663 | 2:+3,005 ft กับวันฝนตก

วันนี้ตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ ฟ้ายังไม่ถึงกับสว่างแต่ก็เริ่มมีแสงแล้ว อากาศหนาวทีเดียว สวมแจ็คเก็ตล้วงกระเป๋าออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ เต็นท์ข้างๆ ที่เป็นครอบครัวเก็บกลับไปแล้ว แต่ก็ยังมีเต็นท์อื่นๆ เหลืออยู่อีกเยอะ เดินถ่ายรูปโน่นนี่ไปเรื่อยแล้วก็หาที่นั่งจดบันทึกประจำวัน สักพักไม่มีอะไรทำเลยกลับไปนอนต่อ

ศาลาตรงกลางนั่นเขาไม่ให้เข้าไป

ลิบๆ โน่นคือออนเซ็น มองจากอีกฟากนึง

ออกมาเก็บเต็นท์อีกทีตอนหกโมง มิตรสหายเฮีย E ตื่นมาก็บ่นหนาวฉิบหายก่อนเลย เห็นว่าไม่ได้เอาถุงนอนมาเพราะกะว่าคงไม่หนาวไม่เท่าไหร่(หัวเราะ) เก็บเต็นท์และข้าวของทั้งหลายเสร็จสักเจ็ดโมงก็ออกเดินทางกัน วันนี้ระยะไม่ไกลแต่ความชันเยอะ ออกไปสักพักเจอเมืองเลยแวะกินข้าวที่เซโกมาร์ท สาขานี้มีโซน Hot Cafe’ มีที่นั่งกินสะดวกสบาย วันนี้ซื้อสปาเก็ตตี้สองกล่องเพราะถูกมาก กล่องละ 110 เยนเอง (35 บาท ได้) ถูกกว่าซื้อที่ไทยอีก (แต่ก็กล่องนิดเดียว)

ถนนช่วงนี้อยู่ในเมือง บางช่วงก็ลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน ขึ้นสะพานมั่ง ขึ้นเนินมั่ง แต่ถนนจะคล้ายๆ ถนนใหญ่ตามชานเมืองประเทศไทย มีสะพานเยอะ ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด อากาศหนาวเล็กน้อยแต่พอได้ออกแรงร่างกายก็อุ่นไปเอง ปั่นตามกันไปเรื่อยๆ มีช่วงนึงผ่านหมู่บ้านสักแห่งเห็นรูปปั้นกวนอิมยักษ์ ยืนเด่นเป็นสง่าของใครยังไงก็ไม่มีข้อมูล…

ภาพบน ลิบๆ นั่นคือรูปปั้นกวนอิม ภาพล่างมองไม่ชัด แต่ที่รั้วเป็นช๊อปเปอร์ (วันพีซ)

วันนี้จะเจอเนินความชันรวมกว่า 916 เมตร (3,005 ft) เวลาปั่นก็จะพยายามถนอมแรงหน่อย ความสนุก(ว่าง?)คือเวลาขึ้นเนินหรือข้ามสะพานจะประเมินตลอดว่าเนินกี่เมตร ห้าเมตร สิบเมตร แล้วพยายามคิดว่าจาก 916 เนี่ยเหลือเท่าไหร่แล้ว (ฮา) ปั่นไปสักพักเริ่มมีแดด ใครว่าเมืองไทยแดดแรงที่สุดในโลก ขอบอกเลยว่าโลกนี้มันก็ฟ้าเดียวกัน ถ้าฟ้าเปิดแดดญี่ปุ่นมันก็แรงไม่แพ้กันหรอก แถมอากาศเย็นกว่าพอเจอแดดแรงๆ มันยิ่งรู้สึกร้อนเข้าไปใหญ่ เลี้ยวไปเลี้ยวมาปรากฎว่าเจอเซเว่น ปั่นมาได้เยอะแล้วเลยแวะเข้าไปซะหน่อย

จักรยานไกจินสองคันกับเซเว่นอีเลเว่นและโปสเตอร์คุณกินจะตามหลอกหลอนเราไปทุกที่

เข้าห้องน้ำล้างหน้าซื้อขนมเล็กน้อย พอออกมาแดดก็ร่มแล้ว เมฆเต็มท้องฟ้า สรุปว่าเจอแดดอยู่ 15 นาทีเท่านั้น… แอบดีใจว่าไม่ต้องปั่นตากแดดร้อนๆ แต่หารู้ไม่ว่าตลอด 4 วันให้หลังจากนี้โหยหาแดด 15 นาทีนี่ขนาดไหน เพราะนี่คือแดด 15 นาทีสุดท้ายของเส้นทางสู่แหลมโซยะจุดเหนือสุดของญี่ปุ่น

แดดสุดท้าย

เช็คระยะ อีกแค่ 27 กิโลก็จะถึงฟุราโนะแล้ว เพิ่งจะสิบโมงกว่าเท่านั้น! วันนี้ดูว่าจะทำเวลาดี โด่ เนิน 900 อะไร กระจอกจัง แถวนี้ภูเขาเยอะ แต่เนินไม่ค่อยชัน มีช่วงที่ขึ้นเขาหนักๆ ช่วงนึง ลอดอุโมงค์สองสามครั้ง อุโมงค์มีไหล่ทางข้างเดียว ต้องข้ามถนนไปวิ่งฝั่งโน้น พอพ้นก็กลับมาด้านเดิม พอขึ้นเยอะๆ มันก็ลงเยอะตาม ด้วยความที่เป็นขาอ่อน เวลาลงก็เลยเลียเบรคลดความเร็วตลอดทางจนโดนคนนำทางทิ้งหายไปหลายที (พอหายไปไกลๆ เขาก็จอดรอ) พอพ้นช่วงเขาและอุโมงค์เนวิเกเตอร์ของเราบอกว่าให้เลี้ยวเข้าเมืองฟุราโนะ จะหลบทางชัน 34% ได้ ชัน 34% คืออะไร หมูไม่กลัวน้ำร้อนอย่างเราไม่เข้าใจ แต่เขาหลบก็หลบตาม เลี้ยวไปนิดเดียวข้ามสะพานก็เข้าสู่เมืองฟุราโนะ

ใกล้จะเที่ยงแล้วก็มองหาอะไรกินกันก่อน แต่ไม่เจอร้านถูกใจเลย ปั่นไปอีกนิดเจอแม็คโดนัลด์ แต่ไม่อยากกินอ่ะ มาญี่ปุ่นแล้วกินแม็คโดนัลด์เนี่ยนะ เสียเชิงชัดๆ (ได้ข่าวว่ามาคราวก่อนกินแม็คโดนัลด์ไป 3 มื้อ) แต่พยายามมองหาแล้วก็ไม่เจอร้านอะไรเลย ราเมงก็ไม่เจอ สุดท้ายก็กินแม็คโดนัลด์กัน…

ร้านอะไรที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวเลย พอดีเลี้ยวมาเฉยๆ

คนเยอะมาก ต่อคิวยาวแน่นขนัดจนออกไปนอกร้าน ไม่เข้าใจเหมือนกัน เมืองก็ไม่เห็นมีคน หรือว่าคนมันมาต่อคิวแม็คโดนัลด์กันหมด อีกะแค่แม็คโดนัลด์เนี่ยนะ… นั่งกินกันที่เก้าอี้ด้านนอก เวลาก็เพิ่งจะเที่ยงเท่านั้น โหย วันนี้โคตรชิล อีกแค่ 10 กิโลก็ถึงแคมป์แล้ว อ่อนมาก (แต่ขาเริ่มสั่น) ยังไงก็ตาม ถ้าผ่านวันนี้ที่เนินเยอะที่สุดไปได้อะไรก็สบายแล้ว

ออกเดินทางกันต่อ จากข้อมูลที่หาไว้ จากนี้ไปจะเป็นทางเลียบทุ่งลาเวนเดอร์ โลกสวยกันเลย ออกด้านหลังเมืองฟุราโนะไปสัก 500 เมตรเลี้ยวเข้าถนนอะไรสักอย่างก็ต้องถึงกับตะลึง เนินครับ เนินโคตรชันและยาว คุณ E ของเรากระโดดลงจากจักรยานทันที บอกกุไม่ปั่นล่ะ เข็นดีกว่า ส่วนผมนั้นจักรยานมีจานหน้าสามใบ ใช้เกียร์ต่ำลากยาวไปเรื่อยๆ ก่อน ลากจนขาสั่นผ่านช่วงแรกได้มาเจอเลี้ยว… มันมีอีกครับ

สรุปว่าไม่ไหว เข็นเหมือนกัน ยอมแล้วเข็นยาว เนินยาวมาก ไอ้ที่เห็นทีแรกนั่นแค่ส่วนน้อย เข็นไปสักพักเจอทางแยกเล็กๆ เข้าไปในพง เลยเดินเข้าไปดู เจอเป็นสุสานบนเขา มีคนมารดน้ำสุสาน แต่วิวสวยดี ว่าแต่ไหนวะทุ่งลาเวนเดอร์ ก็เติมน้ำเย็นเจี๊ยบจากก๊อกน้ำแถวนี้ใส่กระบอกแล้วไป(เข็น)กันต่อ แต่ยังไม่ทันไรก็มีแววจะสนุกกันอีกเรื่องแล้วเพราะว่า… ฝนตก…

ฝนเริ่มตกปรอยๆ ไม่หนัก เม็ดเล็กๆ เข็นกันไปสักพักจนพ้นเนินก็ขึ้นถีบจักรยานกันต่อ ต้องรีบแล้วเพราะฝนตก ยังไงก็อีกไม่ไกลมั้ง ไปอีกนิดนึงในที่สุดเราก็เจอทุ่งลาเวนเดอร์ของจริง เป็นฟาร์มลาเวนเดอร์ที่ไม่ค่อยจะมีลาเวนเดอร์เท่าไหร่ ดูคล้ายๆ ต้นโหระพามากกว่า… ดอกม่วงๆ แห้งเหี่ยวมาก คาดว่าน่าจะพ้นช่วงบานเต็มที่ไปแล้ว ยังไม่แวะเข้าไปในฟาร์มเพราะต้องหาแคมป์ก่อน

ไม่ไกลเท่าไหร่ก็ถืงแคมป์ของวันที่สองนากะฟุราโนะแคมป์ เวลาก็บ่ายสองเท่านั้น ถือว่าถึงเร็วมากแม้ว่าขาจะกรอบเพราะว่าขึ้นเนินมาเยอะก็ตาม เนิน 900 มันก็แค่นี้เอง! ขอบคุณจานหน้าสามใบที่ทำให้มีวันนี้… ฝนยังคงตกอยู่ แต่ไม่ถึงกับเปียก แค่ชื้นๆ พอน่ารำคาญ แคมป์ดูโล่งๆ ไร้ผู้คน มีเต็นท์ปริศนาสามหลังตั้งอยู่ และที่ริมรั้วก็มีจักรยานจอดใส่กุญแจเรียงกันราวๆ 5-6 คัน ในตอนนั้นคิดว่าคงเป็นพวกเดียวกันที่ปั่นมาแคมป์และคงเป็นเจ้าของเต็นท์ปริศนาที่ตั้งอยู่

เหล่าจักรยานปริศนาที่คาดว่าคนขี่ไม่ได้หายไปติดถ้ำ

ตอนที่เลี้ยวเข้ามานั้นมีมอเตอร์ไซค์คันนึงเลี้ยวเข้ามาพร้อมกัน เนื่องจากไม่มีคนอื่น…ก็เลยหันมาทักทายกัน ทางนั้นเป็นนักขับหนุ่มรูปหล่อทีเดียว แถมพูดภาษาอังกฤษได้ แนะนำตัวว่าจะปั่นไปวัคคาไนกันเขาก็ทำท่าตกใจ แล้วก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ของแคมป์ด้วยโทรศัพท์ (มีเบอร์ติดอยู่ที่ประตู) ไม่นานนักผู้ดูแลแคมป์ก็มาและแนะนำสาธารณูปโภคของที่นี่ให้ เป็นตู้คอนเทนเนอร์ 3 หลัง หลังนึงของผู้ดูแล หลังที่สองเป็นที่ล้างจานชามและซักผ้า หลังที่สามเป็นห้องน้ำ แต่ห้องน้ำพัง ให้ข้ามถนนไปใช้ห้องน้ำอีกฝั่งแทน

ตู้ของผู้ดูแล มีเตียงมีทีวีดู ตู้ล้างจานกับห้องน้ำ ข้างในมีปลั๊ก แอบชาร์จไฟได้ (แต่ติดป้ายห้าม)

ส่วนแคมป์นั้นฟรี จะแคมป์ตรงไหนก็ได้ แต่ตรงต้นไม้ที่มีผ้าสีแดงผูกอยู่จะมีรังผึ้งอยู่ อย่าไปตั้งเต็นท์แถวนั้น แถวนั้นมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่ง แต่มันเปียกเลยนั่งไม่ได้…. ผู้ดูแลก็ให้แบบสอบถามสำหรับผู้มาตั้งแคมป์มาแผ่นนึงให้กรอก สรุปคร่าวๆ คือ แคมป์ฟรี ร่มรื่น คนน้อย มีห้องน้ำ ไม่มีที่อาบน้ำ(และออนเซ็น) ไม่มีของกินใดๆ ขายทั้งสิ้นนอกจากตู้ขายน้ำหยอดเหรียญหนึ่งตู้…

เงินทองจะหมดความหมายเมื่อพบกับสาธารณูปโภคเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่


มองหน้ากันสักพักว่าจะเอาไงดี ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด น้ำไม่มีอาบ ตอนนี้ยังไม่หิว แต่เดี๋ยวต้องหิวแน่ๆ ตอนนี้พอมีเวลา ไปต่อแคมป์หน้าเลยมั้ย แต่ลงเขาไปแล้วคงกลับขึ้นมาไม่ไหวแน่ๆ ระหว่างที่คิดฝนก็เริ่มตกหนักขึ้น ทางด้านหนุ่มมอเตอร์ไซค์ก็เริ่มกางเต็นท์ล่ะ เอาวะ กางก็กาง เดี๋ยวไปหาของกินที่ฟาร์มลาเวนเดอร์ข้างๆ เอาละกัน

เต็นท์สองหลังตรงกลางนั่นเป็นเต็นท์ปริศนา ตลอดที่อยู่ไม่เคยเจอเจ้าของเลยสักครั้ง
เต็นท์ข้างหลังเขียวๆ คือเต็นท์ของหนุ่มมอเตอร์ไซค์

ก็หาที่เหมาะๆ แล้วกางเต็นท์กัน เต็นท์ของหนุ่มมอเตอร์ไซค์ใหญ่โตอลังการใช้ได้ ยิ่งเทียบกับเต็นท์เหี่ยวๆ สองเต็นท์ยิ่งน่าอนาถา พอกางกันเสร็จเอาของใส่เต็นท์แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ฟาร์มลาเวนเดอร์ข้างๆ จุดที่ตั้งแคมป์นี่ถือว่าสูงสุดบนเขาแล้ว เพราะตอนไปฟาร์มนี่ไหลลงไปไม่ต้องถีบแป้นถีบเลยสักนิด…

ฟาร์มลาเวนเดอร์ชื่อไซกะโนซาโตะ (彩香の里) เป็นฟาร์มเล็กๆ เปิดแข่งกับฟาร์มชื่อดังอย่างฟาร์มโทมิตะประกอบกับฝนตก คนก็เลยไม่ค่อยมี ฟาร์มมันก็สวยนะ แต่เวลานี้ต้องหาอะไรกินก่อน ตรงไปที่ร้านอาหารทันที ที่นี่มีทัวร์จีนอยู่กลุ่มนึง หกเจ็ดคน (และเป็นทัวร์จีนกลุ่มเดียวที่เจอตลอดการมาวัคคาไน) พอจะสั่งอาหารพนักงานก็บอกว่าตอนนี้บ่ายสามแล้ว ไม่มีเซ็ทอาหารกลางวันขายแล้ว มีแต่ซอฟท์ครีม(ไอติมโคน)กับชาร้อนเท่านั้น… จ๊ะ งั้นเอาซอฟท์ครีมมา ส่วนสหายเราก็สั่งชาร้อน เพราะหนาว

ร้านอาหารที่ขายแต่อาหารกลางวัน

ออกมาถ่ายรูปกันสักพักก็ไปร้านของฝาก หาอะไรไปเป็นมื้อเย็นกันตาย ได้ขนมอะไรไม่รู้มาหนึ่งถุง… ซื้อมาเพราะดูมีแคลอรี่เยอะที่สุดแล้ว ตอนแรกก็คิดจะไปฟาร์มโทมิตะที่อีกฟาก แต่พอมองทางลงไปแล้วคิดว่าถ้าข้างล่างไม่เวิร์คคงไม่มีปัญญาปั่นกลับขึ้นมาแล้วล่ะ 55 แถมฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยตัดสินใจกลับไปที่เต็นท์แทน

พอกลับมาที่แคมป์ มีมอเตอร์ไซค์มาเพิ่มอีก 1 คัน หลังจากกางเต็นท์เสร็จก็ขนข้าวของไปในห้องล้างจาน น่าจะมีเสบียงมาเพียบทีเดียว ตอนแรกว่าจะไปนั่งเก้าอี้แล้วจดบันทึกหรือสเก็ตท์อะไรเล่น แต่ฝนมันก็ไม่หยุดตกให้ทำตัวฮิปส์เตอร์เลย จักรยานห้าหกคันที่ริมรั้วก็ยังอยู่แต่ไม่เห็นใครกลับมาที่เต็นท์เลยแฮะ เดินไปเดินมาไม่มีไรทำเลยไปเช็ดตัวในห้องน้ำแล้วกลับไปหลบฝนในเต็นท์

แผนที่วางไว้คือพรุ่งนี้จะนอนเกสต์เฮาส์หรือโฮสเทล ยังไม่ได้จองเพราะกะว่ามีสองที่ มันคงไม่เต็มหมดหรอก แต่ถ้าเจอฝนแบบนี้จะให้วนหาคงไม่สนุกแน่ แถมพรุ่งนี้ยังต้องปั่นถึง 120 กิโล เลยติดต่อเพื่อนอีกคนที่อยู่ญี่ปุ่นช่วยโทรจองให้หน่อย ปรากฎว่าโฮสเทลเต็มแล้วแต่เกสต์เฮาส์ยังว่าง ก็ให้จองไว้ 1 ห้องสองคน คนละ 3,000 เยน อาหารเพิ่ม 900 เยน เป็น 3,900 เยนต่อคน คุยทีแรกดันบอกไม่ละเอียด เขานึกว่าจะเข้าไปวันนี้ ต้องโทรไปเคลียร์อีกรอบ โชคดีว่าไม่เป็นไร

ทีนี้ก็…ไม่มีอะไรทำไง เพิ่งจะหกโมงเย็นเอง ฝนก็ตก ไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ จะออกไปถ่ายรูปก็ไม่ได้ จะหาที่เขียนบันทึกก็ไม่ได้ อาบน้ำก็ไม่ได้ ของกินก็ไม่มีอะไรนอกจากขนมปริศนา 1 กล่อง (สองซอง) อากาศก็หนาวลงเรื่อยๆ คืนนี้น่าจะ 14 องศา ไม่มีอะไรให้ทำก็… นอน

นอนฟังสียงฝนเป๊าะแป๊ะๆ ใส่เต็นท์ บางทีก็มีน้ำไหลผ่านใต้เต็นท์ไป… พอเริ่มดึกอากาศก็หนาวลงอีก หนาวมากเลย (ไหนว่าหน้าร้อน….) ต้องขุดเสื้อฮีทเทคกับแจ็คเก็ตในกระเป๋าออกมาใส่ ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินเสียงกุกกักๆ ด้านนอกอยู่พักใหญ่ ไม่รู้ว่าเสียงอะไรแต่ไม่ออกไปดูแล้ว พยายามนอนต่อไปเรื่อยๆ… ในยุรุแคมป์ไม่เห็นเคยมีตอนที่ฝนตกเลยนะ..

ฝนน่าจะหยุดตอนเที่ยงคืนได้ นอนเร็ว(หกโมง)ก็เลยตื่นเร็ว วันนี้เลยตื่นตีสามเลย… ตื่นมาทำอะไรวะ มองไปรอบๆ เต็นท์ของมอเตอร์ไซค์สุดหล่อก็หายไปแล้ว ไอ้ที่กุกกักๆ เมื่อวานคือเฮียมอไซค์ยอมแพ้ เก็บเต็นท์เผ่นไปนี่เอง ส่วนมอเตอร์ไซค์คันที่สองที่หล่อไม่เท่าคันแรกแอบเข้าไปนอนในคอนเทนเนอร์ห้องล้างจาน… พี่ก็ยอมแพ้เหมือนกันเหรอ เต็นท์ปริศนาสามหลังก็เงียบกริบ มาคิดๆ แล้วคงเป็นเต็นท์ดัมมี่ให้รู้ว่าแถวนี้เป็นแคมป์ ว่าแต่แล้วจักรยานที่มัดอยู่ที่รั้วคืออะไรล่ะ… ส่วนสหายเราคุณ E ที่ไม่มีถุงนอนนั้นก็ไม่ปรากฎสัญญาณชีพใดๆ ออกมาจากเต็นท์…..

ฝนหยุดแล้วก็เดินเล่นถ่ายรูปรอบๆ เต็นท์คนเดียว จนตีสี่ฟ้าก็เร่ิมสว่าง….

สภาพหลังฝน โปรดสังเกต เต็นท์คนอื่นหายหมด 55 เหลือแต่เต็นท์ปริศนาไร้เจ้าของ
ด้านนอกตอนตีสี่ แสงน้อยเลยไม่ค่อยชัด

วันที่ผ่านมาปั่นไปประมาณ 78 กิโล ความชันอยู่ที่ 916 เมตร (นับจนถึงแคมป์ ไม่รวมที่ออกไปอีกรอบ) เฉพาะภูเขาที่ขึ้นมาแคมป์นี่ก็น่าจะ 250+ เมตรแล้ว… ขาล้า เจอฝน อดเสบียง ไม่ได้อาบน้ำ ไม่เท่าไหร่เนอะ…ก็ผ่านมาได้ เหลืออีกแค่ 3 วัน คงไม่มีอะไรแย่กว่าวันนี้แล้วล่ะมั้ง…

หารู้ไม่ว่าความคิดนั้นเป็นความคิดที่ผิด…

ของกินวันนี้
สปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่า 110¥ กล่องเล็ก รสชาติธรรมดา แต่ถูก
สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือ 110¥ กล่องเล็กเหมือนกัน คิดว่าอร่อยกว่าคาร์โบนาร่า
ข้าวปั้น 190¥ ไส้อะไรลืมแล้ว
น้ำแอปเปิ้ล 95¥ ถูก อร่อย ให้พลังงาน
โค๊ก 140¥ สุดยอดเครื่องดืมเติมพลัง
ชูครีม 160¥ อร่อย
แมคโดนัลด์ 560¥ ชุดดับเบิลชีส ก็แมคโดนัลด์
น้ำสปอร์ทดริงค์ 140¥ กดจากตู้ที่แคมป์
ซอฟท์ครีม 400¥ งั้นๆ
ขนมอะไรสักอย่าง 350¥ แห้งๆ กรอบๆ ไม่อร่อย แต่ยังชีพได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *