ระหว่างรอ 3.0 มีเวลาว่างๆประมานเดือนนึงเลยไปหาเกมมาเล่นแก้เซ็งจาก Steam ได้มา 2 เกม เกมแรกที่เล่นคือ Akiba’s Trip 2 ซื้อมาราคาเกือบเต็ม ลดจึ๋งเดียวแค่ 10% ที่อยากเล่นก็เพราะเคยเล่นภาคแรกบน PSP ซึ่งมันก็พิลึกๆกากๆแต่ก็สนุกแบบแปลกๆ… เคยเขียนไปแล้วที่ Undress & Undead หลังจากเล่นไปไม่ถึงอาทิตย์ก็จบ! ว่างอีกแล้ว! เลยซื้อ Hyperdimension Neptunia Rebirth;2: Sisters’ Generation สุดยอดคุโซะเกม(เกมกาก)ที่กล้าออกมาแล้วถึง 7 ภาค ไอ้ตอนภาคแรกออกลดราคาก็ไม่ได้ซื้อ พอตอนว่างจะเล่นก็มีแต่ภาคสองที่เพิ่งออกแล้วลดราคา ก็เลยเล่นมันภาค 2 เลยนี่แหละวะ หาได้กลัวไม่! จากปากคำคนที่ซื้อมาเล่นก่อนหน้าได้บอกสั้นๆแค่ว่า “สนุกว่าเล่น Final 13 เยอะ” ก็นะ…
เนื้อเรื่องจะมีอยู่ว่า Gamindustri กำลังตกอยู่ในอันตราย มาร์เก็ทแชร์ตกอยู่ในเงื้อมมือของมาจิคอน(ตลับรอม) เหล่านางฟ้าตัวแทนคอนโซลก็โดนผนึก มีเพียงเนปเกียร์ น้องสาวของเนปจูนที่หลุดจากผนึก เลยต้องร่วมมือกับ IF และ คอมปา ออกเดินทางตามหานางฟ้ารุ่นน้องสาวคนอื่นๆ (นางฟ้ารุ่นน้องสาวในที่นี้สื่อถึงเครื่องเกม Handheld ของแต่ละค่าย) จากนั้นแก๊งเนปเกียร์และผองเพื่อนก็ต้องหาทางกอบกู้ Gamindustri จากมาจิคอนให้ได้
เนปจูนจะให้ตัวละครแต่ละตัวเป็นตัวแทนของคอนโซลแต่ละเครื่องหรือค่ายเกมแต่ละค่าย ออกต่อสู้กับเหล่าปิศาจซึ่งเป็นตัวแทนของ Piracy ต่างๆ เช่นตลับรอมเถื่อน ม๊อดชิป ที่บ่อนทำลายวงการเกม คอนเซ็ปพิลึกพิลั่นแบบนี้แหละที่ออกมาได้ตั้งหลายภาค… เอาจริงๆ เนื้อเรื่องจัดว่าดีนะครับ สิ่งแรกที่ประทับใจคือ ตัวหนังสือใหญ่มาก… ครับ อ่านง่ายมาก สงสัยเอา Build ที่ลง Handheld มาทำ ตัวหนังสือเลยอย่างบึ้ม (ผมค่อนข้างมีความคับแค้นฝังใจกับ FF14 ที่ Text Balloon ตอน Cutscene ขยายไม่ได้ นั่งห่างๆอ่านไม่ออก) เนื้อเรื่องบางทีก็จะเอาเหตุการณ์ดังๆในวงการมาแทรกเป็นมุก เอาตัวละครมาตบมุกมั่ง อ่านไปก็ขำมั่งไม่ขำมั่งอ่ะนะ นอกจากเนื้อเรื่องกับเสียงพากย์ที่ค่อนข้างดีแล้ว อีกอย่างที่ดีของเกมนี้ก็คือความต่อเนื่องของการเล่นและค้นหา เกมมีจังหวะให้คนเล่นพยายามทำเงื่อนไขบางอย่างเพื่อให้ได้บางอย่างต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆโดยไม่รู้สึกเบื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกมสมัยใหม่พลาดกันบ่อยมาก เป็นเรื่องตลกที่เกมห่วยๆกลับทำแกนของการเล่นได้ลื่นไหลกว่าเกมดังๆเสียอีก
นอกเหนือจากที่บอกข้างบนแล้ว Hyperdimension Neptunia มีอะไรเฮงซวยเยอะมาก ระบบการต่อสู้ที่มี Temporary Field แต่กลับแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์ มิติของ Gameplay ต่ำ บอส Fight ไม่สนุก บอสตัวไหนก็เหมือนกันหมด บาลานซิ่งห่วย ดันเจี้ยนดีไซน์ห่วย ใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำว่าซ้ำแล้วซ้ำอีก! ที่เหนือชั้นยิ่งกว่าคือการเปลี่ยนชื่อแม่งเฉยๆเลย!! มอนสเตอร์ก็ใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก (แต่โมเดลตัวละครฝั่งเราทำได้ดีทีเดียว) เกมค่อนข้างไม่มีมิติในการเล่นซ้ำ Character ที่เยอะแยะก็ไม่ได้มีอะไรต่างกัน แค่โยกเวทย์บางประเภทสลับไปสลับมา ร่างเมงามิที่เหมือนจะ Customize ได้เยอะแต่ความต่างของ stat เพียงเล็กทำให้ไม่มีประโยชน์อะไร เมืองทุกเมืองขายของเหมือนกันหมด รับเควสต์ได้เหมือนกันหมด ไม่มีฉากเดินในเมืองบลาๆๆๆ อื่นๆ บ่นได้มากมายสมเป็นเป็นคุโซะเกะ
อีกอย่างคือเนปจูนเป็นเกมมัลติเอนดิ้ง ถึงแต่ละเอนดิ้งก็เป็นแค่คัทซีนเพิ่ม(ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเงื่อนไขการได้เอนดิ้งนั้นๆเลย)ก็เป็นแค่คัทซีนตลกๆขำๆ แต่บางรูทที่เดินเรื่องไปก็เขียนบทออกมาได้น่าติดตามผิดคาด เนื้อเรื่องรูท Conquest นั้นจริงจังสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันอยู่ในโลกเดียวกัน แต่นอกนั้นส่วนมากก็เป็น event ขำๆไร้สาระ ขนาดปั๊ม Share เพื่อเก็บเมงามิ 4 คนเป็นพวกก็กลายเป็นเพื่อดู event คอสเพลย์หมู่…. ที่ชอบอีกอย่างคือเวลาเอาตัวละครมาเถียงกันนี่ราวกับยัดใจจริงเข้าไปด้วย อย่างตอน ยูนิเถียงกับ Brave เรื่อง Mod Chip การเข้าถึงของผู้บริโภค ความรับผิดชอบของ Developer การหมุนเวียนของอุตสาหกรรมที่ถูกต้อง จริงจังอุดมการณ์มาก แล้วก็อีกอย่างคือเกมกล้าที่ตัดอะไรบางอย่างทิ้งเพื่อความสะดวกในการเล่นของ Player โดยไม่ลังเล(หรือเรียกว่าไร้ความรับผิดชอบดี?) เกมกล้าที่จะตัดการต่อสู้ทิ้งไปทันทีที่ Player ได้ Ability บางอย่างมา เวลาเข้าการต่อสู้จะกลายเป็นจบการต่อแล้วได้ EXP, เงิน ทันที ไม่ต้องกดอะไรเลย ใช้ได้กับศัตรูแทบทุกตัวในเกม เร่งสปีดการต่อสู้กลายเป็นเรื่องตลกไปเลย
เกมแนวนี้ยังไงก็ต้องเน้นขายคาแรกเตอร์ เนปเกียร์ตัวเอกภาคนี้เป็นเด็กขี้อายแต่จริงจัง รับผิดชอบ มุ่งมั่น เรียกว่าเป็นเด็กดีมากๆ ต่างกับพี่สาวเนปจูนราวฟ้ากับเหว เนปจูนจะเหมือนเด็กไฮเปอร์ อะไรไม่รู้กูไม่สนกูฮาอย่างเดียว กูเป็นตัวเอกเดี๋ยวก็ชนะเองแหละ แล้วในเกมก็จะมีตัวละครสุดโต่งเยอะแยะไปหมด โดยตัวตบมุกในมุมมองคนปกติก็คือ IF (อ่านว่าไอเอฟ) จะคอยตบมุกตัวละครต่างๆ ถ้าเรียงลำดับความมีสามัญสำนึกของตัวละครก็จะเป็น IF>เนปเกียร์>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>ที่เหลือ>>>>>เนปจูน สรุปว่าภาคนี้ชอบ IF สุดครับ เพราะมันดูมีสติสัมปัญชัญญะกว่าตัวละครอื่นๆดี เวลาตบมุกอะไรจะรู้สึกตรงกับไอ้ที่อยากพูดเองจริงๆ ถึงยิ่งใช้ไปนานจะยิ่งกากเมื่อเทียบกับตัวละครใหม่ๆที่เข้าตี้มาทุกที ถึงขนาดมี event ที่ IF ออกมาบ่นว่าเนปเกียร์อย่าเก่งมากไปกว่านี้เลย เดี๋ยวบทฉันจะน้อยลงไปอีก…
เขียนได้ยาวกว่าที่คิดอีก… สรุปว่าถ้ามีเวลาและรับได้กับความไม่รับผิดชอบบางอย่าง จะหามาเล่นก็ไม่น่าจะผิดหวังล่ะมั้ง
ปล. เสียงคอมปาแม่งนอยส์มาก
ปล.2 เนปเนปคนพากย์เดียวกับท่าน Kan-E-Senna
ปล.3 แล้วก็ซื้อ KOF98UM, KOF2002 และ This War of Mine มาตอน Steam Summer Sales
IF นี่ตัวอวยครัฟ ภาค1 เอาไว้ break guard ดีอยู่นะ แต่ภาค 2 พึ่งเล่นไปได้หน่อยเดียวเอง ได้ยายเรดมาตัวเดียวเก่งดีอยู่ ภาค 2 นี่คาดหวังว่าจะมีตัวฮีลที่ใช้แทนยายคอมปาได้….รำคาญเสียงมาก..
ภาคนี้สมัย ps3 พวกแก๊งพี่สาวพอได้มาจะเป็นแก๊งขยะ มีท่าไม่กี่ท่า แถมมีแต่ท่ากากๆทุกตัว จนเกมต้องออกแพชเสริมเพิ่มท่าให้… (คือสมัยภาค 1 มันเอาระบบ Trinity Universe อภิมหาคุโซเกมของค่ายเดียวกันมาใช้ พอภาคสองขึ้นไปถึงเปลี่ยนเป็นระบบแบบปัจจุบัน เลยโคตรจะไม่ตั้งใจดีไซน์ท่าของตัวละครที่ไม่ใช่ตัวหลัก ส่วนภาค rebirth นี่คงแพชมาให้แล้วมั้ง)
พอภาคหน้า (V) เนปเกียร์ก็จะโดนจับใส่ trait ตัวประกอบ…กว่าจะโผล่คือจะจบเกมอยู่แล้ว มึงจะโผล่มาทำใม!
ไม่นะเนปเกียร์!