ไม่ได้เขียนถึงอนิเมแบบเจาะจงเรื่องมานานพอสมควร ตอนแรกก็ยังไม่อยากเขียนเพราะรู้สึกว่าควรจะให้มันจบก่อน ตอนนี้ฉายถึงตอน 23 ก็เพิ่งคิดได้ว่าควรจะเขียนไปตั้งแต่ตอนที่จบครึ่งแรก…. แต่ไหนๆก็ไหนๆ เขียนไปเลยก็แล้วกัน
ชิโรบาโกะแปลว่ากล่องขาว ในที่นี้หมายถึงงานมาสเตอร์ต้นฉบับก่อนจะ On Air ที่เขียนเปิดดูเป็นการภายใน ซึ่งมักจะมาในกล่องสีขาว สำหรับชิโรบาโกะที่เป็นอนิเมเรื่องนี้เป็นเรื่องของกลุ่มสาวน้อย 5 คนที่ก้าวเข้าสู่วงการอนิเมชั่น แต่ละคนก็ทำงานแตกต่างกันไป เป็นอนิเมเตอร์ เป็นนักพากย์ เป็น 3D Modeller เรียนมหาลัยแต่สนใจเรื่องเขียนบท และเป็นเจเนรัลเบ๊ (ครบ 5 คนนะ?)โดยเรื่องจะโฟกัสที่สตูดิโอมุซาชิอนิเมชั่น ซึ่งตัวเอกของเรื่อง 2 คนทำงานอยู่ มีการนำเสนอขั้นตอนการผลิตอนิเมชั่นแบบจริงจัง ลงลึกตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ความสัมพันธ์ต่างๆของหน้าที่ ปัญหาที่เกิดระหว่างทำงาน เส้นทางชีวิตของแต่ละคน ชิโรบาโกะเป็นอนิเมชั่นที่ตัวละครเยอะ แต่ว่าทุกคนมีความสำคัญแตกต่างกันและมีแง่มุมให้พูดถึงมากมาย
ที่ชอบก็เพราะว่ามันให้ความรู้สึกถึงการทำงานจริงๆ บรรยากาศในเรื่องมันดูคุ้นเคยก็เลยมีอารมณ์ร่วม เวลาเครียดก็เครียดตาม เวลาโล่งใจก็โล่งใจตาม คนที่ชอบเรื่องนี้มักจะเป็นคนทำงานแล้ว เพราะจะซึมซับบรรยากาศได้ง่าย จะให้ดีก็ควรจะมีพื้นฐานเรื่องอนิเมชั่นระดับนึงด้วยจะทำให้ยิ่งดูสนุก ดังนั้นกลุ่มตลาดหลักอาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ ชิโรบาโกะสอดแทรกสาระการผลิตอนิเมได้อย่างลงตัว บทเรื่องนี้เขียนออกมาได้คมมาก มีแง่มุมให้ขบคิดและอบอุ่นอยู่เสมอ ซึ่งปกติแล้วอนิเมของ P.A. จะมีเนื้อหาค่อนข้างเบา ไม่ได้มีสาระและเรื่องราวที่ซับซ้อนมากนัก ชิโรบาโกะแตกต่างจากอนิเมทั่วๆไปของ P.A. แต่ก็ทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากมันยาวตั้ง 24 ตอน พอดูไปเรื่อยๆ มันก็ชักจะลืมๆความรู้สึกความประทับใจตอนแรกๆไปซะก่อนจะเขียนอะไร ก็เลยมาจด Point ที่ชอบเอาไว้ก่อนจะลืมไปยิ่งกว่านี้
• พัฒนาการและมุมมองของอาโออิจัง (รับมืองานจนหัวปั่น, สับสนว่าตัวเองทำอะไรอยู่และเพื่ออะไร)
• พัฒนาการของเอมะ (ความฝันที่มองไม่เห็นปลายทาง, ความไม่มั่นใจในปัจจุบัน, ความหล่อของปู่)
• กว่าจะมาเป็นโกธิคโลลิซามะ (พัฒนาการของอนิเมเตอร์ 3+1 คน เปรียบเทียบความแตกต่าง)
• เส้นทางชีวิตของมี่จัง (มองเห็นอนาคตของตัวเองชัดเจนเกินไป, ความฝันกับความเป็นจริงที่ต้องเลือก)
• ชีวิตบัดซบของสึกะจัง (การแข่งขันของวงการนักพากย์ที่ไร้ความปราณี)
• การส่งต่อของเจนเนอเรชั่น (การทำอนิเมชั่นแต่ละยุคที่แตกต่างกันและสิ่งที่ส่งต่อกันมา)
ลิสต์ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยๆมาเพิ่มถ้านึกออก ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชิโรบาโกะมีเสน่ห์ของตัวเองคือมุกตลกเสียดสีกึ่งแฟนตาซี ผมไม่รู้ว่ามันควรจะเรียกว่าอะไร แต่ก็คงมีคำจัดกัดความที่ชัดเจนอยู่ละมั้ง คือมันจะมีบางตอนที่มีวิชวลเหนือจริงแทรกเข้ามา เช่นสาวๆนั่งก๊งอยู่ก็มองเห็นเรือเจ็ดเทพบินผ่านแล้วนึกถึงตอนทำอนิเมชั่นสมัยเรียน ผู้กำกับคิดตอนจบออกก็มีสามสาวเอ็กโซดัสออกมายกนิ้วโป้งให้ หรือเวลาอาโออิจังเครียดมากๆ ตุ๊กตาสองตัวจะออกมาคุยกัน วิชวลพวกนี้ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่อง แต่ทำให้เราเข้าใจอารมณ์ของตัวละครได้ง่ายขึ้น เวลาดูมันจะรู้สึกว่า “แม่งอารมณ์นั้นเลย” ขึ้นมาอยู่ในใจ
อีกอย่างที่ชอบก็คือตัวละคร Cameo ที่แทรกเข้ามาเป็นสีสันในเรื่อง ตัวละครที่คล้ายนักพากย์ที่มีอยู่จริง เจ้าของสตูดิโอที่มีอยู่จริง อนิเมเตอร์ที่มีอยู่จริง ทำให้เรื่องมีน้ำหนักมากขึ้น และยังสนุกที่จะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย ตัวละครสีสันที่เด่นสุดก็คงเป็น ฮิเดอากิ อันโนะ (ผกก.เอวานเกลียน) โผล่มานิดเดียวแต่ว่าฮามาก หน้าตานี่สำเนาถูกต้องจนตกใจ ส่วนตัวมองว่าเรื่อง Cameo นี้ P.A. เล่นแค่เบาๆ ถ้าเป็น Shaft แม่งคงเล่นอย่างเหี้ย แต่เท่านี้แหละกำลังดีแล้วเนอะ… อยากให้มีตัวละครจาก Shaft โผล่มามั่งจัง
เรื่องสนุกอีกอย่างก็คือบทสนทนาระหว่างตัวละคร โดนเฉพาะในวงเหล้า ชิโรบาโกะเป็นอนิเมที่มีฉากสาวๆก๊งเหล้าเยอะมาก เวลาคุยกันก็จะสมจริงหน่อย เมาธ์กันทุกเรื่อง หลายๆเรื่องก็เผยกันในวงเหล้า(เฉกเช่นชีวิตจริง) คุยกันเรื่องงาน เรื่องคนที่ไม่ชอบขี้หน้า เรื่องผัว (แต่สาวๆตัวหลักยังไม่มีแฟนสักคนนะ) คุยกันไปเรื่อย เราก็นั่งฟังมันไปสนุกดี เอ้อ ถึงชิโรบาโกะจะดูโลกสวย ทุกคนเป็นคนดี แต่ก็สะท้อนความโหดร้ายหรือความงี่เง่าของวงการออกมาไม่น้อย ทั้งเรื่องใช้แรงงานอนิเมเตอร์หนักและกดค่าแรง เส้นสายในวงการนักพากย์ ปัญหาขัดแย้งภายใน ทัศนคิตแย่ๆ หลายๆครั้งเสียดสีออกมาจนเลือดอาบซิบๆ เลย แต่ P.A. ก็ยังใจดี ปล่อยให้เห็นแสงสว่างปลายทาง เวลาที่ตัวละครต่างๆข้ามพ้นอุปสรรคสำเร็จ ก็อดไม่ได้ที่จะยินดีด้วยเสมอ
พรุ่งนี้(คืนนี้)ก็จะฉายตอนจบแล้ว
ปล. ผมอยู่พรรคเอมะ