำกัด" ของเหล่านักผจญภัยนั่นเอง ดังนั้นเหล่านักผจญภัยจากทุกสารทิศจึงมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หนึ่งทารุหนึ่งมิสร่าเดินดุ่มๆท่ามกลางนักผจญภัยจำนวนมาก ทารุไวท์เมจซึ่งเคยท่องไปในโลกมากกว่ามิสร่าวัยละอ่อนเริ่มสาธยายถึงกลุ่มคนที่ผ่านไปผ่านมา
"ก่อนที่เราจะไปสู้เนี่ยเราต้องรวมกลุ่มอไลแอนซ์กันก่อนนะ เพราะจะทำให้สื่อสารและสั่งการได้สะดวก และยังสังเกตสถานะและสนับสนุนกลุ่มใกล้เคียงไปพร้อมๆกันด้วย...." ทารุเริ่มแล็คเชอร์ร่ายยาวจนมิสร่าสมาธิสั้นริ่มไม่สนใจและมองไปรอบๆ
"วู้ว~นั่นใครน่ะ เท่จังเลย" มิสร่าวัยรุ่นชี้ไปที่ชายผมยาวคนนึงที่ยืนอยู่กลางกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ คนในกลุ่มล้วนแต่ดูน่าเกรงขามแต่ก็ยังให้ความเคารพชายที่ยืนอยู่ตรงกลางเป็นพิเศษ ชายหนุ่มตรงกลางในชุดไอรอนมัสเก็ทเทียร์ มือข้างนึงถือหมวกที่ถอดอยู่ อีกข้างถือเอกสารเป็นปึกๆ ชายหนุ่มคนนั้นดูเป็นผู้นำอย่างโดดเด่น หญิงสาวผมสั้นคนนึงคล้ายเป็นที่ปรึกษากำลังคุยกันเรื่องอะไรกันบางอย่าง
"เห้ยอย่าไปชี้มั่วซั่ว เสียมารยาท" ทารุรีบห้าม
"คนนั้นชื่อชุน(Shun) เป็นเชล(หัวหน้า) ของกลุ่ม HNMLS ที่เรียก StarSept อันโด่งดังไงเล่า ไม่รู้จักหรือไง ส่วนผู้หญิงข้างๆชื่อซาโอะ(Sao) เป็นมือขวาของชุนอีกที" มิสร่าทำท่ามึนงงแล้วก็บอกว่าไม่เห็นรู้จักเลยแต่ก็เท่ดีนะสองคนนั้น ทารุบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าโลกแคบจริงๆ ไม่รู้จักเปิดโลกทัศน์ซะบ้าง วันๆมัวแต่นั่งเรือเล่นกินลมอยู่ได้ โลกนี้ยังมีมอนสเตอร์ที่ร้ายกาจอยู่อีกมากมาย และกลุ่ม HNMLS นี่หล่ะที่รวมตัวกันเพื่อต่อกรกับพวกมัน แม้แต่วันนี้เองก็ด้วย พวก HNMLS จะเป็นหัวหลักในการต่อสู้กับเหล่าโนโทเรียสมอนสเตอร์ที่จะปรากฏตัวเลยทีเดียว อย่างตอนนี้กลุ่มที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็น NMR และ StarSept กลุ่มตะกี้......" ทารุหัวโตเริ่มร่ายยาวอีกแล้ว สาวน้อยมิสร่าก็ฟังแบบหูซ้ายทะลุ หูขวาพร้อมกอดอกด้วยความหนาว พอมองไปรอบก็ไปสะดุดตากับฮิวม์หญิงกับ กัลกาสองคนที่เดินผ่านมาพอดี
กัลก้าชายร่างใหญ่แต่ท่าทางใจดีและฮิวม์หญิงผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงเดินมาด้วยกัน ทั้งคู่ใส่ชิโนบิงิเต็มยศ ซึ่งหมายความว่าทั้งคู่นั้นเป็นมองค์ ท่าทางสบายๆของทั้งคู่ที่แม้จะอยู่ท่ามกลางนักรบจำนวนมากแต่ก็ยังดูสงบ หิมะที่พัดมาทำให้ผมของฮิวม์หญิงปลิวสยายช้าๆ เผยให้เห็นต้นคอระหงเนียนงาม
ในใจของมิสร่าสาวเต้นรัวระทึก ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร ลมหายใจก็คล้ายจะหยุดขาดช่วง อากาศที่แม้จะหนาวแต่กลับร้อนรุ่มข้างใน อาจจะเป็นเพราะว่าด้วยความที่เป็นอาชีพเดียวกัน แต่พอมองเปรียบเทียบกันแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหว ดาห์เลียเป็นเพียงมองค์มอชอ เสื้อก็กันบิซอนเก่าๆ กางเกงซับลิก้าธรรมดาๆจากคอนเควสต์ อาวุธบ้านๆอย่างพาตาส์เก่าๆ หมวกแก๊บแสนโทรมที่ใส่มานานเพราะเห็นว่าสวยดี เทียบกับฮิวม์สาวที่ใส่ชิโนบิเต็มยศที่ราคาแสนแพง อาวุธก็เป็นตะขอกลยุทธมนตราจากวินดัส ยิ่งมายืนเป็นคู่กันกัลก้าที่ร่างใหญ่ก็ส่งให้ทั้งสองยิ่งเด่นขึ้นกว่าเดิม
ดาห์เลียยืนมองตาค้างจนโปโรหยุดสาธยายหันไปมองตาม ด้วยสายตาที่จ้องมองไปอย่างผิดสังเกต ฮิวม์สาวก็เลยหันมามองสาวน้อยมิสร่า เมื่อตาสบกันปุ๊บก็รีบหลบตามองไปทางอื่นทันที แต่ก็ยังไม่วายชำเลืองมองกลับมาแล้วก็พบว่าฮิวม์สาวก็มองมาอยู่พอดี ทำเอาตกใจรีบหันหน้าไปทางอื่น
ฮิวม์สาวยิ้มหวานอย่างบอกไม่ถูกพร้อมกับเดินมาทางมิสร่าสาวและก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง
"ไงจ๊ะ เพิ่งมางานใหญ่ๆอย่างนี้เป็นครั้งแรกเหรอเนี่ย"
"ค...ค่ะ" ดาห์เลียตอบแบบตะกุกตะกัก น้ำเสียงสั่น
โปโรหันมาเห็นฮิวม์สาวทักทายก็เลยทักทายตอบอย่างสุภาพ
"หวัดดีครับ วันนี้คนเยอะเลย คงต้องรบกวนคนมีฝีมืออย่างมองค์ฮิวม์รูปงามแถวๆนี้หน่อยนะครับ เพราะมิสร่ามองค์ท่าทางไม่ได้ความคอยเกาะแข้งเกาะขาผม เล่นเอาทำอะไรไม่สะดวกเลย" โปโรคุยด้วยแต่ยังไม่วายแขวะมิสร่าเพื่อนซี้
"หมายถึงใครกันยะ! เราต่างหากที่ต้องดูแลนาย ใครก็ไม่รู้ไปทำเควสต์เทเลพอร์ทแล้วโดนโกเลมตบตายอยู่กลางทุ่งหิมะ เดือดร้อนเราต้องไปเป็นเพื่อนถึงจะผ่านเควสต์ได้" มิสร่าสาวไม่ยอมแพ้แฉเรื่องอับอายของเพื่อนมั่ง
ทั้งสองแม้จะชอบทะเลาะกันแต่ก็สนิทกันเพราะว่าผ่านอะไรต่อมิอะไรด้วยกันมามากมาย ที่ชวนกันมาในวันนี้ก็เพราะว่าสนิทกัน ต่างฝ่ายต่างพึ่งพากันอย่างไม่หวังอะไรตอบแทน
"ฮุฮุ เธอสองคนนี่ตลกดีจังนะคะ" ฮิวม์หญิงเอามือบังปากแล้วหัวเราะใน ลำคอ แล้วก็ยิ้มมีสเน่ห์แบบผู้ใหญ่
"ฉันชื่อเลย์อาร์(Layr) นะคะ นี่เพื่อนฉันชื่อมาคุโกโร่ (Makugoro) เป็นมองค์เหมือนกัน" เลย์อาร์แนะนำตัวเองและเพื่อน กัลก้าร่างยักษ์ที่ยืนอยู่นานแล้วก็หัวเราะลั่นออกมา
"ไอ้สองคนนี่หน้าคุ้นๆเคยเจอกันตอนโน้นนี่เอง ข้าเคยไปช่วยไล่ตั๊นกระดูกอยู่เอลเดี้ยมหากระดาษปาปิรุสอยู่ ไอ้พวกเนี้ยมันดวงซวยโคตร ข้าต่อยอยู่สามชั่วโมงไม่เจอสักกะอันสุดท้ายพวกมันพลัดตกหลุมโดนฝูงกระดูกรุมยำซะหัวแบะ ฮ่ะฮ่าฮ่า" กัลก้าร่างยักษ์แต่อารมณ์ดีเล่าถึงอดีตอันไม่อยากจดจำของทั้งสองคน
"โอ๊ะโอ เคยเจอกันแล้วเหรอเนี่ย วันนี้ก็มาช่วยกันอีกนะคะ" ฮิวม์หญิงกล่าวอย่างสุภาพ
"แล้วเราชื่ออะไรหล่ะ"
"ดาห์เลียค่ะ เป็นมองค์เหมือนกันค่ะ!" มิสร่าสาวน้อยรีบตอบเสียงดังแบบกลัวอีกฝ่ายจะไม่สนใจ
"ดาห์เลีย....เหมือนดอกไม้ที่บานในซารุทาบารุทาน่ะเหรอ เป็นชื่อที่ดีนะ"
มิสร่าสาวหน้าแดง หลังจากโปโรแนะนำตัวเองเลย์อาร์และมาโคโกโร่ก็ขอตัวไปเข้ากลุ่มเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
โปโรทำหน้าตาขรึมแล้วก็พูดเบาๆว่า "อีกแล้วเรอะ"
"อีกแล้วอะไร" มิสร่าสาวทำท่างง
"ก็ไปตื่นเต้นใจระทวยเพราะคนอื่นเค้าใส่ชุดสวยๆอีกแล้วน่ะสิ" ทารุหัวโตโวยวาย
"คราวก่อนที่จูโน่ก็ไปปิ๊งฮิวม์หญิงที่ใส่ชุดคัสตอมเวสไปทีแล้ว ไม่รู้ปลื้มอะไรนักหนา ชุดอย่างนั้นที่ใหนก็มี หนุ่มๆหล่อๆเยอะแยะไม่เคยจะสนใจ เห็นสาวๆใส่ชุดสวยๆล่ะงี้ตาเป็นประกายเชียว" ทารุยังไม่หยุดโวยวาย
"แหม ไม่เหมือนกันน่า คราวก่อนเรามองเพราะว่ามันสะดุดตาตะหาก คราวนี้เราประทับใจจริงๆนะ ดีกว่าทารุขี้หลีที่พอลับหลังก็ทำตัวไม่เอาอ่าวนอนแผ่สองสลึง" มิสร่าสาวตอบกลับพร้อมกับค้อนควับ
"จ้า จ้า ยังไงก็ได้แค่มองคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ" ทารุตอบแบบซังกะตาย
"แล้วนี่พวกเราไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเหรอ หรือว่าจะไปเกาะชาวบ้านเค้าอีกเหมือนงวดก่อน" มิสร่าถาม ทารุจึงพาไปเข้ากลุ่มเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ที่กลุ่มประกอบไปด้วยนักผจญภัยจำนวนมากและหลายหลายเผ่า พอมองไปรอบๆนอกจากทารุหัวโตเพื่อนสนิทแล้วก็ไม่มีใครที่รู้จักหน้าอีกเลย แม้แต่เลย์อาร์ก็ไม่เห็นเงา โอเอซิสกับฟาริน่าที่บอกว่ากำลังมาก็ไม่รู้มาถึงหรือยังหรือว่าอยู่ที่กลุ่มใหน
กลุ่มนักผจญภัยได้แยกย้ายกันเป็นสามกลุ่มเพื่อมุ่งหน้าไปยังถ้ำสามถ้ำที่ระบุตำแหน่งไว้ในหนังสือที่ได้รับมาจากมาท กลุ่มของมิสร่าและทารุมือใหม่นำทีมโดยชุนแห่ง StarSept ได้นำร่องออกเดินทางก่อน ระหว่างทางพบมอนสเตอร์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างไร เดินทางฝ่าพายุหิมะมาได้ระยะนึงพบกับถ้ำที่ระบุไว้ก็ส่งสัญญาณให้ระวังตัว เอลวานธีฟร่างสูงโย่งคนนึงค่อยๆย่องเข้าไปสำรวจในถ้ำ ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังกึกก้องพร้อมกับเสียงระเบิดดังลั่น "แฟลร์!" คาถาโบราณอันรุนแรงที่สาปสูญไปนานแล้วทำเอาเอลวานธีฟกระเด็นปลิวดุจว่าวสายป่านขาด ชุนพาลาดินแทงค์หลักของทีมยกโล่ห์และดาบเตรียมพร้อมทันที
เสือดำร่างยักษ์ขนาดใหญ่จนกัลก้าที่ว่าร่างยักษ์ก็ยังสูงแค่ขาหน้าของมัน บอเรียลไทเกอร์(Boreal Tiger) ค่อยๆเดินย่างสามขุมออกมาจากถ้ำ แววตาที่ดุร้ายจ้องมองมาทางกลุ่มของนักผจญภัย หลังจากคำรามออกมาเสือดำยักษ์ก็กระโดดข้ามหัวชุนรวดเดียวถึงกลุ่มของนักผจญภัยและตะปบด้วยกรงเล็บขนาดมหึมาเข้าใส่ทันที นักสู้ที่ไม่ทันระวังตัวกระเด็นไปคนละทิศละทาง ใครที่กระดูกแข็งมีฝีมือก็พอจะต้านไว้ได้ ชุนเองเป็นถึงหัวหน้า การปล่อยให้มอนสเตอร์แม้จะเป็นโนโทเรียสมอนสเตอร์ข้ามหัวไปนับว่าเสียเชิงไม่น้อย ชุนจึงรีบพุ่งเข้าไปรับมือก่อนที่เจ้าเสือดำร้ายจะตะปบครั้งที่สอง ชื่อเสียงที่สะสมมาไม่ใช่ว่าได้มาเปล่าๆ ชุนก็เก่งกาจพอจะรั้งเสือร้ายไว้ได้ ซาโอะเรดเมจคู่ใจรีบเข้ามาให้การสนับสนุนทันทีสมกับเป็นคู่หูที่ฝ่าฟันอันตรายด้วยกันมานาน พอเริ่มเข้ากระบวนเหล่านักสู้ก็เข้าโจมตีเสือดำยักษ์ทันที
มิสร่าสาวกับทารุขี้บ่นทั้งสองเกิดมายังไม่เคยพบกับศึกใหญ่กับศัตรูร้ายระดับนี้ ต่างก็ตัวแข็งก้าวไม่ออก นักสู้ที่เข้าปะทะต่างก็บาดเจ็บล้มตายกันไม่น้อย รายชื่อในอไลแอนซ์เปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้างแดงบ้าง กรงเล็บของสัตว์ยักษ์ตะปบออกแต่ละครั้งล้วนต้องมีผู้เสียสละ ถึงจะดูเป็นการเอาพวกมากเข้ารุม แต่บางครั้งการต่อสู้กับพลังอันยิ่งใหญ่ เราผู้เป็นเพียงธุลีดินจึงต้องช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน ผนึกกำลังเข้าต่อกรจึงจะสำเร็จ
"ไม่คิดว่าร้ายขนาดนี้เลยนะเนี่ย" ดาห์เลียรำพันออกมาพร้อมกับเข้าจู่โจมโบเรียลไทเกอร์ หมัดที่แสนภูมิใจใช้ตะบันหน้าออร์คมาไม่น้อยและหวังว่าจะใช้ต่อยเข้าที่ลิ้นปี่ของทารุให้สะใจกลับแทบไม่สะกิดผิวของเสือร้ายตัวนี้เลย ยิ่งด้วยการเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว แค่จะออกหมัดให้เข้าเป้าก็เป็นเรื่องยากเต็มทน
"เฮสต์!" ทารุไวท์เมจร่ายเวทย์สนับสนุนพร้อมกับเพิ่มพลังให้ เหล่านักผจญภัยที่เป็นแกนหลักก็ยังรับมือไว้ ชุนก็เป็นหัวเรื่ยวหัวแรงในการต่อสู้เข้าปะทะ เหล่ามีลีก็เข้าโจมตีโดยมีชุนหลอกล่อ การต่อสู้เป็นไปอย่างยาวนาน กลุ่มนักผจญภัยที่แบ่งออกเป็นสามส่วนทำให้แต่ล่ะทีมมีคนไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อย แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าศัตรูที่ร้ายกาจก็ดูเหมือนกับว่าจะน้อยเกินไปแทนซะนี่ นักสู้ฝีมือดีที่เข้าต่อสู้อย่างต่อเนื่องทำให้เสือร้ายเริ่มอ่อนแรง แต่ฝ่ายนักผจญภัยก็บาดเจ็บไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน มิสร่าสาวหลังจากเข้าต่อสู้ก็ได้บาดเจ็บไม่น้อย จึงปลีกตัวออกมาพัก พอมองไปรอบๆเห็นผู้คนบาดเจ็บมากมายก็เริ่มใจสั่นหวาดกลัวถึงการต่อสู้อันโหดร้าย เจ้าเสือร้ายที่เริ่มพยายามจะหลบหนีจากการกลุ้มรุมได้กระโจนลงจากหน้าผามา แม้มันจะบาดเจ็บแต่พละกำลังก็ยังมีไม่น้อย เพื่อหลีกหนีจากตำแหน่งทีเสียเปรียบ บอเรียลไทเกอร์ตรงดิ่งไปยังจุดที่มิสร่าสาวพักอยู่ เมื่อเห็นสถาณการณ์ไม่ดี สิ่งที่ดาห์เลียตัดสินใจคือเข้าต่อสู้.....
"รอบๆตัวเรานอกจากเราแล้วไม่มีใครพอจะสู้ไหวอีกแล้ว" ดาห์เลียคิดหลังจากมองไปยังแถบสเตตัสของอไลแอนซ์ตัวเอง
"ไอ้ทารุบ้าเอ็มพีหมดไปนั่งแถวใหนว๊า พอเวลาอย่างงี้ดันไม่อยู่อีก"
"พลังเหลือเท่านี้ คงรับการโจมตีได้สักสามที ไม่สิสองทีก็อาจจะไม่ไหว"
"ต่อยมันอีกสองครั้งน่าจะได้ทีพีพอจะออกเวพอนสคิลได้"
"ตะกี้ไม่น่านั่งเลยสิโถ่เว้ย"
จิตใจที่ว้าวุ่นเริ่มลำดับสถาณการณ์ความเป็นตายร้ายดี แต่พอถึงที่สุดกลับลืมทุกอย่างที่คิดไว้ ออกหมัดอย่างไม่กลัวเกรงเข้าใส่เสือดำยักษ์ที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด
>ปั่ก! ปั่ก! ดาห์เลียซัดคริติคอลฮิทเข้าไป 44 ดาเมจ
“เข้าท่าเว้ย ดวงยังไม่ซวยซะทีเดียว เท่านี้ก็ทีพีเต็มแล้ว”
>บอเรียลไทเกอร์ตะปบไทฟูนโคลว์ 541 ดาเมจ
“หูย…อย่าใช้ท่าพิศดารสิค๊า งี้อีกทีก็ไม่ไม่รอดแล้ว” ดาห์เลียเหลือ HP อีกนิดหน่อยแต่สีของตัวเลขก็เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว….
>ดาห์เลียรัวหมัดชุดรันเงกิ (เรจจิ้งฟิสต์) เข้าใส่บอเรียลไทเกอร์ 225 ดาเมจ
แต่เสือร้ายแม้จะบาดเจ็บอยู่ก่อนไม่น้อย แต่หมัดชุดที่แสนภูมิใจรัวเข้าใส่ก็ยังไม่อาจล้มมันลงได้ มันง้างกรงเล็บหมายจะตะปบปิดฉาก มิสร่าสาวรู้ตัวว่าคราวนี้คงรับไม่ไหวแล้ว ร่างกายก็เหนื่อยล้าเหลือ อยากจะนอนลงบนหิมะเย็นๆให้หายเหนื่อยซะที
“เฮ้อ สงสัยจะมาได้แค่นี้หล่ะ….”
ทันใดนั้นก็มีหมัดหลังแหวนพุ่งเข้ากระแทกปากของบอเรียลไทเกอร์อย่างจัง รุนแรงเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เสือดำยักษ์ชะงักถอยไปตั้งหลัก และจ้องมองไปที่เจ้าของหมัดอย่างอาฆาตแค้น
“รุนแรงกับเด็กผู้หญิงอย่างนี้ ระวังจะโดนสาวๆเกลียดนะจ๊ะ” เสียงอันคุ้นเคยและสำนวนอ่อนหวานแต่ไร้ความหวาดกลัวที่แม้จะอยู่ต่อหน้าศัตรูดุร้าย เลย์อาร์เองที่เป็นออกหมัดขัดขวางการโจมตีไว้และเข้ามายืนปกป้องดาห์เลีย
“จังหวะอย่างนี้เราควรสร้างโอกาสให้พรรคพวกเข้ามาสนับสนุนดีกว่า รันเงกิแม้จะรุนแรงแต่ศัตรูระดับนี้จังหวะนี้ยังไงก็ไม่มีทางล้มมันลงได้ น่าจะใช้แบ็คแฮนด์โบลว์ ถ่วงจังหวะและถอยไปตั้งหลักรอเพื่อนมาสนับสนุนมากกว่านะจ๊ะ” ฮิวม์สาวออกปากแนะนำมิสร่าสาวด้วยถ้อยคำสบายๆ
“คุณเลย์อาร์!” มิสร่าอ่อนประสปการณ์เรียกชื่อผู้มีพระคุณอย่างประหลาดใจเพราะว่าหลังจากแบ่งกลุ่มแล้วทั้งสองก็อยู่คนละกลุ่มกัน ไม่น่าจะมาอยู่แถวนี้ได้
“ทางโน้นงานเสร็จเร็วน่ะจ้ะ ก็เลยแวะมาดูทางนี้นิดหน่อย” ฮิวม์สาวตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เคยเลือนไปจากใบหน้า
กลุ่มของชุนที่ไล่ตามลงมาจากเนินเขาก็รีบเข้ารุมเจ้าบอเรียลไทเกอร์ทันทีที่มันเสียจังหวะ ชุนรีบโพรโวคและพามันไปให้กลับไปยังจุดต่อสู้ทันที ชุนหันมาสบตากับเลย์อาร์แว่บนึง เลย์อาร์ผงกหัวคล้ายจะเป็นการขอโทษเบาๆ ชุนก็หลับตาเหมือนจะเป็นการรับคำขอโทษและก็รีบหันไปรวบรวมสมาธิในการต่อสู้ต่อ
“คุณเลย์อาร์…ขอบคุณจริงๆนะคะ” มิสร่าตัวน้อยผงกหัวพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ แต่ร่างกายที่อ่อนล้ากลับทรงตัวไม่ไหว ในหัวได้ยินเสียงแว่วของทารุเพื่อนข้างกายเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะชำเลืองไปดู ภาพสุดท้ายที่เห็นคือฮิวม์มองค์สาวเดินเข้ามาใกล้แล้วทุกอย่างก็เป็นสีขาวโพลนไปหมด
“วันนั้นเหนื่อยแทบแย่เลยเนอะ” เสียงมิสร่าสาวพูดคล้ายรำพันกับตัวเอง
ในห้องไม้หน้าเตาผิง มิสร่าคนเดิมก็ยังหลับใหลอยู่
แสงสว่างจ้าค่อยๆจางลง เสียงทารุทารุที่คุ้นหูพูดจ้ออะไรบางอย่างไม่หยุด สติค่อยๆกลับมา มิสร่าสาวพบว่าตัวเองนอนสลบอยู่ในอ้อมกอดของซาโอะเรดเมจคู่หูของชุน แม้ใบหน้าจะไม่ค่อยยิ้มแย้มแต่ก็ดูให้ความอบอุ่นและพึ่งพาได้อย่างพี่สาว
“โถ่เว้ยบอกให้ระวังไงหล่ะ เกือบแย่แล้วนะ ทีหลังอย่าทำอะไรมุทะลุอีกหล่ะ” ทารุขี้บ่นรีบต่อว่าต่อขานแต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตัวเองนั่นหล่ะที่เป็นห่วงกว่าเพื่อน อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่ไปช่วยในการต่อสู้ไม่ทันที่แสดงให้เห็นว่าตัวเองบกพร่องในหน้าที่
“นายนั่นหล่ะมาช้า เราโซโล่อย่างงามเลยนะจะบอกให้” ดาห์เลียยังแรงมีหยอดมุขตลกแขวะกันอีก
“ยัยบ้าเอ้ย” ทารุร่างเตี้ยรีบเอามือป้ายตาที่เหมือนจะร้องไห้แต่ในใจก็รู้สึกโล่งอกเพราะเพื่อนยังมีเรี่ยวแรงต่อปากต่อคำ
“เรียบร้อยแล้วหล่ะ” ซาโอะพูดพร้อมกับชี้ไปที่ชุนซึ่งยืนอยู่หน้าร่างขนาดยักษ์ของเสือดำบอเรียลไทเกอร์ที่นอนไร้วิญญาณอยู่ ไวท์เมจค่อยๆปฐมพยาบาลพรรคพวกที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ ชุนกำลังเก็บฟริกจิไซต์ทรงกลม (Rounded Fricgicite) จากส่วนลึกของถ้ำ
พอเห็นมิสร่าสาวน้อยได้สติก็เดินเข้ามาแสดงความเป็นห่วง
“ตะกี้ต่อยได้สวยมากเลยนะ” ชุนชมอย่างออกหน้าออกตาแล้วยกนิ้วโป้งให้
“แต่รู้สึกจะบ้าพลังไปหน่อยนะ” ซาโอะพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่เกรงใจ เล่นเอาชุนทำหน้าแหยๆคล้ายจะบอกว่าเจ๊เค้าก็เป็นคนอย่างงี้หล่ะแถมยังกระซิบกระซาบว่าตัวเองก็กลัวเหมือนกัน
ชุนหยิบฟริกจิไซต์อันเล็กออกมาอันนึงและส่งให้ดาห์เลีย
“อ่ะ เก็บไว้เป็นที่ระลึก ตาแก่มาทเอาไปแค่นี้ก็พอแล้ว” ชุนพูดเชิงบ่นๆว่าตาแก่มาทให้ทำอะไรแต่ล่ะอย่างนี่เหนื่อยทุกที ดาห์เลียรับฟริกจิไซต์ทรงกลมชิ้นเล็กมา มันคือผลึกน้ำแข็งที่มีอายุยืนยาว ประกายของมันสะท้อนราวกับเพชร แม้โดนแสงแดดก็ไม่ละลาย จากปากคำของหน่วยข่าว บอเรียลฮาวด์ได้โดนกลุ่มของเลย์อาร์จัดการไปแล้ว พรรคพวกทั้งหลายค่อยๆฟื้นตัวและออกเดินทางไปสมทบกับกลุ่มสุดท้ายที่ไปจัดการกับบอเรียลคัวอาล
เมื่อมาถึงยังจุดที่ต่อสู้กับบอเรียลคัวอาลเวลาก็ผ่านจนเกือบรุ่งสางแล้ว การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ฝ่ายนักผจญภัยบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย แต่บอเรียลคัวอาลก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วนัก การต่อสู้ใกล้จะจบลงในไม่ช้านี้แล้ว มองไปรอบๆกลุ่มของเลย์อาร์และมาคุโกโร่ที่นำทีมโดยกลุ่ม HNMLS ที่ชื่อว่า NMR (Notorious Monster Ring) มายืนรออยู่ก่อนแล้ว และดูท่าทางจะไม่บอบช้ำจากการต่อสู้เท่าใดนัก ฝีมือของกลุ่ม NMR เป็นของแท้ อันดับหนึ่งของกลุ่มนักล่าไม่ใช่ว่าจะได้มาเพราะการบอกเล่าปากต่อปาก
“ทำไมเราไม่ไปช่วยเค้าหล่ะ” มิสร่าสาวน้อยถามทารุหัวโตข้างๆ
“ก็เพราะการที่เราเข้าไปช่วยจะถือว่าเป็นการดูถูกพวกเค้าไงหล่ะ” ซาโอะที่ยืนอยู่ข้างๆตอบคำถามแทนให้
“การที่มองค์ฮิวม์หญิงคนนั้นมาช่วยเธอก็เป็นการเสียมารยาทเหมือนกัน และแน่นอนเธอก็ต้องพร้อมที่จะโดนตำหนิอยู่แล้วในการกระทำเช่นนั้น” ซาโอะมองไปที่เลย์อาร์ที่ยืนอยู่คนล่ะฝั่ง
“อย่างงั้นหรอกเหรอ…” มิสร่าสาวได้รับรู้กฏเกณฑ์มารยาทของโลกเพิ่มมากขึ้น รับรู้ถึงความลำบากใจที่ซ่อนอยู่หลังใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งยิ่งทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนหัดของตัวเองเข้าไปอีก
เปรี๊ยะๆๆ! เสียงสายฟ้าของเวทย์”เบิร์ส”ดังกึกก้อง พาลาดินที่แทงค์อยู่ล้มลงสลบคาที่
“คาถาระดับนี้ถ้าโดนเข้าไปจังๆต่อให้เป็นชุนก็เกรียมอย่างกับสเต๊กมีเดียมแรร์ได้เลย” ซาโอะพูดออกมานิ่งๆราวกับกำลังจินตนาการภาพชุนที่โดนย่าง จากนั้นก็ชำเลืองมองไปทางชุนที่เสียววาบขนลุกเกรียวอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากที่แทงค์คนเก่าสลบเกรียมไป พาลาดินเอลวานชายผมยาวคนนึงก็พุ่งเข้าประจันหน้ากับบอเรียลคัวอาลอย่างไม่เกรงกลัว
“ฟาริน่านี่นา” ทารุทารุไวท์เมจตะโกนอย่างตกใจ
พาลาดินหน้าตาคุ้นเคยเข้าต่อกรกับเสีอดาวยักษ์อย่างไม่เกรงกลัว ทันทีที่เปิดช่องว่างดาร์คไนท์อีกคนพุ่งเข้าไปโจมตีจากด้านหลังของบอเรียลคัวอาลด้วยเคียวอันใหญ่ราวกับเป็นมัจุราช
“โอเอ๊ะจังมาแล้ว” ดาห์เลียพูดขึ้นมาพร้อมกับประกายตาที่มั่นใจ
โอเอซิสเมื่อเข้าคู่กับฟาริน่าแล้วประสานกันได้อย่างลงตัว ฝ่ายนึงปกป้องฝ่ายนึงโจมตี บอเรียลคัวอาลเริ่มถอยร่อนไป
“พาลาดินคนนั้นไม่เลวนะเนี่ย แถมยังเข้าขากันได้ดี” ชุนกล่าวชม
เมื่อบอเรียลคัวอาลถอยร่นจนติดมุม เมื่อสะสมทีพีได้ที่โอเอซิสรวมพลังไว้ที่เคียวแล้วก็เร่งพลังแห่งความมืด ”โซลอีทเตอร์” ออกมา
“โวปาลไซท์!” โอเอซิสออกท่าไม้ตายตวัดเคียวจากล่างขึ้นบนพลันปรากฏเป็นเคียวขนาดยักษ์ขึ้นมาจากพื้นทิ่มแทงศัตรู บอเรียลคัวอาลร้องอย่างเจ็บปวด
“โวปาลเบลด” ด้วยจังหวะที่ต่อเนื่องกัน ฟาริน่าใช้ท่าไม้ตายเป็นการโจมตีอย่างรวดเร็วสี่ครั้ง ท่าไม้ตายทั้งสองอย่างที่ต่อเนื่องทำให้เกิดสภาวะอากาศบิดเบี้ยวขึ้นมา
“วอเตอร์ทรี!” แบล็คเมจหลายคนร่ายเวทย์วอเตอร์ทรีในจังหวะพร้อมกับที่เกิดสภาวะบิดเบี้ยว ทำให้เกิดเอฟเฟ็คที่เรียกว่าเมจิคเบิร์สขึ้นมา เวทย์วอเตอร์ทรีที่ร่ายออกมาในจังหวะนี้จะทำความเสียหายรุนแรงกว่าปกติมาก บอเรียลคัวอาลล้มลงสิ้นสภาพ เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีจากทั้งผู้ชมและผู้ร่วมต่อสู้ดังกระหึ่ม แม้แต่ซาโอะยังปรบมือให้ ฟาริน่าหลังจากใช้โวปาลเบลดด้วยอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ ทำให้เข่าอ่อนเสียหลักเล็กน้อย โอเอซิสคู่หูได้จับมือเอาไว้และพยุงไว้ไม่ให้เสียหลัก
“อื๋มมมมมมม……………อีกแล้ว” ดาห์เลียมองชายหนุ่มทั้งสองด้วยสายตาเป็นประกายอยากรู้อยากเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มรูปงามทั้งสอง
“เห้ย อย่าคิดอะไรอกุศลสกปรกกับเพื่อนตัวเองสิฟระ” โปโรรู้ดีว่ามิสร่าสาวน้อยคิดอะไรอยู่ จึงรีบบ่นตัดบทขึ้นมา
“แหม ก็ชายหนุ่มสองคนอยู่ในถ้ำมืดๆตั้งนานสองนาน เค้าจะทำกิจกรรมอะไรกันบ้างก็ไม่รู้นี่นา” ดาห์เลียยังคงไม่หยุดคิดเรื่องต้องห้าม
“ก็เก็บเลเวลไงล่ะเฟ้ยเห้ย เค้าไปกันเป็นปาร์ตี้น่า เอาสมองไปคิดเรื่องที่เกิดประโยชน์มั่งดิ ยัยแมววิปริต” โปโรเริ่มด่าตรงๆไม่อ้อมค้อม
“ก็ดีกว่าทารุจอมเก๊กแถมยังขี้หลี ตะกี้ทำเป็นเท่จะโชว์หล่อให้คุณเลย์อาร์สิท่า อย่านึกว่าไม่รู้นะ ตัวเท่าหัวเข่าใครเค้าจะไปสนใจกันยะ” มิสร่าสาวเริ่มเถียงคอเป็นเอ็น
“เฮ่ยเห้ย ถึงจะตัวเท่าเข่าแต่หล่อตั้งแต่หัวจรดเท้านะเฟ้ย”
“โด่ หัวจรดเท้าก็ยังไม่พอหรอกย่ะ ก็หัวจรดเท้ามันก็ยังแค่เก้าสิบเซ็นต์เอง”
เสียงทะเลาะกันยังคงดังต่อเนื่องตลอด
หลังจากรวมกลุ่มกับฟาริน่าและโอเอซิส พวกกลุ่มหัวหน้าก็รวบรวมฟริกจิไซต์ทั้งสามชิ้นเพื่อจะมอบให้มาท ทุกๆคนก็ทยอยกันเดินทางกลับ ทั้งสี่คนตัดสินใจว่าจะเดินทางผ่านบอสดีนเพื่อจะไปโผล่ทางเหนือของบาทาเลียและจะได้กลับจูโน่กันง่ายๆ ไม่ต้องวาร์ปไปฮอลล่าแล้วขี่โจโคโปะเป็นระยะทางไกล พอแยกจากกลุ่มหลักเดินไปได้สักพักจู่ๆก็พบร่างของคนนอนสลบอยู่กลางทาง ทั้งสี่คนจึงรีบเข้าไปดู แล้วก็พบว่าเป็นเลย์อาร์นอนสลบอยู่ โปโรเห็นก็จะเข้าไปร่ายเรสให้ทันที แต่ว่าไม่ทันเพราะว่ามีไวท์เมจคนอื่นยืนร่ายอยู่ก่อนแล้ว มาคุโกโร่ยืนอยู่ข้างๆก็ส่งมือให้เลย์อาร์จับพยุงตัวลุกขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” มิสร่าตัวเล็กเป็นห่วงมองค์รุ่นพี่จากใจจริง
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ ตะกี้เผลอไม่ระวังปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บ เอเทมมุผีแถวนี้ได้กลิ่นเลือดมันเลยมารุมตอมกันใหญ่” เลย์อาร์เล่าให้ฟังถึงความเผลอเรอของตัวเอง ส่วนมาคุโกโร่หัวเราะใหญ่ “เดือดร้อนฉันต้องมาช่วยเนี่ย เอเทมมุตั้งสามตัวเกือบไม่รอดเหมือนกัน”
“มีเพื่อนรู้ใจก็ดีอย่างงี้หล่ะจ๊ะ” เลย์อาร์ยิ้มมุมปากพร้อมกับมองไปกลุ่มคนทั้งสี่
ทั้งสองคนกล่าวลาแล้วก็เทเลพอร์ทไปกับไวท์เมจที่มาช่วยเรส
“นึกว่าจะเก่งจนไร้เทียมทานซะอีก ที่ใหนได้ก็พลาดกับเรื่องง่ายๆเหมือนพวกเราหล่ะน้า” ลับหลังโปโรเริ่มพูดในสิ่งที่อยากจะพูดแต่รักษามารยาทไว้
“อื้อ เก่งขนาดใหนก็คงทำอะไรคนเดียวไม่ได้สินะครับ” ฟาริน่าพูดขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าเก็กหล่อยังสังเกตได้ถึงความขี้เล่น
“แต่มันไม่เห็นเกี่ยวกับว่าเซ่อซ่าปล่อยให้ผีมาตอมได้นี่นา….” มิสร่าพูดความจริงที่พยายามมองข้ามกันไป
“สรุปว่าที่เราเซ่อซ่าแบบนี้ สักวันนึงเราก็จะเก่งเท่สวยเก๋อย่างคุณเลย์อาร์ได้ใช่มะเนี่ย!?” ดาห์เลียสรุปเหตุผลแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆออกมา
“เฮ่ยเห้ย เป็นเหตุเป็นผลกันแบบนั้นเลยเหรอ” ทารุไวท์เมจทำหน้าเซ็งๆ
“ใช่สิ ดังนั้นกลับไปจูโน่แล้วเราจะถอยชิโนบิงิทั้งเซ็ทมาใส่ มันต้องเข้ากับเรามากแน่เลย” มิสร่าสาวทำตาเป็นประกายอีกครั้ง
“แล้วหล่อนจะเอาเงินมาจากใหนเล่า ทั้งเซ็ทมันก็หลายแสนนะ” โปโรบ่น
มิสร่าหันไปมองทารุตาเป็นประกายอีกครั้ง
“เฮ่ยเห้ย ฉันไม่ให้ยืมนะ ของเก่าก็ยังไม่ได้ใช้เลย” ทารุเริ่มวิตกกังวลในอนาคตทางการเงินของตัวเอง
“แหม เราเห็นนะ นายไปขายเทเลเพอร์ทต้องได้เงินมาเยอะแน่เลย” มิสร่าเริ่มหว่านล้อมแบบมัดมือชกเผด็จการ
“อืม ใช่” โอเอซิสตอบเสียงเบาๆ
“ผมก็อยากได้โล่อันใหม่เหมือนกัน เห็นอิคาริจะขายต่อ ยืมตังด้วยคนดิ” ฟาริน่าเงียบมานาน ที่แท้ก็เก็บข้อมูลอยู่
“เอ๋! ไม่เอานะ เรื่องอะไร” ทารุบ่นไม่หยุดพร้อมกับทำท่าจะร่ายเวท์ยวาร์ปหนีกลับจูโน่คนเดียวซะงั้น
>โปโรโรคาร่ายเวทย์วาร์ป
>ดาห์เลียแบ็คแฮนด์โบลว์ใส่กบาลทารุ 185 ดาเมจ
>เวทย์วาร์ปถูกขัดจังหวะจึงหยุดชะงักลง
“ว๊าว แบ็คแฮนด์โบลว์จังหวะนี้เวิร์คกว่าจริงๆด้วย” มิสร่าดีใจออกหน้าออกตาหลังจากหลังแหวนเข้าที่กบาลเพื่อนทารุ
“จับไว้ ล้วงออกมาดูให้หมดว่ามีตังอยู่เท่าใหร่” ฟาริน่าช่วยสมทบอีกแรง
เสียงฉุดลากถูลู่ถูกังจากคนในกลุ่มก็ยังโหวกเหวกดังไปทั่วบริเวณ หิมะที่หยุดตกแล้วส่งผลให้ทัศนวิศัยชัดเจนขึ้น เงาคนทั้งสี่ที่เดินไปกลางทุ่งหิมะสามารถมองเห็นได้แม้จากระยะไกล รอยเท้าเมื่อมองทอดยาวออกไปก็กลายขีดเล็กๆลากยาวคล้ายกับเส้นตรงสี่เส้น….
“ฮ๊าวววว” เสียงหาวของมิสร่าตัวเล็กที่นอนอยู่บนพื้นหน้าเตาผิงดังขึ้น จากนั้นก็บิดขี้เกียจยืดแขนและขาไปข้างหน้า แสงแดดยามเช้าส่องทะลุหน้าต่างกระทบเข้ามาในห้อง มิสร่าคนเดิมค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆแล้วคลานไปเปิดตู้เก็บของที่ตั้งอยู่มุมห้อง จากนั้นก็เริ่มค้นหาอะไรบางอย่าง
“ไอ้นี่น่าจะพอกินได้นะ” มิสร่าหยิบน้ำเมลอนที่ไม่รู้ว่าเก็บไว้นานขนาดใหนออกมาจากกล่อง เอาหลอดจิ้มลงไปแล้วก็ดูดจนหมดกล่อง ไฟจากเตาผิงเริ่มมอดลงแล้ว อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น เสียงนกร้องและใบไม้ที่ปลิวตามลมแว่วมาเป็นระยะ จากนั้นมิสร่าตัวเล็กก็เดินสลืมสลือไปที่เตียงที่ปูไว้อย่างเรียบร้อย เปิดผ้าห่มที่คลุมเตียงไว้แล้วก็แทรกตัวเข้าไป งุ้มตัวงอขาและกอดหมอนข้างไว้แน่นแล้วก็หลับไปอย่างมีความสุขอีกครั้ง
[…] « DU 01 | Genkai II : หิมะและมิตรภาพ […]
หวัดดีครับคุณเหมียว ว่างๆแอดเมล์มาคุยกันหน่อยสิครับ ผมชอบสำนวนนะครับ หุหุ