และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของทริป ตื่นเช้ามาก็ไม่รู้สึกถึงสัญญาณมนุษย์ในบ้านเลย ไหนว่าบ้านนี้มีคนอยู่อีกสองคนไงวะ ก็เก็บข้าวเก็บของแพ็คใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย จากนี้ไปคงไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว กางเกงที่ขาดเป้าก็เอากลับไปด้วย (ทิ้งไว้ก็สงสารคนพบเห็น…) ออกจากบ้านมาเจ็ดโมงสี่สิบก็ยังไม่พบเจอผู้ใด อยู่บ้านกันจริงๆ เหรอ พอล๊อคประตูเอากุญแจหยอดตู้ไปรษณีย์เสร็จก็ส่งข้อความไปหาอายามิซังว่าจะไปแล้วจะ อีก 30 นาทีต่อมาถึงตอบกลับแล้วบอกว่าตื่นสายแหละ โชคดีจ้า…..
ขากลับผ่านไอ้นี่ รู้สึกจะเป็นศาลากลางโอซาก้ามั้ง
อันนี้พอผ่านแล้วคุ้นๆ เลยถ่ายมา สะพานลอยอันนี้ก็เป็นสเตจนึงใน KOF 96
วันนี้จะเดินทางกลับแล้วจึงไม่มีแผนการเที่ยวอะไรเป็นพิเศษ ตอนแรกว่าจะขึ้นรถไฟจากสถานีชินโอซาก้า แต่เวลาเยอะเลยเปลี่ยนเป็นขึ้นจากนัมบะแทนแล้ว เดี๋ยวไปเดินเด็นเด็นล่นอีกรอบ (ติดใจ?) ว่าแล้วก็ปั่นไปนัมบะอีกรอบ วันนี้ออกช้ากว่าเมื่อวานรถเลยเยอะ ไฟแดงก็เยอะ (บ่นรอบที่ห้าร้อย) ถึงนัมบะเก้าโมงกว่าๆ ก็จอดจักรยานหน้าสถานีแล้วหาที่ฝากกระเป๋า เนื่องจากจะต้องขึ้นรถไฟจากที่นี่ เลยตั้งใจจะฝากกระเป๋าไว้ที่ตู้ฝากในสถานี แล้วไปแพ็คจักรยานหิ้วตามขึ้นไปทีหลัง ขึ้นไปสำรวจสถานีก็เจอตู้ฝากตำแหน่งพอเหมาะ อยู่ชั้นสองใกล้ๆ จุดซื้อตั๋วเลย แต่…อนิจจา ตู้ฝากใช้เหรียญร้อยเยนแต่ไม่มีเหรียญเลย ก็ดูแผนที่หาตู้แลกเหรียญเพื่อจะเอาเหรียญไปหยอดตู้ฝากกระเป๋า….(ตู้เซ็บชั่นมาก) เจอว่าอยู่อีกมุมนึง พอเดินไปก็อ้าว…มุมนี้ยังไม่เปิด เปิดสิบโมง สุดท้ายไม่รู้จะทำไงก็เลย…แวะแมคโดนนัลด์อีกแล้ว สรุปว่าทริปนี้แวะแมคโดนัลด์บ่อยสุดด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวกับอาหารเลย…. พอสั่งเสร็จก็บอกเขาว่าขอเหรียญร้อยเยนด้วย แต่พนักงานปิดลิ้นชักไวมาก…. กระนั้นด้วยเซอร์วิสไมด์ พนักงานก็พอขอแลกจากพนักงานอีกคนมาให้ อาริกาโตะโกไซมัส!
ที่จอดจักรยานหน้าสถานีนัมบะ (กล้องมือถือกุทำไมกากจังวะ)
กินเบอร์เกอร์เสร็จ หยอดตู้ฝากกระเป๋าเสร็จลงไปข้างล่างถึงนึกได้ว่า….ลืมเอาถุงใส่จักรยานออกมา สุดท้ายถ้าแพ็คจักรยานก็ต้องกลับไปเปิดตู้หยิบถุงก่อนอยู่ดี หม่ะอิก๊ะ ช่างแม่ง ไปเดินเด็นเด็นเล่นแก้เซ็งก็ได้วะ ก็ไปเดินๆ …แล้วก็นั่งเล่นเกมไปเครดิทนึง (ยังไม่เลิก) เข้าร้านโน้นร้านนี้นิดหน่อย แล้วก็หยอดกาจะบาเกะโมโนถูกๆ ได้พวงกุญแจฮะจิคุจิมาอันนึง (อยากได้ฮิตางิหรือนาเดโกะจังมากกว่า) ไม่รู้จะทำอะไรแล้วก็เลยไปประกอบจักรยานดีกว่า ขึ้นสถานีไปเอากระเป๋าออกจากตู้เมื่อกี้แล้วแบกไปตรงจุดจอดจักรยาน แล้วหามุมดีๆ นั่งรื้อจักรยานมัดลงถุง ขอบคุณถุงใส่จักรยาน Ostrorich ที่สั่งมาจากอเมซอน ที่ทั้งเบาและพกพาง่าย (ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างไร) ถ้าไม่มีถุงนี่คงมาไม่ถึงจุดนี้….
เอมะจังหมื่นหกร้อยเยน
ตอนซื้อตั๋วก็แอบเล็งแอบดูวิธีซื้ออยู่พักนึงจึงค่อยไปซื้อ การแบกกระเป๋าและแบกจักรยานผ่านช่องตรวจตั๋วก็ทุลักทุเลเหมือนเคย วันนี้นั่งนัมบะไลน์ รถหวานเย็น จอดทุกสถานีไง แต่ไม่รีบไง ชิลๆ นั่งกินที่เพราะของเยอะอีกแล้ว ขอโทษนะครับมนุษย์ชาวเกาะทุกท่าน….ผมขอโทษจริงๆ แป๊บเดียวก็ถึงสนามบิน จริงๆ เคยมีแผนว่าขากลับจะปั่นจักรยานจากโอซาก้ามาสนามบินเลยด้วยซ้ำ แต่หวั่นๆ ว่าถ้าผิดแผนจนตกเครื่องจะฉิบหายวายป่วงแทน แถมดูแผนที่แล้วเส้นจากโอซาก้ามาสนามบินคันไซค่อนข้างแออัด น่าจะปั่นยากด้วยแหละ
ถึงสนามบินบ่ายสามไง แต่เครื่องออกสี่ทุ่ม…. นี่กุมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้ เผื่อเวลาเยอะไปมั้ย… แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะเที่ยวเท่าไหร่แล้วด้วย ล้าและของพะรุงพะรังไปหมด แวะกินข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะในสนามบินแล้วก็หาที่นั่งรอ ตอนแรกก็ห่วงของแหละ ไม่ค่อยกล้าไปไหน มีทัวร์จีนเอะอะโวยวายเต็มไปหมด (แถมทิ้งขยะด้วย) แต่สักพักก็ช่างหัวมัน ถ้ามันจะเอาจักรยานกุไปก็เอาไปเหอะ จริงๆ ที่วางแผนไว้มีตัวเลือกว่าถ้าจำเป็นจริงๆ จะทิ้งจักรยานไว้เลยด้วยซ้ำ ใจร้ายเนอะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลือกตัวเลือกนั้น… ไม่รู้จะทำอะไรก็เดินเล่นร้านของฝากในสนามบินฆ่าเวลาไปเรื่อย
นั่งรถไฟหวานเย็น ฟ้าๆ ข้างล่างคือถุงจักรยาน
เสื้อลายบ้าอะไรวะ…
พอเย็นๆ ก็เริ่มได้ยินภาษาไทยแว่วๆ มีคนไทยมารอกลับกันประปราย ใกล้เวลาเช็คอินก็มีพนักงานสายการบินมาจัดแถวและดูแล มีคนไทยคนเดียว คนอื่นก็คนญี่ปุ่นหมด ตอนเช็คสัมภาระโดนดุว่าแพ็คจักรยานไม่ปลอดภัยเพราะใส่ถุงไม่เรียบร้อย (อยากหาไอ้ที่มันรับแร๊ปพลาสติค จะแร๊ปมันทั้งคันเลย แต่เดินวนแล้วไม่เจอ) ก็เลยพยายามมัดให้แน่นกว่าเดิม แล้วพนักงานก็เอาใบมาให้เซ็นว่าสัมภาระหีบห่อไม่เรียบร้อย ไม่รับประกันความเสียหาย ก็โอเค…ไม่มีอะไรจะบ่น
สนามบิน
โซนดิวตี้ฟรีก็ไม่ได้ซื้ออะไรส่วนตัว มีซื้อบุหรี่ไปฝากคนอื่นนิดนึง ไม่เข้าใจเหล่าคนไทยที่แห่ไปซื้อขนมในดิวตี้ฟรีกลับไปฝากคนอื่นกัน ขนมพวกนี้ในเมืองไทยก็มีขาย ราคาก็แทบไม่ต่างกัน มึงจะซื้อหิ้วพะรุงพะรังเหมือนมันแจกฟรีทำไม…. ขนกันเยอะขนาดบางคนเห็นผมของน้อย(โหลดหมดแล้ว)จะขอฝากของไปด้วย…. ขึ้นเครื่องมามีสาวญี่ปุ่นนั่งข้างๆ สองคน กำลังจะไปเที่ยวเมืองไทยกัน มีคู่มือเที่ยวอยู่ในมือด้วย นั่งหลับๆ ตื่นๆ สักพักก็ถึงเมืองไทยตอนตีสี่ ทันที่ประตูเครื่องเปิดออกแล้วลมร้อนระอุตีใส่หน้า วินาทีนั้นเองผมก็มั่นใจว่าถึงเมืองไทยแล้ว…
ร้อนฉิบหาย!
สมุดเล่มที่จดทุกอย่าง
(แถม)