กัดฟันอดทนผ่านความหนาวในค่ำคืนที่ไม่มีถุงนอนมาอย่างยากลำบาก ฟ้ายังไม่ทันมีสีน้ำเงินที่ปลายขอบก็ตื่นเรียบร้อยแล้ว ต้องออกมาขยับร่างกายไล่ความหนาว หนาวสัดๆ นั่งจดบันทึกแป๊บนึงก็ออกไปถ่ายรูปเล่น ทะเลสาบด้านหลังของแคมป์มีไออะไรไม่รู้ลอยขึ้นมาสวยดี (มันคงมีชื่อเรียกอ่ะนะแต่ไม่รู้) ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นก็เริ่มเก็บเต็นท์เตรียมพร้อมออกเดินทาง
ระหว่างกำลังก้มๆ เงิยๆ ก็มีสาวแว่นคนนึงเดินมาจากด้านหลัง ผมหยักโศก หน้าตาน่ารักน่าชัง อายุราวๆ ม.ปลาย หรือมหาลัยใส่เสื้อกันหนาวสีเขียว ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ คิดว่าคงกลับมาจากถ่ายรูป สาวแว่นคนนั้นก็ทักทายว่า “โอฮาโยะ” แล้วผงกหัวเบาๆ ผมก็โอฮาโยะรับตอบไป….
…เกาะเรบุนคอมพลีท
สาวแว่นคนนี้มาโซโล่แคมป์คนเดียว พักอยู่เต็นท์ที่ห่างออกไปเล็กน้อย พอกลับไปที่เต็นท์ก็เอาหม้อสนามออกมาตั้งไฟต้มน้ำ น่าจะชงกาแฟหรือเครื่องดื่มอะไรสักอย่าง สาวโซโล่แคมป์มีจริงเว้ย faith in yurucamp has been restored!
เก็บข้าวเก็บของมัดเข้ากับจักรยานเรียบร้อยก็เข็นจักรยานออกไปนอกลาน (เขาห้ามขี่ในลาน) ระหว่างทางเห็นที่ทิ้งขยะแบบเผาไม่ได้ ก็เลยเอาขาตั้งกล้องที่ซื้อมา 350 บาททิ้งไปเพราะคิดแล้วว่าแม่งหนัก แถมไม่มีโอกาสได้ใช้แน่ๆ จากนั้นก็เตรียมตัวปั่นไปท่าเรือคาฟุกะ น่าแปลกใจเหมือนกันที่เมื่อวานไม่ได้กินข้าวแต่เช้านี้กลับไม่หิวเท่าไหร่
ขากลับก็กลับทางเดิมนั่นแหละ ค่อยๆ ขึ้นภูเขาลูกเดิม แต่พอดีเพิ่งนอนมาเลยยังแรงดีอยู่พอได้ออกแรงก็ช่วยให้หายหนาวไปได้เยอะ ผ่านตรงช่วงอุโมงค์แสงสวยดี รถก็น้อยเลยแวะถ่ายรูปด้วย ปั่นไปสัก 10 กิโลก็ถึงเซโก้มาร์ทสาขาเดิม ตรงปรี่เข้าไปหาอะไรยัดทะนานทันที หยิบรัวๆ กินซะแทบอ้วก…
ไปถึงท่าเรือตอน 7.30 แต่เรือมา 10.25 แน่นอนว่าก็รอไป…. ก็เดินเล่นดูร้านขายของฝากไป ถ่ายรูปเกาะริชิริที่ฟ้าเริ่มเปิดไป แล้วก็กลับมานั่งรอที่จุดนั่งรอในอาคาร เพราะว่ามันอุ่น… มีทีวีให้ดูด้วย ก็ชาร์จโทรศัพท์ + พาวเวอร์แบงค์ไปดูทีวีไป ในทีวีมีถ่ายทอดเบสบอลมัธยมปลายอยู่ เพิ่งมารู้ทีหลังว่าไอ้ที่แข่งๆ นั่นคือทีมม้ามืดเท้าทองคำที่เข้ารอบโคชิเอ็งมาแบบพลิกล๊อคจนเป็น Talk of the Town แต่ตอนนั้นไม่รู้เรื่องก็ดูผ่านๆ
สักพักมีฝรั่งคนนึงเข้ามา เป็นสายแบ็คแพ็คธรรมดาไม่มีจักรยาน จำได้ว่าเป็นคนที่ทักว่าคอนนิจิวะที่แคมป์ ตอนแรกทำท่าจะทักแต่ทางนั้นดูไม่สนใจเท่าไหร่ ฝรั่งคนนั้นขึ้นเรือไปวัคคาไนแต่กุจะไปริชิริ ก็เลยไม่ได้เจอกันอีก ใกล้ๆ เรือจะมาก็เอาจักรยานไปต่อคิวขึ้นเรือ เริ่มชำนาญล่ะ มีคนเอาจักรยานขึ้นเรืออีกหนึ่งคน เป็นผู้ชายอ้วนๆ ใส่แว่น คำจำกัดความที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดคือ…เหมือนจ่าพิชิต
เพื่อความเข้าใจตรงกัน จากนี้จะเรียกพี่อ้วนคนนี้ว่าจ่าพิชิต เพราะเราจะเจอจ่าพิชิตคนนี้อีกหลายรอบ จ่าพิชิตอ้วนมากจนเหมือนจ่าพิชิตตัวจริง และจ่าพิชิตเอาของมาเยอะมาก รอสักพักก็ขึ้นเรือ พอขึ้นเรือแล้วนึกได้ว่าหมวกที่เก็บมาใช้มันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ค่อยๆ ลำดับคิดว่าน่าจะทำหล่นที่เซโก้มาร์ทตอนจอดจักรยาน ได้มาใช้ที่เกาะเรบุนก็เอาคืนเกาะเรบุนไปละกัน เผื่อจะมีใครเก็บไปใช้อีกต่อ จากเกาะเรบุนไปเกาะริชิรินั้นไม่ไกลมาก 40 นาทีก็ถึงแล้ว ยังไม่ทันจะหลับเลยด้วยซ้ำ
ออกจากท่าเรือมาอันดับแรกก็คือต้องหาที่นอนก่อน แผนที่วางไว้จะมีแคมป์ให้เลือกสองที่ ที่แรกคือติดท่าเรือเลย อีกที่นึงอยู่ฝั่งตรงข้ามของเกาะ เริ่มมาก็ไปดูแคมป์ที่ใกล้ท่าเรือก่อน แคมช์ชื่อคัตสึงาตะมิซากิ อยู่ในสวนสาธารณะคัตสึงาตะ อยู่บนเนินวิวสวย คนน้อย ห้องน้ำใหญ่ แต่ไม่กว้างเท่าไหร่ พื้นที่กางเต็นท์ขนาดประมาณครึ่งนึงของสนามบอลเท่านั้น
เนื่องจากขี้เกียจแล้ว น้ำก็ยังไม่ได้อาบด้วย และบรรยากาศแคมป์ก็ถูกใจดีก็เลยตัดสินใจกางเต็นท์ที่นี่ เจอจ่าพิชิตที่นี่อีกแล้ว(หัวเราะ) ด้านหลังห้องน้ำมีเต็นท์ใหญ่อีก 1 หลัง ใหญ่ขนาดที่เอาเก้าอี้ไปตั้งแล้วนอนดูทีวีในเต็นท์ได้เลย ในห้องซักผ้ามีป้ายเขียนไว้ว่าค่ากางเต็นท์ 400 เยน จะมาเก็บตอนเช้าหรือตอนเย็น ก็หาทำเลเหมาะๆ กางเต็นท์ของตัวเอง จ่าพิชิตจับจองโต๊ะเก้าอี้ตรงกลางไปแล้วก็เลยต้องหลบไปตั้งแถวๆ ห้องซักผ้า ลมแรงเหมือนเดิม กางเต็นท์ไปปลิวไป
แดดร้อนมาก แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะเอาถุงนอนที่ชื้นออกมาตาก เดี๋ยวคืนนี้จะหนาวเหน็บคิดถึงปาโตราชูอีก แดดร้อนจริงจังตากแป๊บเดียวก็แห้ง วันนี้ขี้เกียจปั่นรอบเกาะแล้ว ถ้าปั่นจะต้องปั่น 50 กิโลถึงจะครบรอบ วันนี้ขอชิลๆ แถวนี้แทนละกัน พอเก็บของแล้วออกไปปั่นจักรยานเบาๆ สำรวจพื้นที่สักหน่อย
แคมป์และสวนจะอยู่ติดกับเมืองคัตสึงาตะเลย เรียกได้ว่าไม่มีอดตาย เลียบถนนริมทะเลไปตามทางก็จะเป็นถนนวนรอบเกาะ ไม่อยากไปไกลมากเลยวนกลับ ขึ้นเขาไปนิดนึงก็เจอกับเลนจักรยานที่แอบน่ากลัว ทางเท่าพอจักรยานปั่นแต่วิสัยทัศน์ต่ำเพราะต้นไม้รอบๆ เยอะ มีทางแยกเป็นระยะๆ ต้องคอยระวัง(แต่ก็ไม่เจอใคร) ที่สำคัญคือมีป้ายเขียนว่า ระวังหมี อยู่ด้วย (ไม่ได้ถ่ายรูปเลยแฮะแถวนั้น)
แถวนี้มีแคมป์อีก 1 ที่ซึ่งไม่มีในโพยแนะนำเลย อยู่ในป่า อับๆ แคบๆ วิวเวิวอะไรไม่มีทั้งนั้น บรรยายกาศตอนกลางคืนน่าโดนหมีจู่โจมมาก คงไม่ย้ายมาที่นี่แน่ๆ ปั่นกลับเข้าไปสำรวจในเมือง เมืองเงียบๆ แต่ไม่ร้าง สะอาดสะอ้าน มีร้านราเมงหลายร้าน บางซอยถูกปิดห้ามขับรถเข้าเพราะว่าจัดงานอะไรบางอย่างอยู่ เปิดเพลงเสียงดัง เคยเช็คไว้ว่าในเมืองนี้มีออนเซ็นเลยวนหา ดูแผนที่ในโทรศัพท์เจอว่าอยู่ตรงนี้แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ วนไปวนมาถึงเจอว่ามันอยู่ด้านหลังโรงแรม ต้องไปเข้าจากด้านหลังอีกที ซ่อนมาก…
กลับไปที่แคมป์เพื่อเตรียมเสื้อผ้ามาอาบน้ำ เต็นท์ของจ่าพิชิตกางเสร็จแล้ว ยี่ห้อ Montbell แพงและใหญ่มาก.. จ่าพิชิตนั่งที่เก้าอี้ซดอุเมะชู(เหล้าบ๊วย)แล้วนั่งดูวิดีโอจากโทรศัพท์มือถืออย่างมีความสุข คือ…พี่จะไม่ไปไหนหน่อยเหรอ…. จะมากางเต็นท์ทำไมเนี่ย แต่ก็เรื่องของเขาเหนอ… ก็จัดแจงเตรียมเสื้อผ้าไปอาบน้ำที่ออนเซ็นไป
ออนเซ็นที่นี้แม้ว่าทางเข้าจะอยู่ซะหลังตึก แต่ข้างในหรูมาก ตอนอาบเจอคนมีรอยสักแบบยากุซ่ามาอาบด้วย ได้ยินว่าปกติจะห้ามคนมีรอยสักเข้า แต่ที่นี่คงเข้าได้มั้ง อาบน้ำเสร็จรีเซ็ทชีวิตกระปรี้กระเป่าขึ้นมาก แต่ตอนไปเปิดตู้หยิบมือถือนี่เจอ iPhone น่าจะรุ่น… 6 หรือ 7 นี่แหละ วางแนวตั้งในมุมอับของตู้ ตอนที่เอาของเข้าไปเก็บยังไม่เห็นเลย มันมุมอับมาก ดูทรงแล้วคนเก่าน่าจะลืมไว้
จะแฮ็ฟไปเองก็กลัวเป็นข่าวดัง “หนุ่มไทยเก็บไอโฟนได้ที่ญี่ปุนไม่ยอมคืนโดนแอป Find my iPhone ตามถึงเมืองไทยกลายเป็นดราม่าโลกโซเชี่ยล….” แต่คิดไปคิดมาอาจจะเป็น iPhone ของสาวสวยก็ได้นะ! แต่เห้ย มึงเจอที่ห้องอาบน้ำชายนะมึง… อาจจะเป็นยากุซ่าแบบคนข้างในก็ได้ พอสรุปได้ดังนั้นก็เลยเอาไปให้ลุงผู้ดูแลที่เคาเตอร์จ่ายเงิน บอกเขาว่าเก็บได้ที่ล๊อกเกอร์เบอร์ 1 แล้วก็เดินจากไปอย่างหล่อว์
ขากลับหิวแล้วก็เลยแวะกินราเมงซะหน่อย ราเมงร้านนี้ไม่มีห่าอะไรเลย ไม่มีเมนู ไม่มีให้เลือกอะไรทั้งนั้น เป็นราเมงเฉยๆ ราคา 600 เยน รสชาติก็ธรรมดาสมราคาหกร้อยเยนอย่างมาก ขากลับเจอจ่าพิชิตปั่นจักรยานสวนเลยยกมือทักทาย แต่จ่าพิชิตแม่งเมินกู… สัสเอ้ย ระวังเบาหวานไว้นะมึง
แวะซื้อของกินนิดหน่อยที่เซโก้มาร์ทก่อนกลับมาที่เต็นท์ แล้วก็เดินวนรอบสวนสาธารณะถ่ายรูปซะหน่อย พอเดินดูพบว่าสวนกว้างทีเดียว วิวก็สวย มีกล้องส่องทางไกลให้ดูเล่นด้วย แต่เกาะริชิริก็ยังมีเมฆบังยอดอยู่เหมือนเดิมแ แถมตะกี้แดดร้อนตอนนี้กลายเป็นฟ้าครึ้มแล้วซะงั้น ในสวนมีศาลาหลังนึง ป้ายเขียนว่าเป็นห้องฉายวิดีโอ ข้างในมีทีวีแต่เปิดไม่ติด ที่กำแพงมีบอร์ดแล้วติดโพสต์อิทเขียนว่ามาจากประเทศโน้นประเทศนี้ แต่ดูๆ ไปแล้วแม่งหน้าม้ามาเขียนแน่ๆ เพราะป้ายภาษาอังกฤษที่บอกว่ามาจากอเมริกามั่งลอนดอนมั่งแต่ลายมือกลับเหมือนกันเด๊ะ ป้ายภาษาไทยที่แบ่งวรรคคำผิดเละเทะ ด้วยความสงสารก็เลยไปเขียนสมุดเยี่ยมเป็นภาษาไทยจริงๆ ไว้ซะหน่อย
โอเคไม่รู้จะทำอะไรแล้ว บรรยากาศเนือยๆ ขี้เกียจๆ เลยเข้าเมืองไปดูอะไรเล่นแก้เซ็งอีกรอบ พอเข้าไปในซอยก็ได้ยินเสียงเพลง เป็นเสียงผู้หญิง เสียงตราตรึงมาก ก็ปั่นตามเสียงไปเจอมินิไลฟ์ของผู้หญิงคนนึง เล่นกีตาร์และเพลงไปพร้อมกัน ร้องเพราะมาก ขนลุกเลย (สงสัยจะหนาว) นักร้องชื่อว่าอากิโอกะมาซาโกะ เป็นนักร้องอินดี้ที่มีผลงานออกมาเรื่อยๆ เพลงที่ได้ฟังชื่อเพลง Less is more 〜より少ないこと より豊かなこと〜 กับ Ray of Light ที่นั้่น เวลานั้น ท่อนที่ร้องว่า 美しい มันทิ่มแทงเข้าไปในใจจนรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก…. ถ่ายคลิปเพลง Less is More มาด้วย
มินิไลฟ์นี้มีป้ายเขียนว่าชื่อ Rishiri Small North Island Festival 2018 งานก็เล็กๆ ง่ายๆ จัดบนถนน เอาแผ่นไม้มาวางซ้อนลังเป็นที่นั่ง มีคนดูประปราย มองๆ แล้วน่าจะเป็นพวกผู้เกี่ยวข้องซะครึ่งนึง… สปอนเซอร์เป็นร้านขายของข้างหลัง ในงานมีเบียร์สดขายแก้วละ 400 เยน ซื้อมานั่งจิบฟังเพลงอากาศเย็นๆ บรรยากาศดีมาก รู้สึกว่าเยี่ยมไปเลย ดีใจที่ได้มาที่เกาะริชิริ
อัดวิดีโอมาเสียงมันจะอู้ๆ หน่อย ตอนที่นั่งฟังสดที่นั่นรู้สึกว่าเพราะมาก ตอนที่ร้องว่าดาคิชิเมเตะนี่น้ำตาจิไหล (ท่อนหลังที่อัดติดมาเพราะลืมกดปิดกล้อง) นั่งฟังเจ๊มาซาโกะร้องไปสองเพลงก็เปลี่ยนคน เป็นนักร้องชายที่เหมือนจะมีเสียงชื่ออยู่ (แต่ไม่รู้จัก) ก็ฟังๆ ไป แต่อยากฟังเจ๊มาซาโกะอีกรอบจัง ดูลำดับการแสดงแล้วเหมือนว่าเจ๊จะร้องอีกรอบตอนทุ่มครึ่ง ฟังเพลงเอนเตอร์เทนแล้วรู้สึกเปลี่ยนบรรยากาศได้ ได้ฟังอะไรในสถานที่ไม่มีใครรู้จัก(แม้แต่ตัวเราเอง) จากที่เหนื่อยๆ อึนๆ แล้วได้มาเจองานคึกครื้นก็เลยได้รู้ว่าถึงเราจะไม่ได้งานร่าเริงเอนเตอร์เทน บางครั้งอะไรง่ายๆ ก็ทำให้รู้สึกดีได้เหมือนกัน ตอนแรกว่าจะไลฟ์ผ่านโทรศัพท์อวดชาวโลกแต่แบตไม่ค่อยมี เลยถ่ายวิดีโอด้วยกล้องถ่ายรูปเอาไว้แทน
จังหวะช่วงเปลี่ยนวงเห็นแบตกล้องใกล้จะหมดเลยปั่นกลับไปเอาพาวเวอร์แบงค์กับแบตสำรองที่เต็นท์ ฝนก็ดันตกอีก แต่ว่าตกไม่มาก หลบอยู่เซย์โก้มาร์ทแป๊บนึง พอกลับไปที่งานก็ยังเล่นกันอยู่ คราวนี้เป็นวงนักเรียนมัธยมมาเล่นต่อ กำหนดการบอกว่ามี 3 วง แต่เมมเบอร์ในวงซ้ำกัน 3 คน มือกลอง มือกีตาร์คนเดียวกันอยู่ทั้งสามวง ที่เปลี่ยนส่วนมากจะเป็นนักร้องนำ นั่งดูเด็กๆ เล่นดนตรีก็สนุกดี ตะกุตะกักก็มีรุ่นพี่นักดนตรีคอยช่วยเหลือ พอร้องแล้วประหม่าพี่ๆ ก็ช่วยเชียร์สร้างบรรยากาศ ปล. น้องมือเบสน่ารักนะจ๊ะ
พอวงมัธยมจบทุ่มนึงนิดๆ ฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้ว คิดว่าเดี๋ยวเจ๊จะเล่นแล้ว กลายเป็นว่าเก็บงานจ๊ะ…. มี MC บอกว่าเด็กๆ กลับบ้านได้แล้ว จากนี้ไปจะเป็นเวลาของผู้ใหญ่ สรุปว่าเจ๊จะไปเล่นต่อในคาเฟ่เลยไม่ได้ตามเข้าไปดู ปั่นจักรยานกลับเต็นท์ไป แล้วมาเสียใจเอาทีหลังว่าทำไมไม่เข้าไปดูล่ะวะ? ตอนนั้นคิดไม่ทัน พอมาคิดได้ทีหลังอ้าว ทำไมวะ… นั่งกินอะไรเย็นๆคิดไปพลางๆ… มาคิดได้เอาตอนนี้ก็ไม่ทันล่ะ….
หลังจากกลับมาเมืองไทยก็ได้ไปหาข้อมูลของเจ๊มาซาโกะเพิ่ม ถึงได้รู้ว่าเป็นนักร้องอินดี้ เล่นไลฟ์แถวๆ ฮอกไกโดอยู่บ่อยๆ มี Promotion Video ที่ถ่ายที่เกาะเรบุนด้วย บางทีจะมีไลฟ์ผ่านโปรแกรมอะไรสักอย่างที่ไม่ยอมให้คนไทยดู…. ส่วนตัวก็ค่อนข้างถูกใจเสียงอยู่พอสมควร ก็ติดตามข่าวคราวไหวผ่าน Line และ Twitter อยู่
นั่งที่เต็นท์กินบะหมี่เย็นที่ซื้อมาตอนกลางวันไป จ่าพิชิตน่าจะอยู่ในเต็นท์ พบซากขวดอุเมชูจำนวนมากที่จุดทิ้งขวดในห้องซักผ้า… มีคนมากางเต็นท์เพิ่มอีกสองสามเต็นท์ มีนักปั่นจักรยานคนนึง ท่าทางรู้งานทีเดียวเพราะเลือกตำแหน่งเต็นท์โดยให้อาคารช่วยบังลม มีไบค์เกอร์อีกคันที่กางเต็นท์อย่างยากลำบากเพราะลมแรงจนเต็นท์ปลิวพั่บๆๆ แล้วก็มีผัวเมียคู่นึงมาตั้งเตาปิ้ง BBQ กินยั่ว(ของมันต้องเจอ…) แถมยังมาทักทายเราเป็นภาษาอังกฤษอีก คุยๆ กันตามแพทเทอร์นเดิม คือบอกว่ากุมาจากเมืองไทย ปั่นมาจากสนามบิน ทางนั้นก็ต้องทำท่าโอ้โหรับ เก่งจังเลย คุยเสร็จทางนั้นก็ไปปิ้ง BBQ ต่อ ไม่แบ่งให้กินเลย….
คืนนี้ถุงนอนไม่ชื้นแล้ว!
ของกินวันที่ 7
Seicomart
- กราแตง 450¥ อร่อยดี
- แซนด์วิชทาร์ทาร์ 390¥ ไม่ค่อยอร่อย เนื้อแข็ง แต่แน่นและอิ่มมาก
- ขอบขนมปัง 100¥ ซื้อมาขำๆ เห็นมันถูกดี เผื่อฉุกเฉิน
- ขนมปังพิซซ่า 180¥ ก็โอเค
- โค้ก
- นั่งเรือไป Rishiri 1950¥ รวมค่าขนจักรยานด้วย
- กาแฟกระป๋อง 140¥ กดจากตู้ที่ท่าเรือ
Rishiri
- ราเมงป้า 600¥ ธรรมดา ไม่เคยเจออาหารที่ให้ความรู้สึกธรรมดาได้เท่านี้มาก่อน
- อาบน้ำออนเซ็น 600¥ หรู ดี มี iPhone ซ่อนในล๊อกเกอร์
Seicomart #2
- ชูคริมแอปเปิล 200¥ เฉยๆ
- พุดดิ้งอร่อย 180¥ อร่อยอย่างกับยาเสพติด
- ซารุราเมง 390¥ อร่อยกว่าที่คิด
- กาแฟกระป๋อง 110¥
- เบียร์สด 400¥ อร่อยมาก ปกติไม่ได้กินเบียร์บ่อยนัก อันนี้นุ่มและหวานมาก