ถึงยามะคันจะจากไปแล้ว! แต่อย่ามาคันยังคงอยู่!
แต่ถึงอย่ามาคันจะคงอยู่ตรงนี้ก็ตาม ด้วยความบอบช้ำทางจิตใจจาก Fractale นั้น
ยามะคันจะไม่มีวันอยู่ในใจของอย่ามาคันแน่นอน!
(อยากเล่นมุกนี้มานานแล้ว….)
ก็พบกันอีกแล้วสำหรับ An Unbiased Review ประจำ Spring Anime 2011 ซึ่งในซีซั่นนี้อาจจะช้ากว่าทุกทีก็เพระว่าอนิเมมันฉายเหลื่อมกันค่อนข้างมาก บางเรื่องฉายไปสองตอนแล้วอีกเรื่องยังไม่ได้ฉายซักกะตอน ผมก็พยายามรอให้มากที่สุดแล้วจึงค่อยเขียน บอกไว้เลยแล้วกันว่าผมไม่เขียนเรื่องที่เป็นภาคต่อ (เช่นมาเรียโฮลิก อไลพ์, กินทามะ, เซียนดมรัก) แล้วก็ไม่เขียนถึงจัมพ์อนิเม (โทริโกะ) ส่วนเรื่องที่ฉายช้ามากอย่างเดดแมนวันเดอร์แลนด์ หรือ ยาโอย..เอ้ยอาโอยโนะเอ็กซ์โซซิสต์ นั้นถ้ามีเวลาว่างอาจจะเติมเข้าไปทีหลัง
สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนนั้นจะปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โดยคะแนนที่เป็นเปอร์เซนต์นั้นจะวัดจากความน่าติดตามและความสนุกของอนิเมเรื่องนั้น ซึ่งอาจจะรวมไปถึงภาพรวมของอนิเมเรื่องนั้นด้วย ส่วนคะแนนที่เป็นเกรดตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้นจะเปลี่ยนเป็นความมีคุณภาพของอนิเมทางด้านภาพ เสียง เอ็ฟเฟ็คส์ อนิเมชั่น นักพากย์ ซึ่งไม่รวมกับบท ความสมจริง เนื้อเรื่อง หรือ ความสนุก มุกตลก ก็ช่วยทำให้คะแนนทั้งสองส่วนแยกจากกันชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ด้วยกรณีพิเศษ เรื่องใดก็ตามที่ผมทนดูไม่จบ ไม่ว่าคุณภาพงานก่อนหน้าจะเป็นเยี่ยงไร จะได้รับ F และ 0% ไปทันที
ไหนๆก็ไหน ผมก็ขอพูดถึงซีซั่นที่แล้วสักหน่อย ซึ่งคิดว่าก็จะต้องมีคนถามอยู่แล้วก็ตอบเอาไว้เลย ซีซั่นก่อนเรื่องที่ผมดูจนจบก็มี โฮโรมุสุโกะ, ซอมบี้, Fractale สามเรื่องเท่านั้น แล้วก็มี Star Driver ที่ตกค้างมาจากซีซั่นก่อนโน้น ส่วนมาโดกะนั้นยังฉายไม่จบจึงไม่นับไปด้วย ทั้งสามเรื่องนี้ผมชอบโฮโรมุสุโกะที่สุด แน่นอนว่าหลายๆคนคงขยาดเรื่องนี้เพราะมันมีเนื้อหาที่ป่วย มีตัวละครมีปัญหาทางจิตมากมาย แต่อนิเมเรื่องมีบรรยากาศที่งดงาม มีปมปัญหาหลายอย่างให้ขบคิด ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทำออกมาได้อย่างละเมียดละไม (ซึ่งเป็นจุดเด่นของผู้เขียนอยู่แล้ว) จุดด้อยก็คงเป็นความเรียบง่ายเกินไปจนกลายเป็นความไม่น่าสนใจ แต่ถ้าลองตั้งใจดูจะรู้ว่าตัวละครอย่าง จิบะ ซาโอริ นั้นสุดยอดกว่าสาวๆยกฮาเรมจากอนิเมบางเรื่องที่แกล้งทำเป็นว่ามีเนื้อหาไซไฟเสียอีก(หัวเราะ)
เรื่องที่เหลืออย่าง Star Driver นั้นผมก็ชอบ มันมีสไตล์ที่ตั้งใจให้งี่เง่าเพื่อให้คนดูโฟกัสไปที่ความงี่เง่าจนสนุกขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และซอมบี้ก็เป็นอนิเมที่ผมชอบมากเลย นี่เป็นตัวอย่างการดัดแปลงต้นฉบับมังงะเป็นอนิเมให้สนุกขึ้นอย่างชาญฉลาด มันมีจังหวะยิงมุกตลกที่สนุก มีเซอร์วิสให้โมเอ้ตาย มีบทซึ้งให้ประทับใจ มีฉากมันส์ให้ลุ้น มีฉากกุโร่ให้แหวะ ซึ่งปกติแล้วผมจะแอนตี้หนังที่มีคำจำกัดความว่า “ครบรส” เพราะคำว่า “ครบรส” นั้นมันหมายถึงไม่มีอะไรดีสักอย่าง แต่เรื่องซอมบี้ทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ผมลองพลิกๆต้นฉบับมังงะแล้วพบว่าธรรมดามากๆ เรื่องนี้ต้องชมการดัดแปลงเป็นอนิเมจริงๆ
สุดท้ายคือเรื่อง Fractale ที่ทำให้ผมที่เพิ่งดูตอนจบถึงกับต้องสบถว่า WHAT THE FRACTALE! ออกมาแรงๆ และโอดครวญขอเวลาที่เสียไปคืนมา ช่วงต้นเรื่องนั้นผมชอบ Fractale พอสมควร มันเป็นอนิเมมีพล๊อท มีบรรยากาศ มีแฟนตาซีเบาๆ ให้ความรู้สึกเหมือนดูเรื่องนาเดียตอนเด็กๆ… แต่พอหลังจากตอนที่ 10 ไป มันกลายเป็นอะไรไม่รู้….. มันเอาตัวละครทั้งหมดยัดเข้าไปในกล่องวิเศษ แล้วก็เปิดประตูไปไหนก็ได้ให้ตัวละครเจอกันแล้วก็ทำ Event ให้ตายๆไปทีละคน ปมทุกอย่างถูกเฉลยทะลักออกมาราวกับสำรอก เหมือนทำอนิเมยาว 52 ตอน แล้วเอาตอนที่ 11~52 มารวมกันเป็นตอนเดียว มันไม่เหลืออะไรให้จดจำ ตัวละครทั้งหมดโดนพัดพาไปราวกับสึนามิโหมกระหน่ำ เหลือเพียงเศษซากและจุดจบของ…ยามะคัน
…บ่นยาวไปหน่อยมั้งเนี่ย เอาเป็นว่าถ้าขี้เกียจก็ข้ามๆไปอ่านรีวิวเลยละกัน งวดนี้เรียงจากคะแนนน้อยนะ
อ้อ อันไหนกราฟมันสั้นๆ แสดงว่าเรื่องนั้นมันเป็นอนิเมสั้น 15 นาทีนะครับ
Dog Days
อนิเมแนวแฟนตาซีที่โปรโมทเหมือนจะสนุก แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วไม่ได้เรื่องอย่างหาทีเปรียบไม่ได้ เนื้อหานั้นอยู่ในระดับที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 10 ขวบจะเอนจอยครื้นเครงได้อย่างสุขสันต์ โลกทัศน์ในเกมคล้ายคลึงกับโลกของ Tales of แต่ดันมีโจโคโบะ พระเอกเป็นผู้กล้า พอข้ามโลกมาก็แข่งกีฬาสี(โหดมันฮา?)กู้โลกกัน ถึงขนาดมีป้ายุ้ยพากย์นางเอก ป้าเจ็ดร้องเพลงเปิด ก็ช่วยอะไรอนิเมเรื่องนี้ไม่ได้ หากคิดจะดูอนิเมเรื่องนี้ให้สนุก คุณต้องละทิ้งเหตุและผลไปก่อน และทำตัวให้เหมือนเด็กอายุ 10 ขวบที่โลกนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด หรือไม่ก็…ถ้าพวกคุณแค่เห็นหูหมาหูแมวเยอะๆแล้วเกิดความดื่มด่ำในหัวใจจนสามารุละเลยเหตุผลจากตรรกะสามัญสำนึกได้ อนิเมเรื่องก็อาจจะสนุกขึ้นมาบ้าง….สักนิดนึงละมั้ง
Check Point: สำหรับเด็ก, หูหมา, แฟนตาซีอะไรวะ
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
พวกกรูไม่มีปีก
มีคนเตือนผมว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมจาก Navel อย่าไปเสียเวลาดูมันเลย อนิเมอย่างซอมบี้มันไม่ได้มีกันบ่อยๆหรอก ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร พอได้เปิดดูสักพักผมก็เริ่มสับสน!? ผมควรจะชมหรือด่าดีกับการที่อนิเมเรื่องนี้สามารถแนะนำตัวละครหญิงครบทุกธรรมเนียมนิยมตั้งแต่ น้องสาว เพื่อนสมัยเด็ก ยั่ว ดอกส์ ซึนเดเระเข้าฮาเร็มของพระเอกพร้อมเซอร์วิสได้ในเวลาไม่ถึง 3 นาที ไม่ต้องแม้แต่แนะนำชื่อเลยด้วยซ้ำ แถมด้วยครึ่งหลังของเรื่องที่เป็นบทสนทนาไร้สาระของใครก็ไม่รู้กับใครก็ไม่รู้ที่ราวกับจะเผาไหม้เซลสมองของผมให้ลุกเป็นไฟ สุดท้ายผมก็หมดความอดกลั้นลากไทม์ไลน์ไปดูเพลงปิดที่ไม่ได้เรื่องพอๆกัน แล้วก็ดีลีทมันทิ้งไปจากสมองในที่สุด
Check Point: ฮาเรมที่แนะนำได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์, ดูจบได้เป็นยอดคน
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
โฮชิโซระ
Typical อนิเมจากเกมลามกจีบสาว พระเอกกลับมาเจอเพื่อนสมัยเด็กหกล้มหน้าทิ่มจูบกัน ผมไม่คิดว่าจนป่านนี้ปี 2011 แล้ว ถึงเทอร์มิเนเตอร์จะยังไม่มีจริง แต่ก็ไม่คิดว่าจะยังมีคนสิ้นคิดใช้มุกโบราณคร่ำครึแบบนี้อยู่อีก ทันทีที่จบซีนเห่ยๆอันนี้ผมก็ปิดมันอย่างไม่ยี่หระต่อเรื่องราวฮาเรมลุ้นเลือกนางเอกในอนาคตแม้แต่น้อย
Check Point: หกล้มหน้าทิ่มจูบกันยังมีอยู่จริง
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
Aเชนเน่หรุ
เรื่องนี้นั้นเคยมีข่าวลือว่าเกียวอนิจะเป็นคนทำ แต่ไปๆมาๆก็กลายเป็นสตูอะไรไม่รู้ที่เป็นเศษซากของกอนโซแทน ดีไซน์ตัวละครน่ารักดี เรื่องเต็มไปด้วยมิตรภาพที่เกินจำเป็นของหญิงสาว ยูริกันโจ๋งครึ่มแต่หาความสนุกไม่เจอเลย ดูทื่อๆ เงียบๆ ยัดเยียดๆ ด้วยความเห็นของผม สำหรับ A Channel นี้ ถ้าหากเกียวอนิทำแล้วยัดเยียดโมเอ้แฟคเตอร์(ไม่ใช่ชื่อคน)ลงไปในตัวละครเยอะๆ ผมว่าก็เพียงพอที่จะเติมเต็มจิตใจที่แห้งเหี่ยวของเหล่าโอตาคุในซีซั่นนี้แล้ว และด้วยการอาศัยเคองเป็นพี่เลี้ยงก็อาจจะฉุดยอดขายไปได้ถึงสองหมื่นห้าพันชุดอย่างสบาย… แต่บังเอิญมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
Check Point: มิตรภาพที่เกินความจำเป็น, จืด, จะเขินอะไรนักหนา
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
ล๊อตเต้
สำหรับอนิเมเรื่องนี้นั้น เราจะได้พบกับคุกกี้ในบทบาทที่แสนจะคุ้นเคย นั่นก็คือโลลิเตี้ยซึนแบน แต่อนิเมเรื่องก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่มีเนื้อหาสาระและการนำเสนอที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ข้อดีของเรื่องเลย ผมก็ยังบอกไม่ได้เลยว่ามันไม่ดีอย่างไร มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่หลงเหลืออะไรเลย
Check Point: เบื่อคุกกี้
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
อาเรียกระสุนแดงเดือด
งานเด่นของ J.C. ประจำซีซั่นนี้ที่มีผู้ให้เสียงนางเอกเป็น คุกิมิยะ ริเอะ อีกแล้ว เปิดตัวตอนแรกนั้นทำได้แย่อย่างร้ายกาจ เฮงซวยทั้งเรื่องและภาพ เห็นได้ชัดเลยว่าทีมของ J.C. ที่ย้ายไปนั้นส่งให้งานดรอปลงมากมายขนาดไหน ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ผมอดเป็นห่วงอลิส(คามิซามะโนเมโมโช) งานของ J.C. ซีซั่นหน้านั้นจะทำร้ายจิตใจผมเพียงใด สำหรับตัวเรื่องนั้น ผมไม่เคยอ่านฉบับนิยาย ไม่รู้ว่าแฟนบอยไลท์โนเวลเรื่องนี้จะออกมาแก้ต่างแทนหรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่าอาเรียเป็นไลท์โนเวลธรรมดาๆ ที่จับเอาจุดที่โอตาคุเห็นแล้วร้องบุหี้เหมือนหมูมายำรวมกันโดยไม่ต้องคำนึงถึงพล๊อตหรือความสมจริงเลย มันเต็มไปด้วยความเพ้อเจ้อ ช่องโหว่ และยัดๆที่โอตะอยากเห็นลงไป
Check Point: ขาลงของ J.C., กระโปรงต้านแรงโน้มถ่วง, เบื่อคุกกี้
คุณภาพงาน: D-
ความน่าติดตาม: 2%
30 ยังซิง
อนิเมสั้นเกี่ยวกับผู้ชายวัยสามสิบที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศของจริง เกริ่นเรื่องมาเหมือนจะแตกต่างจะอนิเมเสื่อมทั่วไป แต่สุดท้ายมุกตลกที่ใช้กลับไม่ได้แตกต่างอะไรเลย ไม่ขำ ไม่ฮา ไม่ลึก แต่อาจจะเสียดแทงใจโอตาคุวัยสามสิบอัพบางคนก็เป็นได้
Check Point: ไม่เสื่อมอย่างที่พยายาม, โดนใจใครหรือเปล่า
คุณภาพงาน: D
ความน่าติดตาม: 12%
เซนโกกุโอโตเมะ
มันมาอีกแล้ว แนวตัวละครในประวัติศาสตร์แปลงเพศโมเอ้ไร้ผู้ชาย งวดนี้ก็เป็นตัวละครยอดนิยมอย่างโนบุนากะ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจทั้งนั้น ดูจบตอนได้แบบหัวสมองปลอดโปร่ง และจากนี้ไปก็คงไม่ได้พบกันอีกแล้ว
Check Point: ไม่มี
คุณภาพงาน: C
ความน่าติดตาม: 19%
นิจิโจ
เดิมทีนั้นผมตั้งความหวังเอาไว้มากเลยนะสำหรับเรื่องนี้(หัวเราะ) กะว่าแรงแน่งวดนี้เกียวอนิเอ๋ย แต่หลังจากที่ดูจบผมก็รู้สึกเศร้าสร้อยเห็นใจแฟนบอยเกียวอนิทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากจะตบไหล่พวกเขาเบาๆ ชี้ไปยังอาทิตย์อัสดงแล้วบอกว่าพวกเขาว่าพรุ่งนี้ยังมีหวังอยู่นะ….
นิจิโจวเป็นการ์ตูนตลกตบมุกที่ไม่ตลกเลยสักนิดเดียว ไม่มีความโมเอ้เลยสักนิดเดียว และมีตัวละครหน้าตาเหมือนเบ็กกี้อยู่ แต่หากถามว่างานภาพดีใหม ผมก็ต้องตอบว่างานอนิเมชั่นนั้นอยู่ในระดับสูงมากไม่เสียแรงที่เกียวอนิทำ แต่ก็อดถามไม่ได้ว่ามาเสียแรงกับฉากไร้สาระพวกนี้ไปทำไมกัน มุกตลกในนิจิโจวนั้นสร้างความฮากริบได้ผลชะงักงัน โอเคผมให้คะแนนพิเศษสำหรับเรื่องนี้ตรงที่ว่ามุกในเรื่องนั้น “เป็นมุกตลก” จริงๆ ไม่ได้เกิดจากการ “ล้อเลียนคนอื่น” แต่ถึงจะให้คะแนนพิเศษไปแล้วยังไงมันก็ไม่ตลกอยู่ดีนั่นหล่ะ
Check Point: เบ็กกี้, จารบีหน่อยมั้ย, ไส้กรอก
คุณภาพงาน: B+
ความน่าติดตาม: 21%
โดโรรอน เอนมะคุง เมร่าเมร่า
อนิเมที่หน้าหนังเหมือนจะขายเด็ก แต่เอาเข้าจริงๆเด็กๆมาดูคงไม่ดี เป็นเรื่องเกี่ยวกับผีและยมบาล มีผีตัวโน้นตัวนี้มาก่อเรื่องแล้วก็ปราบ แต่ด้วยความที่งานต้นฉบับเป็นของนางาอิ โก มันก็เลยสอดแทรกเรื่องเกี่ยวกับเพศลงไปเยอะเลย งานดีมาก ฉากแอ็คชั่น เอ็ฟเฟ็คส์ตอนสู้อลังการเนี๊ยบเนียนดี แต่รวมๆแล้วกลับไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะโครงเรื่องที่ล้าสมัยและการเล่าเรื่องที่ธรรมดาและดูเด็กไป
Check Point: ยูกิอนนะไม่ใส่กางเกงใน
คุณภาพงาน: B
ความน่าติดตาม: 25%
สำนักพิมพ์เกย์
อนิเมเกย์ไม่เคยห่างหายไปจากจอทีวี สำหรับซีซั่นนี้เป็นสำนักพิมพ์เกย์แทน ดีไซน์และงานอนิเมชั่นคุณภาพค่อนข้างแย่ แต่เรื่องราวที่จับเอาเรื่องในกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์นั้นดูน่าสนใจดี ใจจริงแล้วผมอยากดูต่อมากเลย แต่การที่มันเกย์จ๋าอย่างไม่เกรงใจสามัญชน ทำเอาผมหนักใจพอสมควร
Check Point: เกย์, เกย์, เกย์
คุณภาพงาน: D
ความน่าติดตาม: 29%
เฮนเซมิ
อนิเมที่เดิมเป็น OVA แล้วก็กระจายมาเป็น TV Series ตอนสั้นๆแทน เฮนเซมิเน้นมุกสัปดนเสื่อมทรามแบบแท้จริง ไม่ได้แกล้งสัปดนเล่นๆเหมือนหลายๆเรื่อง มุกในเรื่องจำเป็นต้องใช้ทักษะ(?)ในการย่อยพอสมควร ลายเส้นเวอร์ชั่น TV นั้นดูด้อยกว่า OVA เยอะ แต่มุกสัปดนนั้นไม่แพ้กัน แถมยังขนนักพากย์ชื่อดังมาพูดจาลามกมากมาย ดังนั้นเฮนเซมิเรื่องนี้จึงเป็นวาระดิถีอันดีที่เราจะได้เซคุฮาระ ฮานาซาว่า คานะ กันให้สมใจไปเลย แถมเรื่องนี้ยังสั้นๆ ดูง่าย ไม่ต้องใช้สมาธิอะไรมาก
Check Point: มุกลามก, NTR
คุณภาพงาน: C
ความน่าติดตาม: 35%
โซฟุเทนิส
เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์เซอร์วิสจาก Xebec ต่อจากคาโนคร่อมและเลดี้บัทเลอร์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทนนิสบังหน้า แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นอนิเมเซอร์วิสตลกโปกฮามากกว่า แต่สิ่งที่ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ดีกว่าเซอร์วิสเรื่องอื่นๆ ก็คือมันไม่ต้องลีลา จะโชว์ก็โชว์ จะหื่นก็หื่น มีมุกตลกบ้างกำลังดี ทำให้ดูได้สนุกอย่างไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องรำคาญกับบทเห่ยๆยัดเยียด เพราะมันตลกแด๊กกันอย่างเดียว แต่ก็บอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้เซ็นเซอร์อันเบื้อเริ่มเทิ่มเลยนะ
Check Point: นมใหญ่มาก, กางเกงในชัดมาก, เซอร์วิสมาก
คุณภาพงาน: C
ความน่าติดตาม: 45%
อาซาเซลซัง
การ์ตูนสั้นแนวเสื่อมลามกที่นางเอกใส่แว่น มุกตลกอยู่ในระดับค่อนข้างไปในทางตลก เสื่อมในระดับสามัญชนเข้าใจได้ สำหรับเรื่องนี้ตอนแรกนั้น เราจะได้เห็นบทบาทที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้ของ คุกิมิยะ ริเอะ กันที่นี่เอง งานก็โอเคอยู่ละมั้ง ดูได้สบายๆ
Check Point: เสื่อม, สาวแว่น, บทบาทที่ดีสุดในซีซั่นนี้ของคุกกี้
คุณภาพงาน: C
ความน่าติดตาม: 43%
C
เรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับที่ทำหน้งให้ดูไม่รู้เรื่องได้เก่งกว่าชินโบเสียอีก แต่หลังจากดูก็ให้ความรู้สึกสองอย่างคือ “มันน่าจะเจ๋ง” กับ “มันคือดิจิมอน” ตัวเรื่องเปิดมาเหมือนซีเรียส และเล่นกับเงินและความโลภของมนุษย์ แต่กลับสื่อออกมาได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ งานโดยรวมไม่ดีไม่แย่ พระเอกเฟลนิดๆตามสมัยนิยม ฉากตัวตลกเกลี้ยกล่อมพระเอกดูสนุกดี แต่พอเข้าไปในโลกของเงินแล้วจะกลายเป็นสู้กับด้วยดิจิมอนแทนหรือเปล่า? จุดเด่นของเรื่องแนวนี้คือการต่อสู้ที่ฉลาดและสนุก ถ้ากลายเป็นว่าสู้กันแบบโปเกมอนดิจิมอนนับตัวเลขดาแมจกันมันจะกลายเป็นงี่เง่าไปในทันที
Check Point: ดิจิมอน, NTR, ตกลงจะเกี่ยวกับเงินใหม
คุณภาพงาน: C+
ความน่าติดตาม: 43%
X-Men
ซีรี่ส์ฮีโร่จากอเมริกาต่อเนื่องเป็นซีซั่นที่ 3 ของแมดเฮาส์ นับจากไอรอนแมน วูลฟ์เวอรีน ก็มาถึง X-Men งานดีมาก คาแรกเตอร์ดีไซน์ก็กลับมาอิงต้นฉบับโดยผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นลงไปนิดหน่อย วูลฟ์เวอรีนไม่เป็นอิเคเมงแล้ว ไปฟิตกล้ามปลูกขนหน้าอกมาเรียบร้อย สตอร์มแจ่มมาก เปิดเรื่องมาเป็นตอนที่จีนเกรย์ได้รับพลังจากฟินิกส์แล้ว เฟลกันสักพักก็ไปญี่ปุ่นกัน ฉากหลัง แอ็คชั่น ทำได้ดีมาก ผมเป็นคนที่รู้จัก X-Men ผ่านทางเกมไฟติ้งของแคบคอมเท่านั้น ได้มาดู X-Men อันนี้ทำให้รู้จักเรื่องราวมากขึ้น ส่วนที่ไม่ชอบก็คืออนิเมพยายามสื่อให้รู้สึกว่าเหล่ามิวแตนด์นั้นถูกรังเกียจโดยมนุษย์ธรรมดาได้ยัดเยียดมาก(ตอนที่ 2) ดูฉากที่เกิดขึ้นมันไม่สมจริงแถมยังตลกๆ เท่าที่ติดตาม(ตอนแรก)ของซีรี่ส์ฮีโร่จากฝั่งอเมริกามาสามเรื่อง X-Men อันนี้ดูเป็นอันที่น่าสนใจที่สุดเลย
Check Point: โลงังมีกล้ามแล้ว, สตอร์มแจ่มจรัส, จริงจังกว่าที่คิด
คุณภาพงาน: B
ความน่าติดตาม: 52%
เสือกระต่าย
การตึความคำว่า “ฮีโร่” ในแบบที่ไปไกลสุดกู่ ฮีโร่ในเรื่องนี้กลายเป็นสินค้าเชิงพานิชย์เต็มรูบแบบ เต็มรูปแบบจริงๆจนมีสปอนเซอร์ของจริงเลย แถมยังเยอะมากเสียด้วย ดีไซน์ตัวละคร งานภาพ เทคนิคการนำเสนอ เรื่องไทเกอร์แอนด์บันนี่นั้นทำออกมาได้ดีทีเดียว มีการวางบทและเบื้องลึกของตัวละครอย่างเหมาะสม ฉากแอ็คชั่นก็ดูสนุก เนื้อหาก็แปลกใหม่ดี รวมๆแล้วจัดว่าดึเลย ถ้าจะนับข้อเสียที่ทำให้เหล่าโอตาคุเสียใจก็คงเป็นไม่มีตัวละครสาวน้อยมากหน้าหลายตามารุมล้อมพระเอกละมั้ง แต่พระเอกเป็นลุงกับคู่หูหนุ่มหล่อก็อาจจะกลายเป็นโดนใจสาวฟุแทน?
Check Point: โฆษณากันไม่ต้องอาย, อยากกินเป๊บซี่เน็กส์
คุณภาพงาน: B
ความน่าติดตาม: 57%
E.T. ผีมัดฟูก
งานล่าสุดจากชาฟท์ประจำซีซั่นนี้ (ไม่รวมมาโดกะที่ยังฉายไม่จบ) ตัวงานมีสไตล์ผิดแผกจากปกติชาฟท์พอสมควร คือมีสีสันจัดจ้าน การขยับที่รายละเอียดสูง คาแรกเตอร์ดีไซน์สวยงามพร้อมรายละเอียด จำนวนคัทที่สามัญธรรมดา แต่ก็ยังมีกลิ่นชาฟท์เดิมๆอยู่นิดหน่อย เช่นเพลงโอเพนนิ่งที่ชวนให้บันดาลโทสะ เสียงอู้อี้ๆของเอริโอ้ มุมกล้องที่เห็นแล้วปวดคอ เดนปะอนนะเรื่องนี้นั้นมีต้นฉบับมาจากไลท์โนเวลที่ถูกวิจารณ์ว่าเลียนแบบสไตล์ของนิชิโอะ ตัวอนิเมเดินเรื่องตามไลท์โนเวลแทบทุกกระเบียดนิ้ว จึงทำให้บทพูดค่อนข้างเยอะและยังออกไปทางน้ำมากกว่าเนื้อจนน่าเบื่อไปบ้าง เอริโอ้นั้นเป็นตัวละครที่นอกจากจะพูดศัพท์ยากๆแล้ว ยังพูดด้วยเสียงอู้อี้ๆๆตลอดเวลาจนปวดหัว เนื้อเรื่องโดยรวมแล้วก็พอดูได้ แต่ไม่ถึงกับโดดเด่นหรือน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ก็น่าติดตามว่าชาฟท์ที่ทำงานแบบคุณภาพสูง(กว่าปกติ) จนแทบจะเรียกได้อนิเมตลาดทั่วไปนั้นจะออกมาในรูปแบบใด
Check Point: ฟูก, รำคาญเอริโอ้, ภาพสวยจัง
คุณภาพงาน: B+
ความน่าติดตาม: 60%
สไตน์เกท
อนิเมสร้างจากเกมสุดมึน ตอนแรกก็สุดมึนจริงๆ ก่อนอื่นก็ต้องค่อยๆปรับตัวว่าพระเอกมันเป็นห่าอะไรวะเนี่ย โม้อะไรเพ้อเจ้อโอเวอร์รีแอ็คติ้ง ลำดับเรื่องก็ชวนให้สับสน มายูชี่ก็น่ารักไม่บันยะบันยัง เซลสมองของผมเหมือนกับจะฟุตเวิร์คเดมซี่โรลทุกครั้งที่มายูชี่พูด….และทำให้รู้ว่า ฮานาซาว่า คานะ นั้นเหมาะสมกับบทสาวสมองกลวงเป็นที่สุด ตัวเรื่องตอนแรกนั้นจะบอกเป็นนัยๆเกี่ยวกับเรื่องการข้ามเวลา งานภาพของ White Fox ก็อยู่ในระดับที่ไม่เลว รักษาเอกลักษณ์ของตัวละครจากในเกมได้เป็นอย่างดี รวมๆแล้วแม้ว่าจะดูไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงอนาคตที่น่าติดตามไม่น้อย
Check Point: ตุ๊ดตุรู้ว~♪, , ระวัง Trap, ผู้ใหญ่เวลาเพ้อเจ้อแล้วดูไม่ดีอย่างไร
คุณภาพงาน: B
ความน่าติดตาม: 75%
บ้านทรายทอง
งานใหม่ครบรอบ 10 ปี P.A. Works (true tears, Angel Beat!) ที่คุณภาพงานไร้ที่ติ เป็นเรื่องราวของสาวน้อยวัยแรกรุ่นที่ทิ้งรักแรกมาอยู่กับยายที่บ้านนอก แต่ก็กลายเป็นว่าต้องสู้ชีวิตแทน งานภาพสวยอย่างเหลือเชื่อ แต่เนื้อหาค่อนข้างแหวกแนวอนิเมทั่วไปอยู่ ไปๆมาๆก็กลายเป็นว่าอาจจะคุ้นเคยกับคนไทยแทนเพราะเนื้อหาคล้ายคลึงละครน้ำเน่าบ้านเราเหลือเกิน…. อิโรฮะสู้ชีวิตผจญบ้านทรายทอง กลัวเหลือเกินว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นอนิเมที่ดีแต่ขายไม่ออกอีกเรื่องนึง เพราะเนื้อหาแนวผจญปัญหาชีวิต ความพยายาม ความอุตสาหะ นั้นดูโอตาคุจะไม่ชอบกันสักเท่าไหร่ แม้ตัวละครจะหน้าตาน่ารักสุดโมเอ้(ออกแบบโดย คิชิดะ เมล) ก็ไม่รู้จะดึงดูดสมาธิโอตาคุพอหรือไม่ แถมเรื่องนี้ยังยาวตั้ง 24 ตอน ไม่รู้โอตะทั้งหลายคงจะหมดแรงดูเบื่อชีวิตหมวยลำเค็ญ เลิกดูกันไประหว่างทางหรือเปล่า แต่ว่าเนื้อที่จริงของอนิเมเรื่องนี้มีมุมมองดีๆ(?)อยู่มากมายนา…..
Check Point: โอชิน 2011, ไปตายซะ, หม่อมแม่ซึนเดเระ
คุณภาพงาน: A
ความน่าติดตาม: 83%
อีดอกส์นั่น
สำหรับอีดอกนั่น(Ano Hana)เรื่องนี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้ An Unbiased Review ประจำซีซั่นนี้มาช้า อาโนฮานะนั้นเป็นงานจากค่าย A1 ฉายช้ากว่าชาวบ้านร่วมสองอาทิตย์(แต่ก็ไม่ได้ช้าที่สุด) มีการโปรโมทน้อยมาก แถมยังไม่ค่อยน่าสนใจนัก นอกจากว่าทีมงานกลุ่มนึงของ J.C ย้ายมาอยูที่ A1 แต่ทันทีที่ดูจบลงอนิเมเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่น่าจับตามองที่สุดในซีซั่นนี้ไปในทันที
อาโนะฮานะมีความลงตัวทั้งการเล่าเรื่องอย่างลุ่มลึก เพลงที่ไพเราะและลงตัว และความมีมิติของตัวละคร จุดที่โดดเด่นที่สุดคือบรรยากาศความถวิลหาวัยเด็กที่ทำให้คนดูสะท้อนถึงตัวเอง การเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงทำให้เราค่อยๆถักทอเรื่องราวขึ้นมาเป็นรูปร่าง ทิศทางของเรื่องนี้ชัดเจนและเดาไม่ยาก แต่สิ่งที่เราอยากรับรู้ไม่ใช่ผลที่เกิดขึ้น แต่เป็นการกระทำที่จะไปให้ถึงผลนั้นต่างหาก อาโนะฮานะเป็นอนิเมที่ควรได้รับคำชมด้วยคุณภาพของตัวมันเองอย่างแท้จริง ไม่มีโมเอ้(กระมัง…)ไม่มีเซอร์วิส…. ไม่มีมัตสึริ(เทศกาล) ไม่มีแฟนบอยจัดตั้ง แต่กลับทำให้ประทับใจได้ในทันที นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้เจออนิเมที่ทำรู้สึกแบบนี้
Check Point: อนัลบิทช์, หน่อไม้ดอง ; ;, Nostalgia
คุณภาพงาน: A
ความน่าติดตาม: 95%
ปล. อนิเมที่ยังไม่ได้เขียน ยาโอยโนะเอ็กโซซิสต์, เดดแมนวันเดอร์แลนด์, โมชิโดร่า
แต่ถึงอย่ามาคันจะคงอยู่ตรงนี้ก็ตาม ด้วยความบอบช้ำทางจิตใจจาก Fractale นั้น
ยามะคันจะไม่มีวันอยู่ในใจของอย่ามาคันแน่นอน!
(อยากเล่นมุกนี้มานานแล้ว….)
ก็พบกันอีกแล้วสำหรับ An Unbiased Review ประจำ Spring Anime 2011 ซึ่งในซีซั่นนี้อาจจะช้ากว่าทุกทีก็เพระว่าอนิเมมันฉายเหลื่อมกันค่อนข้างมาก บางเรื่องฉายไปสองตอนแล้วอีกเรื่องยังไม่ได้ฉายซักกะตอน ผมก็พยายามรอให้มากที่สุดแล้วจึงค่อยเขียน บอกไว้เลยแล้วกันว่าผมไม่เขียนเรื่องที่เป็นภาคต่อ (เช่นมาเรียโฮลิก อไลพ์, กินทามะ, เซียนดมรัก) แล้วก็ไม่เขียนถึงจัมพ์อนิเม (โทริโกะ) ส่วนเรื่องที่ฉายช้ามากอย่างเดดแมนวันเดอร์แลนด์ หรือ ยาโอย..เอ้ยอาโอยโนะเอ็กซ์โซซิสต์ นั้นถ้ามีเวลาว่างอาจจะเติมเข้าไปทีหลัง
สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนนั้นจะปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โดยคะแนนที่เป็นเปอร์เซนต์นั้นจะวัดจากความน่าติดตามและความสนุกของอนิเมเรื่องนั้น ซึ่งอาจจะรวมไปถึงภาพรวมของอนิเมเรื่องนั้นด้วย ส่วนคะแนนที่เป็นเกรดตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้นจะเปลี่ยนเป็นความมีคุณภาพของอนิเมทางด้านภาพ เสียง เอ็ฟเฟ็คส์ อนิเมชั่น นักพากย์ ซึ่งไม่รวมกับบท ความสมจริง เนื้อเรื่อง หรือ ความสนุก มุกตลก ก็ช่วยทำให้คะแนนทั้งสองส่วนแยกจากกันชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ด้วยกรณีพิเศษ เรื่องใดก็ตามที่ผมทนดูไม่จบ ไม่ว่าคุณภาพงานก่อนหน้าจะเป็นเยี่ยงไร จะได้รับ F และ 0% ไปทันที
ไหนๆก็ไหน ผมก็ขอพูดถึงซีซั่นที่แล้วสักหน่อย ซึ่งคิดว่าก็จะต้องมีคนถามอยู่แล้วก็ตอบเอาไว้เลย ซีซั่นก่อนเรื่องที่ผมดูจนจบก็มี โฮโรมุสุโกะ, ซอมบี้, Fractale สามเรื่องเท่านั้น แล้วก็มี Star Driver ที่ตกค้างมาจากซีซั่นก่อนโน้น ส่วนมาโดกะนั้นยังฉายไม่จบจึงไม่นับไปด้วย ทั้งสามเรื่องนี้ผมชอบโฮโรมุสุโกะที่สุด แน่นอนว่าหลายๆคนคงขยาดเรื่องนี้เพราะมันมีเนื้อหาที่ป่วย มีตัวละครมีปัญหาทางจิตมากมาย แต่อนิเมเรื่องมีบรรยากาศที่งดงาม มีปมปัญหาหลายอย่างให้ขบคิด ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทำออกมาได้อย่างละเมียดละไม (ซึ่งเป็นจุดเด่นของผู้เขียนอยู่แล้ว) จุดด้อยก็คงเป็นความเรียบง่ายเกินไปจนกลายเป็นความไม่น่าสนใจ แต่ถ้าลองตั้งใจดูจะรู้ว่าตัวละครอย่าง จิบะ ซาโอริ นั้นสุดยอดกว่าสาวๆยกฮาเรมจากอนิเมบางเรื่องที่แกล้งทำเป็นว่ามีเนื้อหาไซไฟเสียอีก(หัวเราะ)
เรื่องที่เหลืออย่าง Star Driver นั้นผมก็ชอบ มันมีสไตล์ที่ตั้งใจให้งี่เง่าเพื่อให้คนดูโฟกัสไปที่ความงี่เง่าจนสนุกขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และซอมบี้ก็เป็นอนิเมที่ผมชอบมากเลย นี่เป็นตัวอย่างการดัดแปลงต้นฉบับมังงะเป็นอนิเมให้สนุกขึ้นอย่างชาญฉลาด มันมีจังหวะยิงมุกตลกที่สนุก มีเซอร์วิสให้โมเอ้ตาย มีบทซึ้งให้ประทับใจ มีฉากมันส์ให้ลุ้น มีฉากกุโร่ให้แหวะ ซึ่งปกติแล้วผมจะแอนตี้หนังที่มีคำจำกัดความว่า “ครบรส” เพราะคำว่า “ครบรส” นั้นมันหมายถึงไม่มีอะไรดีสักอย่าง แต่เรื่องซอมบี้ทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ผมลองพลิกๆต้นฉบับมังงะแล้วพบว่าธรรมดามากๆ เรื่องนี้ต้องชมการดัดแปลงเป็นอนิเมจริงๆ
สุดท้ายคือเรื่อง Fractale ที่ทำให้ผมที่เพิ่งดูตอนจบถึงกับต้องสบถว่า WHAT THE FRACTALE! ออกมาแรงๆ และโอดครวญขอเวลาที่เสียไปคืนมา ช่วงต้นเรื่องนั้นผมชอบ Fractale พอสมควร มันเป็นอนิเมมีพล๊อท มีบรรยากาศ มีแฟนตาซีเบาๆ ให้ความรู้สึกเหมือนดูเรื่องนาเดียตอนเด็กๆ… แต่พอหลังจากตอนที่ 10 ไป มันกลายเป็นอะไรไม่รู้….. มันเอาตัวละครทั้งหมดยัดเข้าไปในกล่องวิเศษ แล้วก็เปิดประตูไปไหนก็ได้ให้ตัวละครเจอกันแล้วก็ทำ Event ให้ตายๆไปทีละคน ปมทุกอย่างถูกเฉลยทะลักออกมาราวกับสำรอก เหมือนทำอนิเมยาว 52 ตอน แล้วเอาตอนที่ 11~52 มารวมกันเป็นตอนเดียว มันไม่เหลืออะไรให้จดจำ ตัวละครทั้งหมดโดนพัดพาไปราวกับสึนามิโหมกระหน่ำ เหลือเพียงเศษซากและจุดจบของ…ยามะคัน
…บ่นยาวไปหน่อยมั้งเนี่ย เอาเป็นว่าถ้าขี้เกียจก็ข้ามๆไปอ่านรีวิวเลยละกัน งวดนี้เรียงจากคะแนนน้อยนะ
อ้อ อันไหนกราฟมันสั้นๆ แสดงว่าเรื่องนั้นมันเป็นอนิเมสั้น 15 นาทีนะครับ
Dog Days
อนิเมแนวแฟนตาซีที่โปรโมทเหมือนจะสนุก แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วไม่ได้เรื่องอย่างหาทีเปรียบไม่ได้ เนื้อหานั้นอยู่ในระดับที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 10 ขวบจะเอนจอยครื้นเครงได้อย่างสุขสันต์ โลกทัศน์ในเกมคล้ายคลึงกับโลกของ Tales of แต่ดันมีโจโคโบะ พระเอกเป็นผู้กล้า พอข้ามโลกมาก็แข่งกีฬาสี(โหดมันฮา?)กู้โลกกัน ถึงขนาดมีป้ายุ้ยพากย์นางเอก ป้าเจ็ดร้องเพลงเปิด ก็ช่วยอะไรอนิเมเรื่องนี้ไม่ได้ หากคิดจะดูอนิเมเรื่องนี้ให้สนุก คุณต้องละทิ้งเหตุและผลไปก่อน และทำตัวให้เหมือนเด็กอายุ 10 ขวบที่โลกนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด หรือไม่ก็…ถ้าพวกคุณแค่เห็นหูหมาหูแมวเยอะๆแล้วเกิดความดื่มด่ำในหัวใจจนสามารุละเลยเหตุผลจากตรรกะสามัญสำนึกได้ อนิเมเรื่องก็อาจจะสนุกขึ้นมาบ้าง….สักนิดนึงละมั้ง
Check Point: สำหรับเด็ก, หูหมา, แฟนตาซีอะไรวะ
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
พวกกรูไม่มีปีก
มีคนเตือนผมว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมจาก Navel อย่าไปเสียเวลาดูมันเลย อนิเมอย่างซอมบี้มันไม่ได้มีกันบ่อยๆหรอก ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร พอได้เปิดดูสักพักผมก็เริ่มสับสน!? ผมควรจะชมหรือด่าดีกับการที่อนิเมเรื่องนี้สามารถแนะนำตัวละครหญิงครบทุกธรรมเนียมนิยมตั้งแต่ น้องสาว เพื่อนสมัยเด็ก ยั่ว ดอกส์ ซึนเดเระเข้าฮาเร็มของพระเอกพร้อมเซอร์วิสได้ในเวลาไม่ถึง 3 นาที ไม่ต้องแม้แต่แนะนำชื่อเลยด้วยซ้ำ แถมด้วยครึ่งหลังของเรื่องที่เป็นบทสนทนาไร้สาระของใครก็ไม่รู้กับใครก็ไม่รู้ที่ราวกับจะเผาไหม้เซลสมองของผมให้ลุกเป็นไฟ สุดท้ายผมก็หมดความอดกลั้นลากไทม์ไลน์ไปดูเพลงปิดที่ไม่ได้เรื่องพอๆกัน แล้วก็ดีลีทมันทิ้งไปจากสมองในที่สุด
Check Point: ฮาเรมที่แนะนำได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์, ดูจบได้เป็นยอดคน
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
โฮชิโซระ
Typical อนิเมจากเกมลามกจีบสาว พระเอกกลับมาเจอเพื่อนสมัยเด็กหกล้มหน้าทิ่มจูบกัน ผมไม่คิดว่าจนป่านนี้ปี 2011 แล้ว ถึงเทอร์มิเนเตอร์จะยังไม่มีจริง แต่ก็ไม่คิดว่าจะยังมีคนสิ้นคิดใช้มุกโบราณคร่ำครึแบบนี้อยู่อีก ทันทีที่จบซีนเห่ยๆอันนี้ผมก็ปิดมันอย่างไม่ยี่หระต่อเรื่องราวฮาเรมลุ้นเลือกนางเอกในอนาคตแม้แต่น้อย
Check Point: หกล้มหน้าทิ่มจูบกันยังมีอยู่จริง
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
Aเชนเน่หรุ
เรื่องนี้นั้นเคยมีข่าวลือว่าเกียวอนิจะเป็นคนทำ แต่ไปๆมาๆก็กลายเป็นสตูอะไรไม่รู้ที่เป็นเศษซากของกอนโซแทน ดีไซน์ตัวละครน่ารักดี เรื่องเต็มไปด้วยมิตรภาพที่เกินจำเป็นของหญิงสาว ยูริกันโจ๋งครึ่มแต่หาความสนุกไม่เจอเลย ดูทื่อๆ เงียบๆ ยัดเยียดๆ ด้วยความเห็นของผม สำหรับ A Channel นี้ ถ้าหากเกียวอนิทำแล้วยัดเยียดโมเอ้แฟคเตอร์(ไม่ใช่ชื่อคน)ลงไปในตัวละครเยอะๆ ผมว่าก็เพียงพอที่จะเติมเต็มจิตใจที่แห้งเหี่ยวของเหล่าโอตาคุในซีซั่นนี้แล้ว และด้วยการอาศัยเคองเป็นพี่เลี้ยงก็อาจจะฉุดยอดขายไปได้ถึงสองหมื่นห้าพันชุดอย่างสบาย… แต่บังเอิญมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
Check Point: มิตรภาพที่เกินความจำเป็น, จืด, จะเขินอะไรนักหนา
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
ล๊อตเต้
สำหรับอนิเมเรื่องนี้นั้น เราจะได้พบกับคุกกี้ในบทบาทที่แสนจะคุ้นเคย นั่นก็คือโลลิเตี้ยซึนแบน แต่อนิเมเรื่องก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่มีเนื้อหาสาระและการนำเสนอที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ข้อดีของเรื่องเลย ผมก็ยังบอกไม่ได้เลยว่ามันไม่ดีอย่างไร มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่หลงเหลืออะไรเลย
Check Point: เบื่อคุกกี้
คุณภาพงาน: F
ความน่าติดตาม: 0%
อาเรียกระสุนแดงเดือด
งานเด่นของ J.C. ประจำซีซั่นนี้ที่มีผู้ให้เสียงนางเอกเป็น คุกิมิยะ ริเอะ อีกแล้ว เปิดตัวตอนแรกนั้นทำได้แย่อย่างร้ายกาจ เฮงซวยทั้งเรื่องและภาพ เห็นได้ชัดเลยว่าทีมของ J.C. ที่ย้ายไปนั้นส่งให้งานดรอปลงมากมายขนาดไหน ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ผมอดเป็นห่วงอลิส(คามิซามะโนเมโมโช) งานของ J.C. ซีซั่นหน้านั้นจะทำร้ายจิตใจผมเพียงใด สำหรับตัวเรื่องนั้น ผมไม่เคยอ่านฉบับนิยาย ไม่รู้ว่าแฟนบอยไลท์โนเวลเรื่องนี้จะออกมาแก้ต่างแทนหรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่าอาเรียเป็นไลท์โนเวลธรรมดาๆ ที่จับเอาจุดที่โอตาคุเห็นแล้วร้องบุหี้เหมือนหมูมายำรวมกันโดยไม่ต้องคำนึงถึงพล๊อตหรือความสมจริงเลย มันเต็มไปด้วยความเพ้อเจ้อ ช่องโหว่ และยัดๆที่โอตะอยากเห็นลงไป
Check Point: ขาลงของ J.C., กระโปรงต้านแรงโน้มถ่วง, เบื่อคุกกี้
คุณภาพงาน: D-
ความน่าติดตาม: 2%
30 ยังซิง
อนิเมสั้นเกี่ยวกับผู้ชายวัยสามสิบที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศของจริง เกริ่นเรื่องมาเหมือนจะแตกต่างจะอนิเมเสื่อมทั่วไป แต่สุดท้ายมุกตลกที่ใช้กลับไม่ได้แตกต่างอะไรเลย ไม่ขำ ไม่ฮา ไม่ลึก แต่อาจจะเสียดแทงใจโอตาคุวัยสามสิบอัพบางคนก็เป็นได้
Check Point: ไม่เสื่อมอย่างที่พยายาม, โดนใจใครหรือเปล่า
คุณภาพงาน: D
ความน่าติดตาม: 12%
เซนโกกุโอโตเมะ
มันมาอีกแล้ว แนวตัวละครในประวัติศาสตร์แปลงเพศโมเอ้ไร้ผู้ชาย งวดนี้ก็เป็นตัวละครยอดนิยมอย่างโนบุนากะ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจทั้งนั้น ดูจบตอนได้แบบหัวสมองปลอดโปร่ง และจากนี้ไปก็คงไม่ได้พบกันอีกแล้ว
Check Point: ไม่มี
คุณภาพงาน: C
ความน่าติดตาม: 19%
นิจิโจ
เดิมทีนั้นผมตั้งความหวังเอาไว้มากเลยนะสำหรับเรื่องนี้(หัวเราะ) กะว่าแรงแน่งวดนี้เกียวอนิเอ๋ย แต่หลังจากที่ดูจบผมก็รู้สึกเศร้าสร้อยเห็นใจแฟนบอยเกียวอนิทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากจะตบไหล่พวกเขาเบาๆ ชี้ไปยังอาทิตย์อัสดงแล้วบอกว่าพวกเขาว่าพรุ่งนี้ยังมีหวังอยู่นะ….
นิจิโจวเป็นการ์ตูนตลกตบมุกที่ไม่ตลกเลยสักนิดเดียว ไม่มีความโมเอ้เลยสักนิดเดียว และมีตัวละครหน้าตาเหมือนเบ็กกี้อยู่ แต่หากถามว่างานภาพดีใหม ผมก็ต้องตอบว่างานอนิเมชั่นนั้นอยู่ในระดับสูงมากไม่เสียแรงที่เกียวอนิทำ แต่ก็อดถามไม่ได้ว่ามาเสียแรงกับฉากไร้สาระพวกนี้ไปทำไมกัน มุกตลกในนิจิโจวนั้นสร้างความฮากริบได้ผลชะงักงัน โอเคผมให้คะแนนพิเศษสำหรับเรื่องนี้ตรงที่ว่ามุกในเรื่องนั้น “เป็นมุกตลก” จริงๆ ไม่ได้เกิดจากการ “ล้อเลียนคนอื่น” แต่ถึงจะให้คะแนนพิเศษไปแล้วยังไงมันก็ไม่ตลกอยู่ดีนั่นหล่ะ
Check Point: เบ็กกี้, จารบีหน่อยมั้ย, ไส้กรอก
คุณภาพงาน: B+
ความน่าติดตาม: 21%
โดโรรอน เอนมะคุง เมร่าเมร่า
อนิเมที่หน้าหนังเหมือนจะขายเด็ก แต่เอาเข้าจริงๆเด็กๆมาดูคงไม่ดี เป็นเรื่องเกี่ยวกับผีและยมบาล มีผีตัวโน้นตัวนี้มาก่อเรื่องแล้วก็ปราบ แต่ด้วยความที่งานต้นฉบับเป็นของนางาอิ โก มันก็เลยสอดแทรกเรื่องเกี่ยวกับเพศลงไปเยอะเลย งานดีมาก ฉากแอ็คชั่น เอ็ฟเฟ็คส์ตอนสู้อลังการเนี๊ยบเนียนดี แต่รวมๆแล้วกลับไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะโครงเรื่องที่ล้าสมัยและการเล่าเรื่องที่ธรรมดาและดูเด็กไป
Check Point: ยูกิอนนะไม่ใส่กางเกงใน
คุณภาพงาน: B
ความน่าติดตาม: 25%
สำนักพิมพ์เกย์
อนิเมเกย์ไม่เคยห่างหายไปจากจอทีวี สำหรับซีซั่นนี้เป็นสำนักพิมพ์เกย์แทน ดีไซน์และงานอนิเมชั่นคุณภาพค่อนข้างแย่ แต่เรื่องราวที่จับเอาเรื่องในกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์นั้นดูน่าสนใจดี ใจจริงแล้วผมอยากดูต่อมากเลย แต่การที่มันเกย์จ๋าอย่างไม่เกรงใจสามัญชน ทำเอาผมหนักใจพอสมควร
Check Point: เกย์, เกย์, เกย์
คุณภาพงาน: D
ความน่าติดตาม: 29%
เฮนเซมิ
อนิเมที่เดิมเป็น OVA แล้วก็กระจายมาเป็น TV Series ตอนสั้นๆแทน เฮนเซมิเน้นมุกสัปดนเสื่อมทรามแบบแท้จริง ไม่ได้แกล้งสัปดนเล่นๆเหมือนหลายๆเรื่อง มุกในเรื่องจำเป็นต้องใช้ทักษะ(?)ในการย่อยพอสมควร ลายเส้นเวอร์ชั่น TV นั้นดูด้อยกว่า OVA เยอะ แต่มุกสัปดนนั้นไม่แพ้กัน แถมยังขนนักพากย์ชื่อดังมาพูดจาลามกมากมาย ดังนั้นเฮนเซมิเรื่องนี้จึงเป็นวาระดิถีอันดีที่เราจะได้เซคุฮาระ ฮานาซาว่า คานะ กันให้สมใจไปเลย แถมเรื่องนี้ยังสั้นๆ ดูง่าย ไม่ต้องใช้สมาธิอะไรมาก
Check Point: มุกลามก, NTR
คุณภาพงาน: C
ความน่าติดตาม: 35%
โซฟุเทนิส
เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์เซอร์วิสจาก Xebec ต่อจากคาโนคร่อมและเลดี้บัทเลอร์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทนนิสบังหน้า แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นอนิเมเซอร์วิสตลกโปกฮามากกว่า แต่สิ่งที่ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ดีกว่าเซอร์วิสเรื่องอื่นๆ ก็คือมันไม่ต้องลีลา จะโชว์ก็โชว์ จะหื่นก็หื่น มีมุกตลกบ้างกำลังดี ทำให้ดูได้สนุกอย่างไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องรำคาญกับบทเห่ยๆยัดเยียด เพราะมันตลกแด๊กกันอย่างเดียว แต่ก็บอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้เซ็นเซอร์อันเบื้อเริ่มเทิ่มเลยนะ
Check Point: นมใหญ่มาก, กางเกงในชัดมาก, เซอร์วิสมาก
คุณภาพงาน: C
ความน่าติดตาม: 45%
อาซาเซลซัง
การ์ตูนสั้นแนวเสื่อมลามกที่นางเอกใส่แว่น มุกตลกอยู่ในระดับค่อนข้างไปในทางตลก เสื่อมในระดับสามัญชนเข้าใจได้ สำหรับเรื่องนี้ตอนแรกนั้น เราจะได้เห็นบทบาทที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้ของ คุกิมิยะ ริเอะ กันที่นี่เอง งานก็โอเคอยู่ละมั้ง ดูได้สบายๆ
Check Point: เสื่อม, สาวแว่น, บทบาทที่ดีสุดในซีซั่นนี้ของคุกกี้
คุณภาพงาน: C
ความน่าติดตาม: 43%
C
เรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับที่ทำหน้งให้ดูไม่รู้เรื่องได้เก่งกว่าชินโบเสียอีก แต่หลังจากดูก็ให้ความรู้สึกสองอย่างคือ “มันน่าจะเจ๋ง” กับ “มันคือดิจิมอน” ตัวเรื่องเปิดมาเหมือนซีเรียส และเล่นกับเงินและความโลภของมนุษย์ แต่กลับสื่อออกมาได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ งานโดยรวมไม่ดีไม่แย่ พระเอกเฟลนิดๆตามสมัยนิยม ฉากตัวตลกเกลี้ยกล่อมพระเอกดูสนุกดี แต่พอเข้าไปในโลกของเงินแล้วจะกลายเป็นสู้กับด้วยดิจิมอนแทนหรือเปล่า? จุดเด่นของเรื่องแนวนี้คือการต่อสู้ที่ฉลาดและสนุก ถ้ากลายเป็นว่าสู้กันแบบโปเกมอนดิจิมอนนับตัวเลขดาแมจกันมันจะกลายเป็นงี่เง่าไปในทันที
Check Point: ดิจิมอน, NTR, ตกลงจะเกี่ยวกับเงินใหม
คุณภาพงาน: C+
ความน่าติดตาม: 43%
X-Men
ซีรี่ส์ฮีโร่จากอเมริกาต่อเนื่องเป็นซีซั่นที่ 3 ของแมดเฮาส์ นับจากไอรอนแมน วูลฟ์เวอรีน ก็มาถึง X-Men งานดีมาก คาแรกเตอร์ดีไซน์ก็กลับมาอิงต้นฉบับโดยผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นลงไปนิดหน่อย วูลฟ์เวอรีนไม่เป็นอิเคเมงแล้ว ไปฟิตกล้ามปลูกขนหน้าอกมาเรียบร้อย สตอร์มแจ่มมาก เปิดเรื่องมาเป็นตอนที่จีนเกรย์ได้รับพลังจากฟินิกส์แล้ว เฟลกันสักพักก็ไปญี่ปุ่นกัน ฉากหลัง แอ็คชั่น ทำได้ดีมาก ผมเป็นคนที่รู้จัก X-Men ผ่านทางเกมไฟติ้งของแคบคอมเท่านั้น ได้มาดู X-Men อันนี้ทำให้รู้จักเรื่องราวมากขึ้น ส่วนที่ไม่ชอบก็คืออนิเมพยายามสื่อให้รู้สึกว่าเหล่ามิวแตนด์นั้นถูกรังเกียจโดยมนุษย์ธรรมดาได้ยัดเยียดมาก(ตอนที่ 2) ดูฉากที่เกิดขึ้นมันไม่สมจริงแถมยังตลกๆ เท่าที่ติดตาม(ตอนแรก)ของซีรี่ส์ฮีโร่จากฝั่งอเมริกามาสามเรื่อง X-Men อันนี้ดูเป็นอันที่น่าสนใจที่สุดเลย
Check Point: โลงังมีกล้ามแล้ว, สตอร์มแจ่มจรัส, จริงจังกว่าที่คิด
คุณภาพงาน: B
ความน่าติดตาม: 52%
เสือกระต่าย
การตึความคำว่า “ฮีโร่” ในแบบที่ไปไกลสุดกู่ ฮีโร่ในเรื่องนี้กลายเป็นสินค้าเชิงพานิชย์เต็มรูบแบบ เต็มรูปแบบจริงๆจนมีสปอนเซอร์ของจริงเลย แถมยังเยอะมากเสียด้วย ดีไซน์ตัวละคร งานภาพ เทคนิคการนำเสนอ เรื่องไทเกอร์แอนด์บันนี่นั้นทำออกมาได้ดีทีเดียว มีการวางบทและเบื้องลึกของตัวละครอย่างเหมาะสม ฉากแอ็คชั่นก็ดูสนุก เนื้อหาก็แปลกใหม่ดี รวมๆแล้วจัดว่าดึเลย ถ้าจะนับข้อเสียที่ทำให้เหล่าโอตาคุเสียใจก็คงเป็นไม่มีตัวละครสาวน้อยมากหน้าหลายตามารุมล้อมพระเอกละมั้ง แต่พระเอกเป็นลุงกับคู่หูหนุ่มหล่อก็อาจจะกลายเป็นโดนใจสาวฟุแทน?
Check Point: โฆษณากันไม่ต้องอาย, อยากกินเป๊บซี่เน็กส์
คุณภาพงาน: B
ความน่าติดตาม: 57%
E.T. ผีมัดฟูก
งานล่าสุดจากชาฟท์ประจำซีซั่นนี้ (ไม่รวมมาโดกะที่ยังฉายไม่จบ) ตัวงานมีสไตล์ผิดแผกจากปกติชาฟท์พอสมควร คือมีสีสันจัดจ้าน การขยับที่รายละเอียดสูง คาแรกเตอร์ดีไซน์สวยงามพร้อมรายละเอียด จำนวนคัทที่สามัญธรรมดา แต่ก็ยังมีกลิ่นชาฟท์เดิมๆอยู่นิดหน่อย เช่นเพลงโอเพนนิ่งที่ชวนให้บันดาลโทสะ เสียงอู้อี้ๆของเอริโอ้ มุมกล้องที่เห็นแล้วปวดคอ เดนปะอนนะเรื่องนี้นั้นมีต้นฉบับมาจากไลท์โนเวลที่ถูกวิจารณ์ว่าเลียนแบบสไตล์ของนิชิโอะ ตัวอนิเมเดินเรื่องตามไลท์โนเวลแทบทุกกระเบียดนิ้ว จึงทำให้บทพูดค่อนข้างเยอะและยังออกไปทางน้ำมากกว่าเนื้อจนน่าเบื่อไปบ้าง เอริโอ้นั้นเป็นตัวละครที่นอกจากจะพูดศัพท์ยากๆแล้ว ยังพูดด้วยเสียงอู้อี้ๆๆตลอดเวลาจนปวดหัว เนื้อเรื่องโดยรวมแล้วก็พอดูได้ แต่ไม่ถึงกับโดดเด่นหรือน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ก็น่าติดตามว่าชาฟท์ที่ทำงานแบบคุณภาพสูง(กว่าปกติ) จนแทบจะเรียกได้อนิเมตลาดทั่วไปนั้นจะออกมาในรูปแบบใด
Check Point: ฟูก, รำคาญเอริโอ้, ภาพสวยจัง
คุณภาพงาน: B+
ความน่าติดตาม: 60%
สไตน์เกท
อนิเมสร้างจากเกมสุดมึน ตอนแรกก็สุดมึนจริงๆ ก่อนอื่นก็ต้องค่อยๆปรับตัวว่าพระเอกมันเป็นห่าอะไรวะเนี่ย โม้อะไรเพ้อเจ้อโอเวอร์รีแอ็คติ้ง ลำดับเรื่องก็ชวนให้สับสน มายูชี่ก็น่ารักไม่บันยะบันยัง เซลสมองของผมเหมือนกับจะฟุตเวิร์คเดมซี่โรลทุกครั้งที่มายูชี่พูด….และทำให้รู้ว่า ฮานาซาว่า คานะ นั้นเหมาะสมกับบทสาวสมองกลวงเป็นที่สุด ตัวเรื่องตอนแรกนั้นจะบอกเป็นนัยๆเกี่ยวกับเรื่องการข้ามเวลา งานภาพของ White Fox ก็อยู่ในระดับที่ไม่เลว รักษาเอกลักษณ์ของตัวละครจากในเกมได้เป็นอย่างดี รวมๆแล้วแม้ว่าจะดูไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงอนาคตที่น่าติดตามไม่น้อย
Check Point: ตุ๊ดตุรู้ว~♪, , ระวัง Trap, ผู้ใหญ่เวลาเพ้อเจ้อแล้วดูไม่ดีอย่างไร
คุณภาพงาน: B
ความน่าติดตาม: 75%
บ้านทรายทอง
งานใหม่ครบรอบ 10 ปี P.A. Works (true tears, Angel Beat!) ที่คุณภาพงานไร้ที่ติ เป็นเรื่องราวของสาวน้อยวัยแรกรุ่นที่ทิ้งรักแรกมาอยู่กับยายที่บ้านนอก แต่ก็กลายเป็นว่าต้องสู้ชีวิตแทน งานภาพสวยอย่างเหลือเชื่อ แต่เนื้อหาค่อนข้างแหวกแนวอนิเมทั่วไปอยู่ ไปๆมาๆก็กลายเป็นว่าอาจจะคุ้นเคยกับคนไทยแทนเพราะเนื้อหาคล้ายคลึงละครน้ำเน่าบ้านเราเหลือเกิน…. อิโรฮะสู้ชีวิตผจญบ้านทรายทอง กลัวเหลือเกินว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นอนิเมที่ดีแต่ขายไม่ออกอีกเรื่องนึง เพราะเนื้อหาแนวผจญปัญหาชีวิต ความพยายาม ความอุตสาหะ นั้นดูโอตาคุจะไม่ชอบกันสักเท่าไหร่ แม้ตัวละครจะหน้าตาน่ารักสุดโมเอ้(ออกแบบโดย คิชิดะ เมล) ก็ไม่รู้จะดึงดูดสมาธิโอตาคุพอหรือไม่ แถมเรื่องนี้ยังยาวตั้ง 24 ตอน ไม่รู้โอตะทั้งหลายคงจะหมดแรงดูเบื่อชีวิตหมวยลำเค็ญ เลิกดูกันไประหว่างทางหรือเปล่า แต่ว่าเนื้อที่จริงของอนิเมเรื่องนี้มีมุมมองดีๆ(?)อยู่มากมายนา…..
Check Point: โอชิน 2011, ไปตายซะ, หม่อมแม่ซึนเดเระ
คุณภาพงาน: A
ความน่าติดตาม: 83%
อีดอกส์นั่น
สำหรับอีดอกนั่น(Ano Hana)เรื่องนี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้ An Unbiased Review ประจำซีซั่นนี้มาช้า อาโนฮานะนั้นเป็นงานจากค่าย A1 ฉายช้ากว่าชาวบ้านร่วมสองอาทิตย์(แต่ก็ไม่ได้ช้าที่สุด) มีการโปรโมทน้อยมาก แถมยังไม่ค่อยน่าสนใจนัก นอกจากว่าทีมงานกลุ่มนึงของ J.C ย้ายมาอยูที่ A1 แต่ทันทีที่ดูจบลงอนิเมเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่น่าจับตามองที่สุดในซีซั่นนี้ไปในทันที
อาโนะฮานะมีความลงตัวทั้งการเล่าเรื่องอย่างลุ่มลึก เพลงที่ไพเราะและลงตัว และความมีมิติของตัวละคร จุดที่โดดเด่นที่สุดคือบรรยากาศความถวิลหาวัยเด็กที่ทำให้คนดูสะท้อนถึงตัวเอง การเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงทำให้เราค่อยๆถักทอเรื่องราวขึ้นมาเป็นรูปร่าง ทิศทางของเรื่องนี้ชัดเจนและเดาไม่ยาก แต่สิ่งที่เราอยากรับรู้ไม่ใช่ผลที่เกิดขึ้น แต่เป็นการกระทำที่จะไปให้ถึงผลนั้นต่างหาก อาโนะฮานะเป็นอนิเมที่ควรได้รับคำชมด้วยคุณภาพของตัวมันเองอย่างแท้จริง ไม่มีโมเอ้(กระมัง…)ไม่มีเซอร์วิส…. ไม่มีมัตสึริ(เทศกาล) ไม่มีแฟนบอยจัดตั้ง แต่กลับทำให้ประทับใจได้ในทันที นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้เจออนิเมที่ทำรู้สึกแบบนี้
Check Point: อนัลบิทช์, หน่อไม้ดอง ; ;, Nostalgia
คุณภาพงาน: A
ความน่าติดตาม: 95%
ปล. อนิเมที่ยังไม่ได้เขียน ยาโอยโนะเอ็กโซซิสต์, เดดแมนวันเดอร์แลนด์, โมชิโดร่า