ตื่มาราวๆ ตีห้าครึ่ง ห้องเล็กแต่เตียงนอนสบายดี แอบส่องๆ ห้องนี้เป็นห้องแบ่งครึ่งจากห้องใหญ่อีกที อีกฝั่งที่ปิดไว้มีของเก็บอยู่เยอะแยะ พอหกโมงเช้าก็แต่งตัวออกจากบ้าน เจอพ่อของอายามิโผล่มาเหมือนตกใจ…กุพักบ้านมึงไง เมื่อวานก็เจอกันแล้ว ไม่ไช่ขโมยขโจรที่ไหน ทักทายนิดหน่อยแล้วก็ออกมา อายามิซังให้จอดจักรยานไว้ข้างบ้าน หน้าบ้านเหมือนจะให้เช่าจอดรถด้วย อะไรเป็นรายได้เอาหมดเลยมั้งเนี่ยอายามิซัง… เป้าหมายหลักสำหรับวันนี้คือไปนัมบะย่านช๊อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้า รายละเอียดปลีกย่อยอื่นปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
ออกมาทางย่านการค้ามิคุนิที่เมื่อวานไปกินราเมง เริ่มเรียนรู้ว่าถ้าไม่รู้ไปทางไหนดีก็ให้ปั่นตามจักรยานในท้องถิ่นไปก่อน ปั่นไปสักพักก็ถึงสะพานข้ามแม่น้ำโยโดคาว่า แม่น้ำใหญ่มาก บนสะพานมีเลนจักรยาน มองจากบนสะพานจะเห็นตึกอุเมดะ แลนด์มาร์คอีกแห่งของโอซาก้า ปั่นไปตามทางจนเข้าใกล้ตึกอุเมดะก็เจอกับกองทัพซาลารี่แมน ทุกคนแต่งตัวเหมือนกันหมดคือใส่สูทผูกเน็คไทเดินกันพรึบพรั่บเข้าไปในตึก ตอนแรกว่าจะแวะตึกอุเมดะนะ แต่เห็นกองทัพซาลารี่แมนก็ไม่แวะดีกว่า เลยไปนิดนึงก็เจอสวนสาธารณะ(อะไรวะ) ดูร่มรื่นดีก็เลยแวะเข้าไป ในสวนก็มีไม้ประดับนิดหน่อย นั่งอยู่สักพักไม่มีอะไรก็ไปต่อดีกว่า
ย่านการค้ามิคุนิ
ริมตลิ่งก่อนขึ้นสะพาน
ตึกอุเมดะ
สวนสาธารณะอะไรสักอย่าง
ผ่านพิพิธภัณฑ์ศิลป์แห่งชาติก็แวะถ่ายรูปหน่อย จริงๆ ถ้าเจอนิทรรศการน่าสนใจก็จะแวะ แต่ตอนนี้มีงานแสดงของศิลปินแนว pop art จากต่างชาติ ดูไม่น่าเสียเวลาแวะก็เลยผ่านดีกว่า ราวๆ เก้าโมงก็ถึงเป้าหมาย โดทงโบริหรือนัมบะ แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเช็คพอยท์ที่ป้ายกุลิโกะอันเป็นสิ่งบังคับที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องทำ ตอนที่มาถึงนั้นถือว่าค่อนข้างเช้าสำหรับที่นี่ ส่วนมากคนจะมาเที่ยวช่วงบ่ายๆ เย็นๆ จนถึงกลางคืน ดังนั้นเวลาเก้าโมงก็จะมีแต่รถส่งของกับทางเดินโล่งๆ สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกก็คือหาที่จอดจักรยานเป็นกิจจะลักษณะ เจอที่จอดแบบหยอดเหรียญที่ด้านหลังร้านดอนกิโฮเต้ ตอนแรกก็จะจอดตรงนี้แหละ แต่รู้สึกไม่มั่นใจยังไงไม่รู้ สุดท้ายก็ไปจอดที่หน้าสถานีนัมบะแทน จอดเรียบร้อยล๊อคจักรยานนิดนึงก็ได้เวลาผจญภัยแล้ว!
พิพิธภัณฑ์ศิลป์แห่งชาติโอซาก้า
เช็คพอยต์กุลิโกะแห่งนัมบะ คนยังน้อย
นัมบะตอนนี้ร้านส่วนมากยังไม่เปิด ที่แรกที่แวะคือสตาร์บัคเพราะเปิด 24 ชั่วโมง ไม่ได้กินกาแฟหรอกนะ เดินไปดูโซนหนังสือข้างบนเฉยๆ ที่โซนอ่านหนังสือมีคนมานั่งหลับอยู่หลายโต๊ะทีเดียว พอเดินออกมาก็คิดได้ว่าวันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่หว่า ก็เลยนั่งกินทาโกะยากิแผงที่เปิดแต่เช้าซะหน่อย แล้วแวะคอนวิเนียนซื้อข้าวปั้นมาก้อนนึง แต่ยังไม่ทันได้กินก็เดินผ่านร้านอาเขตเกมแล้วมันมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างเลยแวะเข้าไปซะก่อน พอเข้าไปเจอบรรยากาศที่คุ้นเคยแล้วมันรู้สึกสบายใจแบบแปลกๆ พูดไปอาจจะตลก แต่สำหรับผมในร้านเกมลักษณะนี้คือสถานที่ที่รู้สึกผ่อนคลาย แม้ว่าจะมีเสียงอึกทึกอื้ออึงจากตู้เกมโหวกแหวก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหนวกหู และทันทีที่เราหยอดเหรียญแล้วนั่งลงไป พื้นที่ตรงนั้นคือโลกส่วนตัวของเรา ไม่มีใครมาข้องเกี่ยว หรือถ้ามีใครมาข้องเกี่ยวก็จะเป็นคนประเภทเดียวกัน ผมเดินวนจากชั้นล่างขึ้นบน ดูว่ามีตู้เกมอะไรมั่ง มีตู้เกมเครนเยอะเลย ส่วนมากจะเป็นคังโคเระกับเลิฟไลฟ์ แล้วก็มีโซนเกมเก่าหยอดร้อยเยนเล่นได้สองเครดิทอยู่ ผมนั่งเล่น The King of Fighters 2002 ไปกินข้าวปั้นไปอย่างเงียบๆ แต่เนื่องจากมันได้ 2 เครดิทก็เลยเล่นได้นานมาก… นานจนรู้สึกว่ากุไม่ควรจะเสียเวลากับไอ้นี่ป่ะวะ…. มาไกลถึงโอซาก้าเพื่อนั่งเล่นเกมเมื่อ 15 ปีก่อนเนี่ย…. พอเล่นไปเครดิทเดียวผมก็ปล่อยตายแล้วก็ออกสำรวจต่อ
พอออกมาเดินไปอีกนิดก็เจอร้านปาจิงโกะเต็มไปหมด ร้านใหญ่มาก ใหญ่กว่าโรงหนังอีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเดี๋ยวนี้โปรดัคชั่นปาจิงโกะถึงได้อลังการงานสร้าง โคลาโบล้านแปด ถัดมาก็เป็นไทโตะสเตชั่น ซึ่งก็คือเกมเซ็นเตอร์อีกนั่นแหละ ไอ้ครั้นจะเดินผ่านไปก็ใช่ที่เลยแวะอีกแล้ว… แล้วก็ไปนั่งเล่น The King of Fighters XIII อีก… ห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ! นั่งเล่นอย่างสบายใจสักพักก็เริ่มรู้สึกถึงความแตกต่าง โลกส่วนตัวที่ปกติคุ้นเคยนั้นมันไม่มีกลิ่นบุหรี่นี่หว่า แต่ร้านเกมที่นี่สูบบุหรี่ได้ มีที่เขี่ยให้ด้วย ตึกไทโตะสเตชั่นทั้งตึกเป็นราวกับห้องอบบุหรี่ ผมเองจริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับบุหรี่นะ แต่กลิ่นบุหรี่ที่นี่แรงมาก นั่งเล่นสักพักก็แสบคอไปหมด นี่หรือคือความแตกต่างระหว่างเกมเซ็นเตอร์ไทยกับเกมเซ็นเตอร์ญี่ปุ่น….
ไทโตะสเตชั่น AKA โรงอบบุหรี่
ตู้ KOF XIII ตู้ข้างๆ เป็น 8 in 1 ตู้เดียวสารพัดเกม
โอเค พอกันกับเกมเซ็นเตอร์ ไม่งั้นกูได้นั่งเล่นทั้งวันแน่ๆ เป้าหมายต่อไปคือเด็นเด็นทาวน์ ดินแดนที่เรียกได้ว่าเป็นอากิบาฮาระแห่งโอซาก้า ก็ไม่รู้หรอกว่าตรงไหนมันถึงเรียกเด็นเด็นทาวน์ ดู GPS แล้วเดินหาร้านอนิเมทเอา ปรากฏว่ามันอยู่ใกล้ๆ เองแฮะ ร้านแรกที่เข้ามาในสายตาคือโทราโนะอานะ เข้าไปก็เจอสินค้าโอตะคุเต็มไปหมด (ที่สำคัญคือรู้จักเกือบหมด…) พอออกจากโทราโนะอานะถึงพบว่าร้านทุกร้านในแถบนี้เป็นร้านขายสินค้าอนิเม/ฟิกเกอร์แทบทั้งหมด… นี่น่ะหรือคือเด็นเด็นทาวน์
ก่อนมาญี่ปุ่นผมมีความตั้งใจที่จะตามหาฟิกเกอร์ตัวนึง(หรือสองตัว) ก็คือฟิกเกอร์เซนโจกาฮาระเวอร์ชั่นที่ใช้ภาพต้นแบบของอุเอดะ ฮาจิเมะ เคยคิดจะสั่งซื้อแต่ไม่มีให้สั่ง หน้าตามันจะแปลกๆ หน่อย ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน
โดยปกติผมก็ไม่ได้เป็นคนเก็บฟิกเกอร์ แต่ชอบดีไซน์สองตัวนี้ ถ้ามาเด็นเด็นทาวน์แล้วเจอก็ถือเป็นวาสนาต่อกัน จะซื้อกลับไปโดยไม่เกี่ยงราคา ก็เลยเริ่มภารกิจตามหาฟิกเกอร์ในเด็นเด็นทาวน์ขึ้น ที่นี่ร้านเยอะมาก เข้าร้านนี้ออกร้านโน้นติดๆ กันไม่ได้หยุด สินค้าเยอะละลานตาไปหมด เจอสวยๆ หลายตัวเลย แต่พอคิดว่าต้องแบกกลับไปด้วยก็ไม่เอาดีกว่า ที่น่าสนใจที่สุดคือนิทรรศการของอนิเมชั่นเรื่องซาเอคาโน ที่มีภาพประกอบ ภาพร่าง คาแรกเตอร์ดีไซน์ สตอรี่บอร์ด ของซาเอไนฮีโรอินมาโชว์เพื่อโปรโมทอนิเมที่กำลังฉายอยู่ เดินเข้าก็มีเทรลเลอร์อนิเมเปิด มีเสียงคาโต้พูดโน่นพูดนี่น่าอายหลายอย่าง ผม…#ทีมคาโต้ครับ
นิทรรศการโปรโมทอนิเมเรื่องซาเอไนฮิโรอิน #ทีมคาโต้
มุมสินค้าแกงบูด
เดินวนเข้าวนออกอยู่หลายร้าน แต่ก็ยังไม่เจอฟิกเกอร์ที่ค้นหา เวลาผ่านไปเนิ่นนานเลยไปหาอะไรกินที่แมคโดนัลด์ จริงๆ ไม่ได้อยากกินแมคโดนัลด์หรอก แต่อยากชาร์จโทรศัพท์ ปัญหาคือที่แมคโดนัลด์สาขานี้มันดันไม่มีที่ชาร์จโทรศัพท์…. orz ช่างมันวะ กินเสร็จก็กลับมาหลงระเริงในเดินเด็นเด็นทาวน์ต่อ ก็ชำเลืองๆหาสินค้า FF14 กับ Bakemonogatar ด้วยแต่ว่ามีไม่มากเท่าไหร่ ถ้าเจอกาจะ FF14 นี่หมุนแน่นอน ที่ร้านโทราโนะอานะ(มั้ง) มีป้ายเขียนว่าเซย์เนนและโดจินอยู่ชั้นสาม แต่ไม่มีบันไดเลื่อน ต้องขึ้นลิฟท์ไป ประตูลิฟท์นี่อย่างกับทางวาร์ปเข้าดันเจี้ยนเลย… พอมาถึงก็เจอกับผลงานท่านเทพมากมาย ทั้งไซตอม, โฮมุนคุลัส, มิซึกิ มิคุนิ หรือสุมิยะ เดินดูนี่ก็เขินๆ อยู่ แต่คนรอบๆ ล้วนเข้าใจกัน! อย่าได้อิดออดไปเลย สุดท้ายผมก็ได้ไอเท็มติดมือมานิดหน่อย….
พอบ่ายอ่อนๆ ผมก็เดินกลับมานัมบะ พอผ่านตรงกุลิโกะเจอคนมุงเต็มไปหมด เข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบกับการแสดงสดของวงคาเมนโจชิ วงคาเมนโจชิคือวงไอดอลวงหนึ่ง จุดขายคือใส่หน้ากากเจสันเต้นและบางทีก็ร้องเพลงเมตัล แต่วันนี้ร้องเพลงไอดอลธรรมดา ยืนเต้นกันหลายๆ คนก็น่ารักครื้นเครงดี ช่วยให้รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมานิดนึง…. ตอนจบงานมีไฮทัชฟรีด้วย แต่ไม่ได้เข้าไปไฮทัชกับเค้าหรอกนะ…. นัมบะเวลาบ่ายสามนั้นช่างแตกต่างกับตอนเก้าโมงราวฟ้ากับเหว ร้านช๊อปปิ้งทุกร้านเปิดหมดแล้ว คนเดินแน่นขนัดไปทุกหนแห่ง แน่นมากๆ เสียงตะโกนโหวกแหวก ข้าวของละลานตา เข้าใจเลยว่าทำไมสาวๆ บางคนบอกไปเที่ยวโอซาก้าจะไปไหนกันก็ไป แต่ขอกุเดินนัมบะวันนึงเต็มๆ ก็พอใจแล้ว มาเห็นกับตาก็คิดว่าเดินทั้งวันก็ยังไม่ครบทุกร้านเลยเหอะ
นัมบะตอนเย็น คนเป็นล้านแล้ว
คาเมนโจชิ
หยิบหน้ากากมาใส่….
มุเรียวไฮทัช (ไฮทัชฟรี)
กุลิโกะ
สตาร์บัคที่แวะเมื่อเช้า ตอนนี้คิวยาวมาก
ภารกิจในวันนี้นอกจากตามหาฟิกเกอร์ที่ไม่สำเร็จแล้ว ยังมีต้องซื้อกระเป๋าเป็นของฝากให้คุณหญิงด้วย สเป็คที่สั่งมาคือกระเป๋าผ้าลายน่ารักๆ สะพายง่าย ใส่ของสะดวก ตอนแรกก็เจออยู่สองสามใบเลยส่งรูปผ่านไลน์ไปให้ดูว่าเอาใบไหน ปรากฏว่ายังไม่ได้อ่าน ก็เลยเดินไปเรื่อยๆ สักพักก็ตอบมา มีบทสนทนาประมาณนี้
ผม: (ส่งรูปให้ดูสองสามรูป)
ผม: เอาอันไหน
(ผ่านไปยี่สิบนาที)
คุณหญิง: ทำไมชั้นต้องเลือก
คุณหญิง: เอาทั้งหมดนั่นแหละ
คุณหญิง: คิดสิคิด นี่ถ้าชั้นไปด้วยจะต้องซื้อเยอะกว่านี้ขนาดไหน
คุณหญิง: นี่ประหยัดไปมากแล้วนะ!
คุณหญิง: กลับไปหยิบมาให้หมด!!
ผม: ครับ….
ผมเลยต้องเดินกลับไปสอยมาสองใบ และตีมึนเนียนว่าหาร้านไม่เจอแล้วไป 1 ใบเพื่อลดรายจ่าย ระหว่างเดินลุยนัมบะก็เจออีกใบที่ลายตลกดีเลยถ่ายรูปส่งไปให้ สุดท้ายก็โดนไปอีกใบ…. รวมเป็นสามใบ ข้อดีของการซื้อกระเป๋าคือเราสามารถเอากระเป๋าใส่ในกระเป๋าแล้วหิ้วไปได้อย่างง่ายดาย!
ไม่ต้องเลือก หยิบมาทั้งคู่
กระเป๋าแตงโมที่เนียนว่าหาไม่เจอแล้ว
กระเป๋าแมวพิลึก
รูปนี้ดีย์
หลังจากตะลุยฝูงชนในนัมบะได้พักใหญ่และโทรศัพท์แบตกำลังจะหมดเลยว่าจะลองชาร์จที่ตู้ชาร์จโทรศัพท์ในบิ๊กคาเมร่า แชทคุยกับเพื่อนถามวิธีใช้แต่ก็ชาร์จไม่เป็น ฮ่าๆ…. หยอดตังไปแล้วไปๆ มาๆ ก็เด้งออกมาเลย (จริงๆ คือมันต้องตั้งรหัสด้วย) ด้วยความที่โทรศัพท์เหลืออยู่ 8% และเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานแล้ว เลยตัดสินใจเผ่นกลับบ้านดีกว่า เพราะถ้าไม่มีแผนที่นี่เรื่องใหญ่แน่นอน เริ่มปั่นกลับตอนเกือบหกโมงเย็น ชั่วโมงเร่งด่วนรถเยอะมาก ไฟแดงเยอะ บนฟุทบาทก็คนเยอะ ได้แต่ปั่นไปช้าๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงย่านการค้ามิคุนิที่จำทางได้ก็โล่งอกว่ารอดแล้ว แวะร้านราเมงร้านเมื่อวานกินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียหน่อย
วันนี้สั่งชุดราเมงเผ็ด(ชื่ออะไรวะลืมแล้ว)สั่งแบบเผ็ดมากด้วย! มาถึงก็ชามใหญ่แดงฉานน่ากลัว แต่ก็ไม่เห็นเผ็ด…. พอกินได้เรื่อยๆ แบบธรรมดาเมื่อวานอร่อยกว่า กินเสร็จก็แวะลอว์สันซื้อขนมนิดนึงแล้วก็กลับบ้าน ในบ้านเงียบมาก ไม่มีใครอยู่เลย… เขาไปไหนกันหมดเนี่ย ก็อาบน้ำแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาสักพักก็หลับไป วันนี้ไม่สามารถตามหาฟิกเกอร์เซนโจกาฮาระเจอ ก็ถือว่าไม่มีวาสนาต่อกันนะ ตอนแรกว่าถ้ามีเวลาจะไปปราสาทโอซาก้าด้วย แต่กลายเป็นเดินนัมบะจนเย็นเลย ที่จริงอยากแวะอาเขตตอนกลางคืนด้วย แวะตอนเช้ามันไม่ค่อยมีคน อยากเจอเทพ เล่นกันสดๆ ให้เป็นบุญตา พรุ่งนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้วเนอะ มีแต่เตรียมตัวกลับแล้วก็เดินทางอย่างเดียว
ของกินวันนี้
ข้าวปั้น 130¥ งั้นๆ กินหลายทีแล้ว
ทาโกะยากิ 300¥ งั้นๆ
กาแฟกระป๋อง 100¥ ก็กาแฟ
ชุดบิ๊กแม็ค 660¥ ตามมาตรฐาน แต่ดันไม่มีที่ชาร์จไฟ
ชุดราเมงเผ็ด 960¥ ไม่ค่อยเผ็ด ไม่อร่อยเท่าไหร่
อควอเรียน 100¥ เหมือนของไทย
โมจิครีม 130¥ งั้นๆ