*Warning : มีคำหยาบคาย*
ตอนเด็กๆสมัยประถมนั้นผมเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งก็เป็นโรงเรียนค่อนข้างดี ถึงขนาดเคยได้รางวัลโรงเรียนประถมดีเด่นของกทม.ด้วยนะ ตอนเด็กๆก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ได้รางวัลเหรอ มหาจำลองมาดูโรงเรียนด้วย กริ้ดกร๊าดฮือฮาตามประสาเด็กๆ ตอนเด็กๆแบบว่าซื่อ(โง่) โดนหลอกง่าย ใครมาก็ดีใจ(ฮา) ผมเองก็จัดว่าเป็นนักเรียนเรียนผลการเรียนค่อนข้างใช้ได้คนนึง ตามประสาโรงเรียนทั่วไปมันก็มีทั้งเด็กเรียนเก่งและเรียนไม่เก่ง ในชั้นปีของผมมีนักเรียนคนนึงเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง ตัวโต ชอบแกล้งคนอื่น เรียกได้ว่าเป็นนักเรียนเกเรตัวอย่าง(ในระดับประถม)เลยหล่ะ
ไอ้เด็กมันคนนี้ชื่อจินดา จริงๆผมจำชื่อเพื่อนสมัยประถมได้น้อยมากเลยนะ มีแต่ไอ้หมอนี่ที่จำได้ไม่ลืมเลย ไอ้จินดาเนี่ยพ่อแม่เป็นแม่ค้า ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี นิสัยก็ไม่ค่อยดี ดื้อ ชอบใช้กำลัง เกเร เรียนไม่เก่ง สอบได้อันดับท้ายๆทุกที คนส่วนมากในห้องก็ไม่ค่อยชอบหรอก ครูยังไม่ค่อยชอบหรอก แต่อย่างว่านั่นมันตอนเด็กๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเพื่อนมันเรียนไม่เก่งก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ได้มีเงื่อนไขแบ่งแยกอะไรมากมมาย เกเรระดับเด็กๆมันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยเมื่อเทียบกับความเป็นจริงทุกวันนี้
ทีนี้ตอนสัก ป.5 ได้ เด็กผู้ชายมันก็คึกคะนองกันเป็นธรรมดา สมัยนั้นคำทักทายยอดนิยมก็จะเป็นไอ้เหี้ย อย่างเช่นเพื่อนชื่อต่อเวลาเจอหน้าก็ทักว่า “ไอ้เหี้ยต่อ” พูดกันเป็นธรรมดา ควยควย หีหี กระเด็นกระดอนกันเต็มไปหมด เวลาคุยกันก็เหี้ยเอ้ย ควยเอ้ย แม่งโคตรระยำ ตามประสาเพื่อนผู้ชาย (ไม่ได้แตกต่างอะไรกับสมัยนี้เลย) แล้วอาจารย์ก็คงได้ยินบ่อยขึ้นมั้ง (ผมก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเริ่มแรกจริงๆคืออะไรหรอก อาจจะมีผู้ปกครองไปฟ้องก็ได้) อาจารย์ก็เริ่มปราบปราม นอกจากพูดกรอกหู้เช้ากลางวันเย็นให้เรียกเพื่อนๆว่าคุณ ลงท้ายด้วย ครับ ค่ะ แล้ว อาจารย์ภาษาไทยที่แสนจะปราดเปรื่องก็บอกให้เรียกภาคอีสานว่าภาคคุณสานแทน (มันเป็นความงี่เง่าบัดซบอย่างหาที่ติไม่ได้เลยนะเนี่ย ตอนเด็กๆกรูทำไปได้ไง!) กรอกหูเช้ากลางวันเย็นแต่รู้สึกสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นมั้ง เหล่าครูบาอาจารย์ผู้ประสาทวิชาประสาทประสาทก็จึงเริ่มไม้แข็ง
ไม่รู้ว่าห้องผมมันเลวที่สุดในโรงเรียนหรืออย่างไร วันนั้นผมมาโรงเรียนก็โดนเรียกไปทั้งก๊วนหมู่คณะสิบ-เกือบยี่สิบคนทั้งชายและหญิง เรียกโดยครูใหญ่เลยนะ ไม่ใช่เรียกโดยครูทั่วๆไป จากนั้นก็มีอาจารย์มากมายเข้ามารุม แล้วก็เริ่มสอบสวนรายคน โดยการถามคำถามว่า “พูดคำหยาบมั่งมั้ย” และตามด้วย “จำมาจากใหน ใครสอน” นักเรียนส่วนมากก็จะตอบว่าพูดบ้างนิดหน่อย หรือ พูดตามเพื่อน บางคนเป็นคนดีโดยสันดานก็บอกว่าไม่เคยพูดเลย (ไม่เคยพูดคำหยาบแต่พูดโกหกแทน) อาจารย์ก็ปล่อยไป เหลืออยู่ราวๆสิบคนได้ ….น่านนน…ผมก็ติดโผซะด้วยเป็นคนดีแต่เด็กเลย หลังจากกรองได้หัวกะทิของเด็กพูดไม่เพราะมาแล้ว ครูใหญ่ก็หยิบไม้หวายอันยาวประมาณเมตรครึ่งไล่ตีทีล่ะคนที่ตอบว่าเคยพูด ผัวะ! ผัวะ! สมัยเด็กๆมันก็เจ็บจริงๆ จากนั้นก็เริ่มไล่เรียงว่าพวกนักเรียนที่น่ารักนั้นเอาคำหยาบมาจากใหน ตามกันไปตามกันมานักเรียนก็โยนๆไป และอาจารย์ก็ช่วยโยนไปอีกทอด ว่าทั้งทั้งหมดนั้นจำมาจากไอ้จินดาเด็กนักเรียนที่เกเรที่สุดในโรงเรียน…..
ไอ้จินดาเนี่ยมันอยู่คนล่ะห้องกับผม มันเลยไม่ได้มาด้วยในกรุ๊ปแรก แต่มันซวยที่ถูกมองว่าเป็นเด็กเกเรที่สุดในโรงเรียน พอซัดทอดกันเรียบร้อย อาจารย์ก็ให้นักเรียนไปเรียกไอ้จินดามา มาถึงก็ถามด้วยคำถามเดิมที่เคยถามนักเรียนทั้งหมด “เคยพูดคำหยาบใหม” ไอ้จินดาเนี่ยมันก็มองมาก็เห็นนักเรียนที่ยืนอยู่หลายคนหน้าตาจ๋อยๆ มองไปอีกทางก็เจออาจารย์มากหน้าหลายตาไปจนถึงอาจารย์ใหญ่ แล้วมันก็ยิ้มหัวเราะแหะๆตอบว่า “เคยครับ” อาจารย์ก็เลยถามจต่อไปตามเสต็ปว่า “ไปจำมาจากใหน” ไอ้จินดามันก็หันมองไปมาอีกเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ แล้วพูดว่า “ผมคิดเองครับ” นักเรียนที่ยืนอยู่ก็รู้สึกประหลาดใจ แอบกระซิบกระซาบกัน เห้ยไอ้คำห่าพวกนี้มันมีมาแต่โบราณสมัยพ่อขุน ไอ้จินดามันจะคิดเองได้ไง อาจารย์แม่งก็ควายถามคำถามโง่ๆได้ไงวะว่ามาจากใหน ในเมื่องพวกมึงก็เคยพูด พวกมึงออกไปตลาดก็เจอคำสบถเหี้ยพวกนี้ทุกๆห้าวินาทีอยู่แล้ว จากนั้นเหล่าครูก็ตกลงสรุปว่าไอ้จินดาเป็นต้นเหตุที่ทำให้นักเรียนพูดคำหยาบ และตีไอ้จินดาเป็นจำนวนครั้งมากที่สุดเป็นพิเศษ ผมจำไม่ได้หรอกว่ากี่ครั้ง แต่มันมากจนน่ากลัวเลยหล่ะ
หลังจากวันนั้นผ่านไป อะไรๆมันก็ดีขึ้นนิดหน่อยล่ะมั้ง แต่ก็คงจะพักเดียว แต่สำหรับผมแล้ว วินาทีนั้น ไอ้จินดาที่ใครๆก็ว่ามันโง่ ใครๆก็ดูถูกเหยียดหยาม ไอ้จินดาที่เกเรที่สุดในโรงเรียน มันฉลาดยิ่งกว่าอาจารย์ทุกคนที่ยืนห้อมล้อมมันซะอีก มันฉลาดที่รู้ว่ามันควรจะตอบว่าอย่างไรเรื่องทุกอย่างจึงจะจบ มันฉลาดที่จะตอบว่าอย่างไรจึงจะไม่มีแพะตัวต่อไปที่จะโดนลากมาอีก มันฉลาดที่รู้ว่าอาจารย์ทั้งหลายผู้ประสาทวิชาให้นักเรียนนั้นโง่พอที่จะเชื่อมันว่าคำหยาบที่มีมาแต่โบราณมิใช่พ่อขุนคิดขึ้น แต่มันต่างหากที่คิดค้นขึ้นมาเอง วินาทีนั้นไอ้เพื่อนคนนี้ถึงผมจะไม่สนิทกับมัน แต่มันก็คือฮีโร่ขบถคนแรกในชีวิตผม อาจารย์ที่เรียนสูงผู้มีพระคุณกับนักเรียน เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ก็อาจจะยึดติดกับชื่อเสียง กลัวโรงเรียนจะไม่ได้เป็นโรงเรียนดีเด่นอีกสักรอบ กลัวผู้ปกครองนักเรียนได้ยินลูกหลานพูดคำหยาบแล้วมาโวยวาย กลัวนักเรียนน้อยลงแล้วจะได้เงินน้อยลง ก็เลยเกิดโง่ขึ้นหัวขึ้นมากระทันหัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรกันแน่ อาจจะถูกทุกข้อหรือผิดทุกข้อก็ได้
ผ่านมานานมากแล้ว ตอนนี้ไอ้จินดามันอยู่ที่ไหนผมก็ไม่่รู้ เรียนมัธยมต่อหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย เพราะทางบ้านมันยากจน แต่ไม่รู้ว่าทำไม…ผมก็ยังจำวีรกรรมของมันครั้งนี้ได้ แล้วนี่ก็คงเป็นรากฐานของความคิดของผมที่ว่าครูแม่งก็คน โง่ก็มีฉลาดก็มี ควายๆก็เยอะ ผมไม่ได้ดูถูกสถาบันครูนะ ครูดีๆผมก็มี เพียงแต่คำว่า”ครู”ไม่ได้คุ้มกะลาหัวของคนที่เป็นครูทุกคนได้สำหรับผม คุณอยากเป็นครุที่น่านับถือ คุณต้องพิสูจน์ ไม่ใช่เพียงโปะยี่ห้องว่าครูแล้วจะต้องกราบไหว้บูชา เชื่อฟังทุกอย่าง สำหรับผมแล้ว เชื่อในความจริง เชื่อในสิ่งที่เห็น สิ่งที่ยึดถือได้ตัวเองนั่นหล่ะดีที่สุด
จินดานี่ใจเด็ดมาก นับถือเลย ได้ทั้งเป็นฮีโร่ผู้เสียสละและผู้คิดค้นคำด่าไปในตัว