วันนี้ตื่นตีห้าเหมือนเดิม ฟ้าสว่างนานแล้ว ฝนตกพรำๆ มาตั้งแต่เมื่อคืน อากาศเย็นแต่ว่าไม่เป็นไรเพราะเรามีผ้าห่มและเตียง! แม้ว่าฝนตกแต่ก็ยังออกไปเดินเล่น เกสต์เฮาส์นิสชินนี้อยู่ติดสถานีรถไฟนิสชินเลย ตัวสถานี้นั้นน่าสงสารมาก เป็นแค่กระท่อมหลังเล็กๆ แล้วมีแท่นเอาไว้ไปยืนรอรถไฟ จบ แค่นั้น แถวนี้นี่บ้านนอกจริงนะเนี่ย
แถวหน้าเกสต์เฮาส์ ฝนตกทั้งคืนถนนเปียก หลังเล็กๆ รูปที่สามคือสถานีรถไฟ… ใช่นั่นแหละคือสถานี รูปถัดไปคือจุดขึ้นรถไฟ
กลับเข้ามาในบ้าน สหายเรายังไม่ตื่นเลยเอาซาบะกระป๋อง(ที่ซื้อมาทำไม…)เมื่อวานมาเปิดกินเล่น รสชาติก็… งั้นๆ แล สักพักพอคุณ E ตื่นก็เก็บข้าวเก็บของเตรียมออกเดินทางกัน ก่อนเก็บนั้นสภาพในห้องค่อนข้างอุจาดเล็กน้อย เพราะตากผ้ากันไว้เป็นหย่อมๆ สรุปว่าเอาพัดลมเป่าคืนเดียวก็แห้งทันนะ ยกเว้นกางเกงขายาว
ออกจากบ้านกันตอนเจ็ดโมง ไม่มีมื้อเช้าฟรี ตอนก่อนจะออกเด็กสองคนที่มาพักอีกห้องก็กำลังจะออกเช่นกัน ทักทายกันเล็กน้อยก็ออกกันไปก่อน ฝนตกเหมือนเดิม ออกหลังเมืองเพื่อไปบิฟุกะ เมืองที่หนาวที่สุดในประเทศญี่ปุ่น หนาวได้ถึง -30 องศา แต่เราไม่ได้มาหน้าหนาว… ดังนั้นมันก็ไม่ได้ต่างจากที่อื่นแต่อย่างไร
ภูเขาลูกแรกของวันนี้สูงมาก… สูงชิบหาย ชันไม่มากแต่ยาว ปั่นเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที สักพักก็เริ่มลงเข็นกัน… บรรยากาศแถวนี้ต้นไม้เยอะมาก ร่มเย็น ฝนก็ตกนิดหน่อย (คือยังไม่เคยเจอว่าฝนหยุดเลย) ปั่นไปสักพักเห็นเงาตะคุ่มๆ เหมือนจักรยานข้างหน้า พอเข้าไปใกล้ๆ เป็นลุงคนนึงใช้จักรยานพับ ปั่นขึ้นไม่ไหวกำลังเข็นอยู่ ตอนแซงก็ยกนิ้วโป้งให้เป็นการให้กำลังใจหน่อย
อธิบายหน่อย ที่ฮอกไกโดเนี่ยเวลาสวนกับมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานฝั่งตรงข้ามก็จะมีการทักทายกันด้วยการยกนิ้วโป้งให้ บางทีมอเตอร์ไซค์แซงก็ยกนิ้วโป้งให้เช่นกัน เป็นการให้กำลังใจแต่เช็คว่าอีกฝ่ายสบายดีหรือไม่ด้วย ตอนแรกๆ ก็ไม่ทันยกตอบ แต่พอเจอบ่อยๆ ก็ยกนิ้วโป้งให้กันอย่างเป็นธรรมชาติไปเอง มอเตอร์ไซค์ที่ฮอกไกโดจะเป็นคันใหญ่ๆ แบกของเยอะๆ เยอะมาก เยอะพะรุงพะรังเหมือนว่ากำลังย้ายบ้าน แต่ถึงจะคันใหญ่แต่ขับดีทุกคน รักษาความเร็ว เน้นปลอดภัย ไม่ฉวัดเฉวียน แตกต่างจากประเทศแถวๆ นี้เหลือเกินเนอะ หลังจากตรากตำไต่เขาแรกของวันจนถึงยอดก็เจอทุ่งอะไรสักอย่าง ลานโล่งๆ สวยดี ภาพตรงนี้จริงๆ เคยเห็นจาก Google Map แล้วตอนที่สำรวจถนน วิวตรงนี้สวยแปลกก็เลยชอบ พอได้มายืนเองก็รู้สึกเหมือนได้เข้าไปใน Google Map (หัวเราะ) เทคโนโลยีนี่มันก็สร้างลำดับประสบการณ์แปลกๆ ให้เราได้เจอเหมือนกัน พอพ้นเขาก็ลงเนินล่ะ ลงสบายๆ ไปเรื่อยๆ (แน่นอนว่าโดนทิ้ง) สักพักเจอเด็กสองคนที่พักเกสต์เฮาส์เดียวกันแซงไป ทางนั้นพูดทักทายด้วย แต่จำประโยคไม่ได้แล้ว น่าจะเป็นโอเนไงชิมัสมั้ง วัยรุ่นนี่มันแรงดีเนอะ…
วันนี้ก็เหมือนเดิมพอถึงบิฟุกะก็แวะกินข้าวที่เซโก้มาร์ท หลังจากพ้นอาซาฮิคาว่าแล้วไม่เคยเจอร้านคอนวิเนียนอื่นนอกจากเซโก้มาร์ทเลย แถวฮอกไกโดนี่เซโก้มาร์ทคุม เซเว่น ลอว์สัน แฟมิลี่มาร์ทเจาะไม่ค่อยเข้า ปั่นวันนี้โดนทิ้งบ่อยมาก คือแป๊บๆ หายอีกแล้ว… แรงเริ่มถดถอย
เพื่อนแท้ยามยาก Hot Chef แห่ง Seicomart ข้าวหน้าไก่ทอดรวมๆ กับสปาเก็ตตี้ 110 เยน พุดดิ้งยี่ห้อนี้อร่อย
จะเล่าให้ฟัง เวลาปั่นจักรยานนานๆ มันจะว่างใช่ป่ะ แถมพอเหนื่อยสมองก็จะเริ่มเบลอๆ ในหัวก็จะมีเกมเล็กๆ เล่นระหว่างปั่นคือ… เกมมองหากระเป๋าสะท้อนแสง! เนื่องจากฝนตกพรำๆ (มาสี่วันแล้ว) คุณ E ที่นำหน้าเราเขาจะใช้ผ้าพลาสติกสีเขียวสะท้อนแสงคลุมกระเป๋ากันละอองฝน (ซึ่งกุไม่มี 555) เวลาโดนทิ้งไปไกลๆ จุดสังเกตก็คือกระเป๋าสะท้อนแสงอันนี้แหละ ก็จะคอยมองหาว่าสีเขียวสะท้อนแสงอยู่ตรงไหนน้า มันก็จะเล็กลงเรื่อยๆ จนเหลือพิกเซลเดียวลิบๆ สักพักพอลงเนินก็หายไปเลย.. แปลว่าโดนทิ้งอีกแล้วจ้า… สักพักเห็นอีกทีก็คือจอดรออยู่ พลาสติคสะท้อนแสงนี้ช่วยอย่างมากในการสังเกต มีประโยชน์จริง!
สีเขียวๆ ที่ติดข้างหลังนั่นแหละ
สายๆ ฝนก็เริ่มหยุด แต่ก็ยังไม่มีแดดเหมือนเดิม เจอทีมจักรยานปั่นสวนไปด้วย (แต่ไม่ค่อยทักทายเลย สงสัยจะเหนื่อย) สักบ่ายโมงก็ถึงเนปปุ(ไม่ใช่เนปเนป) ซึ่งร้างมากๆ เหมือนเมืองร้าง มีบ้านมีตึกแต่ไม่มีคน… เจอร้านราเมงก็เลยแวะกินกัน ราเมงอีกแล้ว… ร้านไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ วันนี้กินคันตงเมงอะไรสักอย่าง ก็… เหมือนๆ กันว่ะ พอกินบ่อยๆ ราเมงมันก็เหมือนๆ กันไปหมดแหละ…
โอโตอิเนปปุที่ไร้ผู้คน
ร้านราเมงมารุยะ ข้างนอกไม่มีคน ข้างในก็ไม่มีคน วันนี้กินคันตงเมง ประมาณราดหน้าทะเล น้ำร้อนมาก รสชาติธรรมดาๆ
เช็คพอยท์ถัดไปคือฮามะทงเบ็ตสึ ซึ่งต้องผ่านถนนช่วงที่ร้างที่สุดของวัน ไม่มีบ้านคน ไม่มีร้านรวงอะไรทั้งนั้น เป็นถนนขึ้นเขาผ่านป่าโปร่งๆ ยาวเกือบ 30 กิโล ปั่นๆ บรรยากาศแถวนี้จะเหมือนอะไรหว่า… เหมือนชายแดน? ไม่มีบ้านคนเลย มีแต่ต้นไม้ คอนวิเนียนไม่ต้องถาม แถมยังมีภูเขาที่สูงสุดประจำวันอยู่ตรงนี้ แน่นอนว่าก็ลงเข็น… ช่วงขึ้นเขาพอเข็นก็ตามคุณ E ทันได้บ้าง พอพ้นภูเขาไปเจอทางแยก เฮีย E ที่จอดรออยู่บอกว่าข้างหน้ามีสองทาง ระยะไม่ค่อยต่างกัน แต่จะไปกันทางขวา อ้อมนิดนึงนะ (ซึ่งรถปกติไปทางซ้าย) เราก็อะไรก็ได้ ขวาก็ขวา ไม่รู้สี่รู้แปดอะไรอยู่แล้ว
ถ่ายรูปมาเหมือนไม่มีอะไร… แต่จริงๆ เหนื่อยสายตัวแทบขาด
พอเลี้ยวขวาเท่านั้นแหละ จากเดิมที่รถน้อยอยู่แล้ว แต่ยังมีมอเตอร์ไซค์ขับสวนโผล่มายกนิ้วเป็นระยะๆ กลายเป็นว่าไม่มีอะไรเลย ทั้งรถสวนทั้งรถทางเดียวกัน มอเตอร์ไซค์ รถเก๋ง สิบล้อ หายหมดสิ้น (แต่ลักษณะถนนก็เหมือนเดิม) ทางดีๆ ไม่ไปมาอ้อมให้ผีหลอกเล่น…. ปั่น 10 กิโลเจอรถยนต์สวนไม่เกิน 5 คัน มอเตอร์ไซค์ 0 คัน และแววซวยก็เริ่มมาคือ… ฝนตกอีกแล้ว
ดอกไม้ริมทาง
ถึงนากะทงเบตสึ ซึ่งเป็นเมืองก่อนฮามะทงเบ็ตสึ ก็เป็นเมืองเงียบๆ อีกแล้ว… แวะพักซื้อโค้กกินนิดนึง จากที่คุยกันใน Facebook อีกกลุ่มนึงกำลังเดินทางจากวัคคาไนลงจะมา ก็เลยนัดเจอกันที่ทะเลสาบคุจจาโระ แคมป์กราวด์ของวันนี้ เช็คแผนที่แล้วอีกราวๆ 20 กิโลจะถึงฮามะทงเบ็ตสึ (ที่ทะเลสาบคุจาโระอยู่) แต่ฝนเริ่มตกจริงจังล่ะ ต้องรีบหน่อยแล้ว ลมก็แรง 20 กิโลสุดท้ายของวันนี่โดนทิ้งหลายรอบมาก ทางนั้นก็เริ่มชินแล้ว ไม่รอล่ะ เดี๋ยวก็ตามมาเอง 55 พอถึงฮามะทงเบ็ตสึยังไม่ทันได้ชมเมืองหรือแวะร้านอะไรทั้งนั้น ตรงไปทะเลสาบคุจจาโระก่อนเลย ขอหาที่ตั้งเต็นท์หรือหลบฝนให้ได้ก่อน
แคมป์ที่ทะเลสาบคุจจาโระ ลานใหญ่มาก มีเต็นท์ประปราย บิ๊กไบค์มาแคมป์เพียบ
โอเค เราถึงเส้นชัยประจำวันแล้ว วันนี้จะค้างที่นี่! ทะเลสาบคุจาโระเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ มีลานกางเต็นท์ยาวตลอดด้านหน้าทะเลสาบ ตอนที่หาข้อมูลก็คิดว่าพลาดไม่ได้แน่ๆ แคมป์นี้ พอมาถึงสถานที่จริง แคมป์ก็มีคนเยอะอยู่ แต่ว่าลานกว้างพอจะรองรับได้สบายๆ ที่แรกที่แวะคือห้องน้ำ ห้องน้ำสวยสะอาดมาก มีที่ฉีดตูด(แบบญี่ปุ่น) แถมยังติดเครื่องทำความอุ่นไว้ด้วย ถ้าจนปัญญาอากาศหนาว ฝนตก สามารถมาหลบในห้องน้ำได้นะจ๊ะ คุณ E ขึ้นไปจ่ายค่ากางเต็นท์คนละ 200 เยนที่จุดรองรับนักท่องเที่ยว วันนี้ก็เป็นวันแรกที่กางเต็นท์แบบเสียตังจริงๆ
พอจ่ายตังเสร็จจะได้กระดาษเล็กๆ เอาไว้ผูกหน้าเต๊นท์เพื่อบอกว่าเราจ่ายเงินแล้ว พอได้กระดาษก็หาทีลงหลักปักฐานก่อน ฝนเหมือนเป็นใจเล็กน้อย ซาลงให้แวะกางเต็นท์ เลือกตำแหน่งที่ใต้ต้นไม้แล้วก็เริ่มกาง กางบ่อยเดี๋ยวนี้กางแป๊บเดียว(ถึงกางแล้วจะเหี่ยวๆ หน่อย) ตีสมอบกกันโป๊กๆ เอาของเก็บในเต็นท์ดูนาฬิกาก็ราวๆ สี่โมงครึ่งก็กะว่าจะเข้าเมืองไปหาเสบียงมื้อเย็นกัน และคุณ E ก็จะหาซื้ออะไรมาห่มนอนด้วย เนื่องจากไม่มีถุงนอนและไอเท็มลับอย่างถุงร้อนก็หมดแล้ว ดูเมฆนั่นสิ เราจะอยู่กับมันอีกนานแค่ไหน..
ถึงจะเก็บสัมภาระแล้วแต่ขาออกจากแคมป์นั้นเป็นทิศต้านลม และฝนก็ยังตกอยู่จึงเหนื่อยกว่าตอนเข้าไปที่แคมป์เยอะ วันนี้ก็ฝากชีวิตไว้กับเซโก้มาร์ทเหมือนเดิม ฟังเพลงประกอบร้านจนจะร้องได้แล้วเนี่ย..เซโกม๊าโตะ~ วันนี้สิ่งที่เฮีย E ได้มาเพื่อห่มนอนก็คือ…. ถุงขยะพลาสติก!! ขอสปอยไว้ก่อนเลยว่า… ถุงพลาสติกแม่งไม่มีความเหมาะกับการห่มนอนเลยสักนิด เวลาแบบนี้สิ่งที่คุณควรซื้อจริงๆ คือหนังสือพิมพ์ต่างหาก
พอได้เสบียง(และถุงพลาสติก)ก็ปั่นกลับไปที่แคมป์ จังหวะเกือบถึงทางเข้าแคมป์ก็เห็นจักรยานสองคันข้างหน้า คันนึงสีเหลืองอีกคันมีรถเทรลเลอร์พ่วงท้ายก็สังหรณ์ว่าต้องเป็นทีมของเรนกะจามรแน่ๆ ก็รีบตามเข้าไปใกล้ๆ แล้วทัก ทางนั้นก็ตกใจหัวเราะใหญ่ แล้ววันนี้ปาร์ตี้ทัวริ่งจักรยานจากสองคนก็กลายเป็นสี่คนไป พาพวกมาเพิ่มเป็นเต็นท์ 4 หลัง
ทีมวัคคาไนไปชิเรโตโกะ
แนะนำหน่อย สมาชิกใหม่ของกลุ่มวันนี้มี คุณจามร ผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับฮอกไกโดในฐานะผู้มีประสบการณ์เคยปั่นที่วัคคาไนมาแล้ว จามรได้ให้คำแนะนำการเดินทางมากมาย และเป็นคนที่ทำให้ผมเลี้ยวจากเส้นรูโมอิถนนเรียบทะเลไปขึ้นเขาเข้าป่าทะลุนาโยโระ จากปั่นริมทะเลผ่านออโรรอนไลน์ย้ายฝั่งมาโอโฮสึคุไลน์เลียบเข้าวัคคาไนแทน จามรนั้นถึกมาก เคยไปปั่นจักรยานถึงอินเดียมาแล้ว ทริปนี้ใช้จักรยานพับของ Bike Friday แถมยังมีรถเทรลเลอร์ขนของพ่วง ส่วนในเทรลเลอร์นั้นมีอะไรอยู่? คงตอบได้ว่ามีทุกอย่าง เต็นท์ เสบียง โดรน อุปกรณ์ไฮเทค ฯลฯ รวมไปถึงเตาแก๊สและหม้อเซลด้าที่เสกอาหารอะไรก็ได้เพียงแค่ใส่วัตถุดิบลงไปรวมกันอีกท่านก็คือ
เรน เรนเป็นหนุ่ม(เสี่ย)เชียงใหม่และเป็นบุคคลที่ล่อลวงให้ผมมาปั่นจักรยานที่ญี่ปุ่น ทริปชิมานามินั้นก็เกิดขึ้นได้เพราะโดนเรนพรีเซนต์ป้ายยาจนหลงคารม อุปกรณ์จักรยานหลายๆ ของผมก็ซื้อต่อมาจากเรนเช่นกัน (เอ๊ะ!?) ผมกับเรนนั้นรู้จักกันมานานมากแล้ว (เกินสิบปี) แต่แทบไม่เคยเจอกันเลยทั้งๆ ที่คุยกันใน irc เกือบทุกวัน (กลางวันก็เปิด irc ระหว่างทำงานเหมือนกัน ก็เลยคุยสัพเพเหระกันเรื่อยๆ) พอจะเจอกันทีก็เจอกันแบบธรรมดาไม่ได้ ต้องมานัดเจอกันถึงทะเลสาบคุจจาโระในฮอกไกโด… เรนนั้นเป็นหนุ่มหล่อและโสด (สาวๆ ท่านใดสนใจติดต่อได้) ใช้จักรยาน custom เองของ Ritz สีเหลือง สวยไฉไล
คนเท่ๆ ข้างหลังนั่นแหละ
เรนมาถึงญี่ปุ่นหลังผม 1 วันโดยจามรนั้นรอที่ฮอกไกโดอยู่ก่อนแล้วและให้เรนเป็นคนขนจักรยานมา (เรื่องมันซับซ้อนอธิบายอีกจะยิ่งงง…) โดยทั้งคู่ใช้วิธีนั่งรถทัวร์จากซัปโปโรไปสตาร์ทที่วัคคาไนเลย เป้าหมายหลักของสองคนนี้คือชิเรโตโกะฝั่งตะวันออกสุดของฮอกไกโด ต่างกับกลุ่มผมที่เริ่มต้นจากจิโตเสะขึ้นไปแหลมโซยะแล้วจบที่วัคคาไน เดิมทีผมก็เกือบจะไปแจมกับกลุ่มนี้แล้ว แต่กลัวจะตามเขาไม่ทันเลยนั่งจัดแผนการเดินทางเอง จังหวะสวนกันที่คุจจาโระนั้นไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนเลย บังเอิญมันได้เท่านั้นเอง
หลังจากทักทายก็พากันไปกางเต็นท์ใกล้ๆ สี่คน สี่เต็นท์ จักรยานสี่คัน คึกครื้นกว่าเดิมโข พอกางเต็นท์เสร็จก็รู้สึกหนาวเลยจะไปอาบน้ำที่ออนเซ็น แต่ทีมเรนจามรนั้นอิดออดไม่ยอมไปพร้อมกัน (คาดว่าเขิน 555) ก็เลยไปอาบกันสองคนกับเฮีย E เหมือนเดิม ออนเซ็นที่นี่ค่อนข้างหรู หรูพอๆ หรือมากกว่าเมื่อวานทีเดียว ด้านหน้าออนเซ็นมีร้านอาหารอยู่ แต่ไม่ได้แวะกินเพราะวันนี้เรามีปาร์ตี้ยุรุแคมป์ชายโฉดกัน
ออนเซ็นวิงก์
ที่นั่งแถวนั้น ตอนถ่ายหนาวมาก ลมแรง ไม่มีคนมานั่งก็เพราะหนาวนี่แหละ
พอกลับมาที่แคมป์ก็พากันหอบหิ้วเสบียงที่ซื้อมาตะกี้ไปนั่งกินที่โต๊ะริมทะเลสาบกัน ฝนยังปรอยๆ แต่ก็หาแคร์ไม่… ผมมีไก่ทอดหลายชิ้นกับคร๊อกเกะ คุณ E มีบะหมี่เย็นที่ไม่มีตะเกียบจนต้องกินด้วยมือ… เรนมีอุด้งอะไรสักอย่าง ส่วนจามรนั้นมี… หม้อเซลด้ากับเมนูสร้างสรรค์… ก่อนอื่นก็ต้มน้ำ จากนั้นก็แกะมาม่าแล้วเอาเครื่องปรุงใส่ลงไปในหม้อ แล้วก็แกะข้าวปั้นที่ซื้อมาจากเซโก้มาร์ทใส่ลงไป ใช่ครับ ใส่ข้าวปั้นลงไปในหม้อนั่นแหละ ก็จะกลายเป็น… ข้าวต้มสาหร่าย!! ส่วนเส้นมาม่าก็เก็บไว้กินวันหลังแทน….
ปาร์ตี้ยุรุแคมป์ สนับสนุนโดยเซโกมาร์ท
จามรบอกว่าที่ทำแบบนี้เพราะว่ากินของในร้านคอนวิเนียนจนเบื่อไม่รู้จะกินอะไรแล้ว เลยต้องหาวิธีดัดแปลงเอา จึงกลายเป็นมาเป็นหม้อวิเศษและเมนูสารพัดนึก จากปากคำของเรน เมนูของจามรมีอะไรให้ตื่นเต้นได้ทุกวัน… หลังจากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเส้นทางกันสักพัก ทางนั้นบอกว่ากลุ่มผมพรุ่งนี้ชิลแล้ว ระยะแค่ 70 กว่ากิโล แถมยังมีลมส่ง พวกเค้าปั่นสวนลมมาตลอดทางเหนื่อยฉิบหาย กลุ่มผมลมส่งบินเข้าวัคคาไนสบายแน่นอน คุยกันสักพักก็หนาว… แถมเริ่มมืดจนมองอะไรไม่เห็น สองคนนั้นก็เลยไปอาบน้ำ ทางนี้ก็หนีไปนอนแทน
ดอกเอโสะซากุระโซอุโมโดกิ…ละมั้ง อ่านชื่อจากลายบนพื้น
คืนนี้ฝนตกแต่ว่าไม่มาก ไม่เท่าวันที่ฟุราโนะ พอมืดอากาศก็หนาวเหมือนเคย ตอนหัวค่ำลุกไปเข้าห้องน้ำ(ซึ่งอุ่น…) เดินกลับมาก็ได้ยินเสียงกร๊อบๆ แกร๊บๆ ของถุงพลาสติกดังมาจากเต๊นของเฮีย E คาดว่า…. มันคงกันหนาวไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ได้แต่เอาใจช่วยนะ แล้วก็ไปมุดถุงนอนนอนต่อ…วันนี้ก็ปั่นไปร่วมๆ ร้อยกิโลได้ เซนจูรี่เบรคอีกแล้ว สภาพร่างกายก็ล้าไปบ้างแต่ยังไหวอยู่ เจ็บข้อพับในขาขวานิดหน่อย จากที่ฟังมาพรุ่งนี้ก็ Easy Mode แล้ว เนินไม่มี ลมส่ง แถมแค่ 70 กว่ากิโลเอง ชิลแน่นอน…
และแน่นอนว่าตอนนั้นเองผมก็ยังไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คิดไว้มันห่างไกลจากความเป็นจริงเพียงไร
ของกินและรายจ่ายวันที่ 4
Seico Mart #1
- ข้าวไก่ทอด 540¥ พอกินได้
- พุดดิ้ง 100¥ ยี่ห้อนี้สิอร่อย
- สปาเก็ตตี้ 110¥ งั้นๆ
- น้ำโซดา 100¥ ฟาย หยิบมาไม่ดู นึกว่าน้ำเปล่า
- โค้ก 120¥ เติมพลังตอนพัก
- ราเมงคันตง 930¥ ก็อร่อยดี
Seico Mart #2
- ไก่ทอด 10 ชิ้น 540¥ เก็บนานไปหน่อย ไม่กรอบ แต่ก็อร่อยดี
- แฮมเบิร์ก 130¥ พอได้
- พุดดิ้ง 180¥ อันนี้สิถึงจะอร่อย
- ชาเขียว 130¥
- ออนเซ็น 550¥ แพงนิดส์นึง
- ค่าวางเต็นท์ 200¥
ห้องน้ำสาธารณะมีที่ฉีดตูด!