634 | A Place Further Than The Universe

“อยากจะลองไปที่ไหนก็ได้สักที่เพื่อเปลี่ยนตัวเองดู รู้ตัวอีกก็กำลังจะไปขั้วโลกใต้ซะแล้ว”
คิมาริเจอว่าตัวเองเคยมีความฝันว่าพอขึ้นม.ปลายแล้วอยากจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปที่ไหนสักที่ ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้ม รู้ตัวอีกทีก็จะจบม.ปลายแล้ว แต่พอจะออกไปจริงๆ ก็กลับไม่รู้จะไปไหน เต็มไปด้วยข้ออ้างที่จะล้มเลิกมากมาย คิมาริเจอชิราเสะ(จั๊ง)โดยบังเอิญและถูกชวนให้ไปขั้วโลกใต้ด้วยกัน ไม่ใช่เพราะว่าเป็นขั้วโลกใต้ก็เลยไป แต่เป็นอยากไปที่ไหนก็ได้เลยกลายเป็นขั้วโลกใต้

ตอนแรกว่าจะเขียนยาวๆ แต่เรียบเรียงไม่ค่อยได้… เขียนไปเรื่อยๆ ละกัน สำหรับโยริโม่ย (Sora yori mo Tooi Basho) นี้ทีแรกก็ไม่ได้ตั้งใจรอดูเลย ก็เปิดไล่ดูไปตามปกติแล้วชอบตอนแรกมาก น่าอายจังแต่ก็ขอบอกว่ารู้สึกทับซ้อนกับตัวเองหลายอย่าง อย่างเรื่องการออกไปท่องเที่ยวเนี่ย ผมเองเป็นคนไม่ชอบไปเที่ยวเลย ขี้เกียจ เกลียดการนั่งรถนานๆ แล้วออกไปตดนอกรถพอหายเหม็นก็กลับมานั่งรถต่อ มันรู้สึกเสียเปล่า ผมชอบอยู่เฉยๆ (AKA เล่นเกม) ที่บ้านมากกว่า พอคิดว่าจะไปโน่นนี่ก็เต็มไปด้วยข้ออ้างมากมาย รถแม่งติด แดดแม่งร้อน คนแม่งเยอะ สามข้อนี้ก็ครอบคลุมทุกสถานการณ์แล้ว…
แล้วไปๆ มาๆ ก็ขี่จักรยาน แล้วไปๆ มาๆ ก็ขนจักรยานไปปั่นที่ญี่ปุ่น บอกใครไปว่าจะขนจักรยานไปก็มีแต่คนบอกว่าเห้ย มึงบ้าป่ะวะ นั่งรถธรรมดาง่ายกว่าป่ะ เพื่อน ครอบครัว เจ้านาย หรือแม้กระทั่งคนที่ร้านจักรยานก็ยังบอกว่าขนลำบาก ไปเช่าเอาดีกว่ามั้ย หรืออื่นๆ อีกมากมาย มีเพื่อนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มองเป็นเรื่องธรรมดา (เพราะมันก็ทำ 555) ก็เลยเข้าใจชิราเสะอยู่บ้างที่พอบอกว่าจะไปขั้วโลกใต้ก็มีแต่คนบั่นทอนกำลังใจ หรือการเปลี่ยนคำถากถางเป็นพลังแล้วกระแทกคืนกลับไป แถมตอนแรก การเดินทางครั้งแรกของคิมาริคือนั่งรถไฟไปฮิโรชิม่า ขึ้นโนโซมิเหมือนที่เคยขึ้นด้วย ก็เลยยิ่งมีความรู้สึกร่วมเข้าไปอีก…
มองเผินๆ โยริโม่ย นั้นเหมือนจะเป็นอนิเมแนว Cute Girls Do Cute Things ทั่วไป (แนวที่เอาสาวๆ น่ารักๆ มากิจกรรมโน่นนี่ เช่นเล่นดนตรี ปีนเขา) แต่เรื่องนี้ต่างตรงที่มีความจริงจัง รายละเอียดต่างๆ มีข้อมูลแน่น ตัวละครในเรื่องรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำเป็นเรื่องที่อันตราย ต้องใช้ความพยายาม มุ่งมั่น และเตรียมพร้อม ทำให้รู้สึกถึงความหนักของสิ่งที่กำลังพยายามทำ ตัวละครหลักทั้งสี่คนก็มีคาแรกเตอร์แตกต่างและส่งเสริมกันได้ดี โดยเฉพาะบทพูดในเรื่องที่สนุกสนานแต่ก็สื่อสารเรื่องราวและมิติของตัวละครไปพร้อมกัน นักพากย์ก็ขั้นเทพทุกคน
โยริโม่ยมีเรื่องราวให้ประทับใจทุกตอน จะให้ไล่เขียนถึงก็ขี้เกียจ(เย้) ความรู้สึกที่กัดกร่อนอารมณ์ที่สุดคือหลังจบตอน 12 สิ่งที่อยู่ในใจคืออยากให้ชิราเสะจังมีความสุข เธอควรมีความสุขได้แล้ว และแน่นอนว่าท้ายที่สุดเธอก็มีความสุข (แต่ไอ้แว่นแม่งเลว…) อีกอย่างที่รู้สึกชอบ(?)คือแรงบันดาลใจนั้นไม่ได้มีแค่ความชอบหรือความท้าทายอย่างเดียว ความเกลียด ความแค้นและความริษยาก็เป็นแรงบันดาลใจได้เช่นกัน….

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะมีคนคุยด้วยเลย ยิ่งโม่งปิด(ชั่วคราว)ยิ่งแทบไม่มีคนคุยด้วย เป็นเรื่องที่ชอบโดยไม่ได้มีไวฟุเป็นพิเศษเลยนะ ถึงจะชอบชิราเสะจังอยู่บ้างแต่มันก็คนละอารมณ์กัน ถามว่าชอบเรื่องนี้ขนาดไหนก็น่าจะชอบพอๆ กับ ef ภาคแรกเมื่อสมัยดูอนิเมใหม่ๆ ความรู้สึกที่อยากให้จิฮิโระมีความสุขนั้นมีรูปแบบใกล้เคียงกับชิราเสะจังมาก
ตอนนี้ก็เริ่มอยากไปไหนมั่งแล้วเหมือนกัน…
แถม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *