วันก่อนมีกระแสเรื่องข่าวญี่จะกวาดล้างอนิเม/มังงะละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเตอร์เน็ท ก็มีเกรียนไทยคุใหญ่คุน้อยออกมาแสดงความเห็นกันมากมาย(หัวเราะ) แต่ด้วยว่ามันหลายวันจนประเด็นเรื่องที่อยากจะพูดเริ่มรางเลือนไปหมดแล้ว…. ไอ้ที่พอจำได้ก็คือ มีคนมาโวยวายอกอีแป้นจะแตกว่าญี่ปุ่นบ้าไปแล้ว วงการอนิเม/มังงะญี่ปุ่นจะถึงทางตัน อนาคตตกต่ำล่มจม ซึ่งคนที่มาโวยวายแบบนี้ก็ไม่ได้มากหรอก แม้จะไม่น่าเชื่อแต่มันก็มีอยู่จริงๆ แต่ประเด็นที่จะพูดถึงมันจะมีอยู่สองอย่าง (เริ่มนึกออกแล้ว)
อย่างแรกก็คือปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์กับ Media บันเทิงมันมีมานานแล้ว และเป็นปัญหาที่คุกคามงานสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยสเกลเรื่องนี้ใหญ่เกินไป ขอจับแคบๆแค่เกี่ยวกับอนิเม/มังงะ กับสื่อทางอินเตอร์เน็ทพอละกัน ทุกวันนี้คนโหลดอนิเมมาดูหรืออ่านมังงะผ่านทางแสกนจนแทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่เลวร้ายที่สุดก็คือเด็กรุ่นใหม่จำนวนมากไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสอนิเม/มังงะ ตามกลไกระบบที่ถูกต้อง (แผ่น DVD, หนังสือการ์ตูน) ซึ่งมันทำให้ขาดความเข้าใจตั้งแต่รากโคนจนยากที่จะแก้ไข
อย่างที่สองก็คือการกวาดล้างสื่อละเมิดลิขสิทธิ์ทางอินเตอร์เน็ทในทางรูปธรรมนั้นเป็นไปไม่ได้ อ่านแล้วอย่างเพิ่งโวยวายสิ้นหวัง(หรือดีใจออกนอกหน้า?) ตราบใดที่สื่อยังเป็นดิจิตอลและอินเตอร์เน็ทสามารถส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การห้ามละเมิดทางอินเตอร์เน็ทนั้นไม่ว่าจะเข้มงวดขนาดไหนก็เป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างเช่นทางฝั่งซอฟท์แวร์นั้นคิดค้นอะไรออกมาป้องกันมากมายมหาศาล สุดท้ายแล้วก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย
แต่ตราบใดที่อนิเม/มังงะยังอยู่ในรูปแบบนี้ ก็จะโดนคุกคามจากอินเตอร์เน็ทไปเรื่อยๆ โครงการ Manga Anime Guardian หรือ M.A.G จึงเกิดขึ้นมา รายละเอียดโครงการผมขี้เกียจพูดถึง อ่านเอาตามสะดวก อย่างที่บอกในประเด็นแรกคือเด็ก Generation ใหม่บางคนไม่เข้าใจกระทั่งกลไกการค้าขายตามปกติเลยด้วยซ้ำ (การซื้อหนังสือมาอ่าน) ทุกวันนี้เขาเปิดคอมพิวเตอร์ คลิกๆ ก็มีการ์ตูนให้อ่าน อนิเมให้ดูมากมายโดยไม่เสียเงินสักบาท ซึ่งมันผิด และด้วยความสะดวกสบายในการเข้าถึงชนิดที่หนังสือการ์ตูนเป็นเล่มเทียบไม่ได้เลยแม้ซักกระผีก โครงการ M.A.G ก็เลยใช้วิธีในเมื่ออ่านกันแบบนั้น ก็เลยทำให้อ่านเองเสียเลย แถมยังอ่านแบบเหมาอ่านเสียด้วย ในโครงการนั้นได้ชี่ช่องให้อ่านมังงะแสกนหรือดูอนิเมแบบถูกกฏหมาย โดยเสียค่าบริการเป็นรายเดือนเหมาจ่ายในราคาไม่แพง ตรงนี้เม็ดเงินที่หมุนกลับมาอาจจะไม่ได้มากมายอะไร แต่สิ่งที่ได้อีกอย่างก็คือการประกาศว่าสินค้าเหล่านี้นั้นมีผู้สร้างสรรค์เป็นตัวเป็นตน และเชื่อมต่อเข้ากับกลุ่มลูกค้าและกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบนั้นๆ ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นจุดสำคัญ และในทางดิจิตอล การอ่านออนไลน์นั้นมีต้นทุนที่ต่ำมากอยู่แล้ว
รู้สึกว่าเนื้อหายังไม่จบยังไงไม่รู้ แต่นึกไม่ออกแล้วว่าควรจะเขียนอะไรต่อ สรุปสั้นๆละกันว่า ก่อนที่กระเป๋าตังจะห่างไปกว่านี้ พวกมึงจงหยิบมาวางไว้ใกล้ๆโดยพลัน