กลายเป็นธรรมเนียมไปตั้งแต่เมื่อใหร่ก็ไม่รู้ที่พอเล่นเกมอะไรจบก็จะเอามาวิจารณ์ คราวก็เป็น Dead Rising บน 360 จะว่าไปก็เพิ่งเคยเล่นเกมบน Next Gen แล้วรู้สึกว่าสมเป็น Next Gen (ก่อนหน้านี้เล่น Onichanbara รู้สึกเป็น Next Gen แค่ตูดกับนม) ตัวเกมทำสิ่งก่อสร้าง แสงเงา วัตถุต่างๆได้ดีมาก ตอนแรกๆที่เล่นก็ยังประทับใจในความสวยอยู่ แต่เล่นไปเล่นมาก็เริ่มอคติ ทำไมเกมมันยากจังวะ ของหยิบมาฟาดๆแป๊บเดียวพังซะแล้ว และยิ่งสติแตกตอนที่ไอ้โน่นก็โทรมาบอกให้ไปช่วย ยัยปลาร้าที่วิ่งตามมาที่กรี๊ดๆยืนให้ซอมบี้มันขืนใจอยู่ได้ บอกให้วิ่งไปทางโน้นก็ไม่ยอมวิ่งไป แถมกำลังรีบๆไอ้แก่ Otis มันก็โทรศัพท์มาอีก พอรับคุยอยู่ซอมบี้มันก็มางับคอข้างหลังสายหลุด พอโทรมาใหม่แม่มด่ากรูทำไมตัดสาย! ไอ้เวรเอ้ยซอมบี้มันจะงับคอหอยอยู่แล้ว (จริงๆงับไปแล้ว) ตัดสายแค่นี้ทำเป็นมาด่า กลับไปจะเอาเลื่อยไฟฟ้าตัดแขนตัดขาโยนให้ซอมบี้กิน
แต่เล่นๆไปหลายรอบ เลเวลเริ่มเยอะและจับทริคได้ว่าใช้หนังสือหลายๆเล่มร่วมกันกับอาวุธแล้วทำให้เล่นได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และยิ่งได้สัมผัสกับเลื่อยไฟฟ้าขนาดพกพาก็ทำให้มีความสุขเป็นอย่างยิ่งกับการชำแหละซอมบี้เป็นชิ้นๆ ตัวเกมมีความอิสระแต่จริงๆแล้วกลับไม่อิสระอย่างที่คิด เพราะถูกจำกัดด้วยเวลาหลายๆอย่าง จะเล่นให้ดีต้องบริหารเวลาให้ดีด้วย จริงๆก็เล่นจบแบบห่วยๆไปแล้วหล่ะ แต่พยายามเล่นเอาฉากจบแบบที่ดีที่สุดอยู่
อีกเกมที่เพิ่งเล่นจบไปก็คือ Ar Tonelico (PS2) ภาคภาษาอังกฤษ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะดีอะไรนักหน้า แต่เล่นๆไปก็ติดซะได้นี่ นางเอกในเกมสองคนที่ให้พระเอก Dive ลงไปใน Cosmosphere เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์สร้างเพลงใหม่ๆ ก็มีเนื้อเรื่องใน Cosmosphere น่าติดตาม อ่านได้เพลินๆสนุกๆจนลืมเล่นเนื้อเรื่องหลักไปเลย ในส่วนของ RPG ก็ทำได้ไม่ดีไม่แย่ พอเล่นได้เรื่อยๆ แต่ไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก ที่ฮาสุดก็คงเป็น Cosmospere ของ Shurelia ตัวละครพิเศษนางเอกคนสุดท้ายที่กลายเป็นนิยายรักรั้วโรงเรียนผสมยอดมนุษย์ และที่พลาดไม่ได้ก็เป็นชุดต่างๆในเกมที่แสนจะ Sexy ให้เลือกใส่กันอย่างมากมาย
แถม Love Scene บทพูดชวนสยิวของออริก้า
สองเกมงวดนี้รู้สึกจะขัดแย้งแนวทางกันอย่างมากเลยนะ…..
รายชื่อเกมที่พยายามจะกำจัดในช่วงสงกรานต์นี้
Kingdom Hearts II Final Mix
Rogue Galaxy
Shining Force EXA
