อุเมะฮาร่า ไดโกะ เจ้าของฉายา The Beast นั้นมีรายการพิเศษใน Channel ของตัวเองชื่อว่า Kemonomichi (ถนนอสูร) ในรายการก็จะเป็นแข่งเกมไฟติ้งเก่าๆ หรือเชิญคนโน้นคนนี้มาแข่งกันออกรายการมั่ง ถูกใจคอเกมไฟติ้งฮาร์ดคอร์และรุ่นเก่าๆ เรทติ้งดีที่เดียว จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาได้จัด Kemonomichi 2 โดยมี Exhibition Match สามคู่ และหนึ่งในนั้นคือตัวเขาเอง อุเมะฮาร่า ไดโกะ vs โทคิโด
การแข่งจะเป็นแบบ First to 10 ใครชนะ 10 ยกก่อนถือว่าชนะ (FT10 นั้นค่อนข้างใช้เวลานาน โดยปกติจะเป็น Exhibition Match ไม่ได้ใช้ในการแข่งทัวร์นาเมนท์) ก่อนแข่งก็มีเทรลเลอร์เรียกน้ำย่อยพอหอมปากหอมคอ อุเมะฮาร่าถูกเรียกว่าชายผู้อยู่บนยอดเขาและโทคิโดถูกเรียกว่าชายผู้มองไปยังยอดเขา โทคิโดบอกว่าเขายังห่างชั้นกับอุเมฮาร่ามาก ยังมองไม่เห็นแม้แต่แผ่นหลัง เขาอยากจะรู้ว่าช่องว่างตอนนี้มันกว้างขนาดไหนและจะเอาชนะให้ได้ อุเมะฮาร่าบอกว่าโทคิโดพยายามได้ดีแต่ยังต้องเรียนรู้อีกมาก นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ก่อนการแข่งจริง เทรลเลอร์ตัดบางส่วนมาให้ดูเร้าใจ
ครั้งหลังสุดที่โทคิโดเจอกับอุเมะฮาร่าคือเมื่อ EVO Japan 2018 อุเมะฮาร่าชนะ 3-0 แบบนิ่มๆ โกคิของโทคิโดบุกไม่ได้เลย (หลังจากอุเมะฮาร่าเปลี่ยนมาใช้ Guile โทคิโดก็ไม่เคยชนะได้เลย) แม้ว่าผลงานโดยรวมของโทคิโดจะดีกว่าเยอะ แต่สถิติเฉพาะเวลาสู้กับอุเมะฮาร่านั้นเป็นรองทีเดียว ในวันแข่งจริงก็เป็นไปอย่างที่คิด Guile ของอุเมะฮาร่าแน่นมาก เจาะเข้าไปไม่ได้เลย แต่ไม่ใช่ว่า Guile ของอุเมะฮาร่าจะไร้เทียมทาน เหมือนกับว่ารูปแบบการบุกของโทคิโดนั้นถูกปิดไว้หมดพอดี อุเมะฮาร่านำไปก่อน 2-0 ก่อนจะตามมาเป็น 2-2 แล้วทิ้งห่างไปเป็น 9-3 ก่อนจะปิดสกอร์ด้วย 10-5 โทคิโดแพ้หมดรูป ทุกเทคนิคที่แพรวพราวเจาะกำแพงไม่ได้เลย ไม่เคยแม้แต่จะมีจังหวะใช้อเวจีสังหาร (ส่วนตัวมองว่าอุเมะฮาร่าผ่อนเกมหลายช่วง ถ้าเอาจริงอาจจะชนะที่ 10-3 ได้เลย)
หลังจากแข่งเสร็จก็มาออกกล้องปิดงาน โทคิโดบอกว่าอย่างน้อยเขาก็อยากจะชนะให้ได้ในเกม เขาจะกลับมาใหม่ อุเมฮาร่าให้สัมภาษณ์กลับว่าเขาคิดว่าโทคิโดนั้นชนะเขาทุกอย่างนอกจากเรื่องเกมอยู่แล้ว(หัวเราะ) ในปีที่แล้วและปีก่อนเขา(โทคิโด)ทำผลงานได้ดีมาก ในขณะที่ตัวเขาเอง(อุเมะฮาร่า)แทบไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ระหว่างสัมภาษณ์ โทคิโดที่ก้มหน้าอยู่ก็มีน้ำตาหยดออกมา หลังจากให้สัมภาษณ์จบเขาก็เดินหายไปในกลุ่มคน….
เหตุการณ์นี้จะเป็นสัญลักษณ์ในวงการเกมไฟติ้งไปได้อีกนาน เป็นการยกระดับของความมุ่งมั่นในชัยชนะของ esport ไม่ใช่แค่ Trash Talk แขวะจิกกัด สิ่งที่โทคิโดพูดก่อนแข่งนั้นเป็นความจริงจากใจ ความมุ่งมั่นในชัยชนะ การเผชิญหน้าเพื่อก้าวข้าม และท้ายที่สุดเราก็ได้เห็นน้ำหนักของความพ่ายแพ้… เรื่องเศร้าอีกอย่างคือคำพูดของทั้งสองคนก็สะท้อนมุมมองของแต่ละคน โทคิโดนับถืออุเมะฮาร่ามาก ทั้งอุดมการณ์ วิธีคิด อุเมะฮาร่าจริงๆ เป็นคนพูดไม่เก่ง ออกเอ๋อๆ ด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่เขาชนะทัวร์นาเมนท์แล้วให้สัมภาษณ์ เขาจะพูดเสมอว่าเขาทำเพื่อ Fighting Game Community ถ้าไม่มี FGC ก็ไม่มีเขาในวันนี้ มันเป็นคำตอบที่ไปไกลกว่าคำว่าแพ้ชนะแล้ว โทคิโดที่เรียกได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดของวงการตอนนี้มองว่าวิธีคิดของตัวเองเทียบกับอุเมะฮาร่าไม่ได้เลย อย่างน้อยเขาจึงอยากเอาชนะให้ได้ในเกม…แต่ว่าเขาทำไม่ได้
ส่วนอุเมะฮาร่าเองถึงจะเป็นสัญลักษณ์ของวงการ แต่เส้นทางชีวิตก็ไม่ได้สุขสบายอะไร หลายคนอาจจะไม่รู้ หลังจากที่เขาสร้างตำนาน Parry ใน EVO Monent#39 เขาเลิกเล่นเกมไฟติ้งไปทำงานเป็นผู้ดูแลคนชราและพนักงานร้านไพ่นกกระจอกอยู่หลายปี จึงค่อยหวนกลับมาเล่น Street Fighter 4 และขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต แต่สองสามปีหลังนี้ผลงานเขาก็ค่อนข้างแย่ แทบไม่ได้ถ้วยอะไรเลย (แต่แฟนๆ เยอะ สปอนเซอร์บานเบอะ 555) ถ้ามองจากมุมของสังคมทั่วไปโทคิโดที่เป็นมนุษย์เอลีทของสังคม(จบโตไดนะเออ…)และที่บ้านมีฐานะนั้นเหนือกว่าอุเมะฮาร่ามากมาย ทั้งสองคนต่างมีในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่มี ต่างกันแค่มุมมอง
ส่วนตัวมองว่าโทคิโดก็คือโทคิโด อุเมะฮาร่าก็คืออุเมะฮาร่า ต่างคนก็เป็นแรงบันดาลใจให้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน โทคิโดเป็นตัวอย่างของความมุมานะ อุตสาหะ ค่อยๆ ฝึกฝนจนแข็งแกร่ง ไม่ยอมแพ้ต่อคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาแพ้ Infiltration ถึง 4 ครั้งจึงจะเอาชนะได้ ชัยชนะของเขาต่อ Punk ใน EVO 2017 ก็เป็นตำนานที่เร่าร้อนราวกับการ์ตูนโชเนนจั๊มพ์ และโทคิโดที่หลั่งน้ำตาในวันนี้จะถูกจับตามองและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมายขึ้นไปอีก ส่วนอุเมะฮาร่านั้น….ยังไงดี เหมือนปาฏิหารย์ อยู่ๆ โผล่มาแล้วเทพทันที… (โดนสิบล้อส่งมาจากต่างโลกเหรอ…) ออกไปทางสูงส่งเหนือระดับ ไม่เคยแสดงอารมณ์ต่อความพ่ายแพ้(และชัยชนะ) ดูเหมือนเป็นตัวตนอีก Layer นึงไปเลย (ตอนซ้อมหนักเราไม่รู้ไง ฮ่าๆ) ช่วงผลงานไม่ดีก็ยังเชียร์กัน ขนาดเมาแล้วพูดอะไรไร้สาระคนก็ยัง Hype …
ตอนนี้วงการก็บิวด์กันราวกับทั้งสองคนเป็นศัตรูกัน จริงๆ แล้วสนิทกันนะ อยู่กลุ่มเดียวกัน ซ้อมกันตลอด มีเพิ่งไปเที่ยวอเมริกามาด้วยกันอย่างสวีทเลย