คิดว่าแทบไม่เคยเขียนถึงเรื่องของกินในนี้มาก่อนเลย คราวนี้อาจจะดูแปลกๆหน่อย ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องของกินตามร้านเท่าไหร่ ร้านดังๆ บุฟเฟท์เทพ ปลาดิบละลายบนลิ้น วากิวลายหินอ่อน อะไรพวกนี้ผมไม่เคยจะสนใจเลย นอกจากว่าแพงแล้วยังไม่รู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่กินอีกด้วย ผมชอบทำอะไรกินเองมากกว่า เดินซุปเปอร์แล้วคิดว่าจะทำอะไรกิน แล้วก็ซื้อกลับมาทำ (ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้ทำเป็นหลายอย่างหรอก)
ผมเชื่อว่ารสชาติอร่อยของแต่ละคนเนี่ย ส่วนนึง(ประมาณ 30% มั้ง)จะเกิดจากความเคยชินของคนคนนั้น อย่างก๋วยเตี๋ยวเนี่ย แต่ละคนก็ปรุงไม่เหมือนกัน ผมไม่เคยกินของคนอื่นปรุงอร่อย หรือแม้แต่ให้แม่ค้าปรุงต้มยำมาก่อนเสิร์ฟ ผมก็ว่ามันไม่อร่อย ดังนั้นสำหรับผมอาหารประเภทราเมงเนี่ย ร้านไหนปรุงเองไม่ได้จะกลายเป็นไม่อร่อยสำหรับผมทันที เคยไปกินราเมงที่ญี่ปุ่นร้านคิดว่าดังล่ะมั้ง ก็รู้สึกพะอืดพะอมมากเพราะร้านที่ญี่ปุ่นไม่ให้ปรุงรสชาติเอง ก็หมายความว่าผมคงไม่เหมาะกับอาหารประเภทนี้เท่าไหร่
ทีนี้มันมีร้านราเมงมาเปิดใกล้ๆออฟฟิศผมที่ทาวน์อินทาวน์ ขี่จักรยานไปราวๆ 3 นาที ชื่อร้านว่าเคนจังราเมง ผมเป็นพวกบ้าของใหม่ก็เลยไปกินดู สั่งเมนูเด่นของร้าน ราเมงเต้าหู้เผ็ดนรก สั่งความเผ็ดระดับสูงสุด ซึ่งก็เผ็ดอ่ะนะ แต่ไม่ได้ถึงกับทรมาน เป็นเผ็ดๆเค็มๆ น้ำมันเยอะๆ เลี่ยนๆ ส้มตำนรกแม่ค้าหน้าตาอีสานๆจะเผ็ดกว่าสองขั้น สรุปว่าไม่ประทับใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเบื่อๆก็คงมากินอีก ก่อนออกไปก็ถามคนที่ดูเหมือนเจ้าของร้านหน่อยว่า “ที่ร้านไม่มีน้ำส้มสายชูเหรอ” ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าไม่มี ก็ตามที่คิดไว้ ร้านราเมงถ้าญี่ปุ่นจ๋าจะไม่มีเครื่องปรุงให้อยู่แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าราเมงเทพมันอร่อยขนาดไหน แต่ถ้าเทียบกับ mass ทั่วไปก็พูดได้ว่าอร่อยกว่าฮาจิบังละกัน วันนั้นก็เป็นอันว่าจบแค่นั้น
หลายวันต่อมาว่างๆเลยแวะไปอีกครั้ง คราวนี้สั่งเป็นเซ็ทแทน แล้วพบว่าบนโต๊ะมีขวดน้ำส้มสายชูแล้ว แถมข้างๆยังมีโถพริกหน้าตาคล้ายๆน้ำพริกอยู่ด้วย มองๆแล้วคิดว่าเป็นตัวเดียวกับที่ใส่ในราเมงเผ็ดนรกที่กินงวดก่อน ทีนี้พอคัสตอมราเมงเองได้ เวลาตักพริกก็ตักน้ำมันน้อยๆหน่อย น้ำส้มนิด (ผมไม่ใส่น้ำตาลหรือน้ำปลาอยู่แล้ว) เห้ย อร่อยว่ะ ลงตัวมาก ข้าวผัดในเซ็ทก็อร่อยดี วันหลังมากินอีกแน่นอน (คะแนนดีกว่าคราวก่อน 2 ขั้น) ซึ่งในเวลาไม่นานเท่าไหร่ก็มีราเมงมาเปิดในโซนนั้นอีกเจ้านึง ชื่อเอโดะราเมง ลองไปกินแล้วถูกกว่านิดหน่อย (ชามละ 69) แต่ปริมาณและรสชาติเทียบไม่ได้เลย ก็ตกรอบไป เคนจังราเมงยังอร่อยสุดในซอย แถมราคาก็กำลังดี โชยุราเมงชามละ 99 ชามใหญ่มวาก แต่ถ้าออฟชั่นเยอะๆก็ชามละเกือบ 200 เหมือนกัน หลังจากพบว่าราเมงร้านนี้คัสตอมได้ผมก็แวะมากินเรื่อยๆ ราคาชามละ 99 แล้วมีชาฟรี(อร่อย) ผ้าเย็นแถม เทียบกับร้านข้างทาง เกาหลา 50 ข้าวเปล่า 10 น้ำ 15 กากหมู 20 แล้วราคาก็แทบจะไม่ต่างกันเลย
สิ่งที่ผมกังวลก็คือทาวน์อินทาวน์เนี่ยมันค่อนข้างเป็นโซนปราบร้านอาหารกลางวัน คือแถวนี้มีออฟฟิศเยอะ คนเยอะ กลางวันเดินกันขวักไขว่ แต่อย่าหวังว่าซาลารี่มังเหล่านี้จะกินอะไรพิศดาร พวกเขากินก๋วยเตี๋ยวไก่ ส้มตำ ข้าวมันไก่ อาหารตามสั่ง ร้านรวงอะไรหาญกล้ามาเปิดเช่นร้านเสต๊ก พิซซ่า ร้านอาหารฝรั่ง ร้านอาหารอิตาเลียน ล้วนต้องพับเสื่อเก็บกลับไปทุกราย ที่เห็นบ่อยที่สุดคือร้านกาแฟ ถ้าร้านไหนเช่าพื้นที่แล้วเปิดร้านชิคๆ สโลวไลฟ์ขายกาแฟ ฟันธงได้เลยว่าเจ๊งแน่นอน คนแถวนี้เขากินกาแฟรถเข็นแก้วละ 20 ครับ ดีหน่อยก็กาแฟซุ้มแก้วละ 40 ร้านไหนโต๊ะหรูติดแอร์เจ๊งแน่นอน
ปกติผมจะไปกินราเมงตอนบ่ายสอง คนจะน้อย ประมาน 1-2 โต๊ะ ก็เลยพาลสงสัยว่าแล้วตอนเที่ยงคนจะน้อยมั้ยวะ ก็เลยลองไปตอนที่ยงครึ่งดู ครับ….มีกูนั่งซดอยู่โต๊ะเดียวเลยครับ แถมพนักงานเริ่มจะจำผมได้แล้ว ไอ้นี่มาสั่งราเมงแล้วนั่งอ่านการ์ตูนบ่อยๆ หลังจากนั่งกินหมดแล้วผมก็ตัดสินใจทันทีว่าต้องเอามาเขียนลง blog บันทึกไว้ซะหน่อย เพราะร้านนี้….เจ๊งแน่นอนครับ
มีแต่รูปราเมงเผ็ด แถมรูปโชยุราเมงแบบปกติตอนยังไม่ปรุงหน่อย
ทาวอินทาวถ้าผมไปวิจัยรังสี, ปกติจะกินร้านป้า-แกงตักที่มีถาพเยอะๆ ร้านอยู่ซ้ายมือ
ปลาราดพริกอร่อยดี