เพิ่งจะได้มาเล่น เกมยอดเยี่ยมแห่งปีที่ใครๆก็พูดถึงไปหมดแล้ว
ถ้าผมเล่นเกมนี้จบก่อนสิ้นปีก็คงติดรายชื่อ top three เกมของปีแน่นอน
We’re all trapped in a maze of relationships
Life goes on with or without you
I swim in the sea of the unconscious
I search for your heart, pursuing my true self
Persona 4 เป็นภาคต่อของเกมซีรี่ส์ Persona ที่แยกออกมาจากเมงามิเทนเซย์อีกทีนึง เป็นที่รู้ๆกันว่าเมงามิเทนเซย์นั้นเป็นเกมที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อเรื่องรุนแรงและมืดมน แม้กระทั่ง Persona เองก็มีบรรยากาศแบบนั้นติดมาด้วย แต่ว่าทันทีที่ Persona 3 วางขาย ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไป ระบบของเกมนั้นได้ยกเครื่องใหม่หมด กลายเป็นเกม RPG ที่ผสมเกมจีบสาวกันได้อย่างลงตัว(จริงๆก็จีบหมดน่ะหล่ะ ชายหรือหญิง) บรรยากาศภายในเกมก็ดูสดใส เนื้อเรื่องหลากหลาย สาวๆห้อมล้อม ทำให้เกิดแฟนเกมกลุ่มใหม่ขึ้นมาในวงกว้าง แม้ว่าขณะเดียวกัน แฟนๆกลุ่มเก่าก็ต่างบอกว่ามันไม่ใช่เมงามิเทนเซย์ที่พวกเขาคุ้นเคย แต่ทุกฝ่ายก็ยอมรับว่าเกมนั้นสนุกและแปลกใหม่มาก ทำให้ Persona 3 ได้รับคำวิจารณ์ไปในทางที่ดีและมียอดขายที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ
Persona 4 นี้เป็นภาคต่อที่อาศัยระบบ RPG+เกมจีบสาว ที่ภาค 3 ทำไว้ โดยเอามาปรับปรุงให้ลงตัวกว่าเดิม เอนจินภาพของเกมก็ใช้ของภาค 3 มาแทบทั้งดุ้น ถ้าหากมองแต่ภายนอกแล้ว ภาค 4 นี้เป็นภาคที่มักง่ายอย่างเป็นได้ชัด และเป็นภาคที่ไม่ลงทุนเอาเสียเลย อาศัยว่าโหนกระแสนเกมที่บังเอิญบูมออกภาคต่อมาหากิน
พอได้เล่นเองถึงได้รู้ว่าทำไมเกมที่มักง่ายเกมนี้กลับได้รับคำวิจารณ์ในทางบวกจากแทบทุกสำนัก จุดแข็งของ P4 นั้นคือเนื้อเรื่องที่ดึงดูดและน่าติดตาม ผสานกับความลงตัวของเกมที่ให้ความสำคัญทั้งฝั่งที่เป็น Simulation และฝั่ง RPG เกม
Persona 4 นั้นมีเนื้อเรื่องอยู่ที่ว่าพระเอกของเรานั้นพ่อแม่ต้องไปทำงานต่างประเทศและจำเป็นต้องย้ายมาอาศัยอยู่กับน้าที่จังหวัดอินาบะซึ่งค่อนข้างจะบ้านนอกแทน และยังต้องเรียนหนังสือที่นี่ประมาณ 1 ปีอีกด้วย แต่ย้ายมาได้ไม่ทันไรก็มีคดีฆาตกรรมปริศนาเกิดขึ้น คุณพระเอกก็ได้พบเจอกับมิตรสหายและร่วมมือกันไขปริศนาและค้นหาความจริงของคดีที่เกิดขึ้น รวมถึงความลับที่ซ่อนอยู่
คนเล่นนั้นจะต้องใช้ชีวิตในโรงเรียน สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนในโรงเรียนและผู้คนมากมาย เพื่อพัฒนาจิตใจที่จะส่งผลไปถึงในส่วนของ RPG ที่จะทำให้เราสามารถผสมเปอร์โซน่าได้เก่งกาจกว่าเดิม เนื้อเรื่องในส่วนของ Simulation นั้นหลากหลายและน่าติดตาม แต่เนื้อเรื่องหลักเองก็น่าติดตามยิ่งกว่า พอเราดำเนินเนื้อเรื่องมาจนถึงจุดนึงเราก็จะต้องลุยดันเจี้ยนและเข้าสู่ส่วนของ RPG ตัวเกมให้สัดส่วนของการเล่นทั้งสองด้านได้อย่างพอเหมาะ แม้ว่าดันเจียนในเกมจะมีความยากถึงยากมาก แต่หากจับจุดได้ถูกก็สามรถเอาชนะได้ไม่ยากนัก และตัวเราก็สามารถเลเวลอัพได้ง่าย ทำให้ไม่รู้สึกน่าเบื่อเวลาเล่น เพราะรู้สึกว่ามีการก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา ต่างจากเกม RPG บางเกมที่ให้ EXP น้อยมากราวกับว่าจะกลั่นแกล้งคนเล่นให้หลงป่าตาย (เกมค่ายเดียวกันนี่ล่ะ)
เนื้อเรื่องหลักของ Persona 4 นั้นแปลกใหม่ด้วยการจับเอาคดีฆาตกรรมปริศนามารวมไว้กับเกม RPG เราต้องค้นหาความจริงไปพร้อมกับตัวละครทุกคน รวมถึงสร้างความสนิทสนมกับเพื่อนพ้องของเราด้วย ประเด็นปมของตัวละครที่ให้ค้นหาก็น่าติดตามและทันสมัย ปริศนาคดีฆาตกรรมก็ซับซ้อนซ่อนเงื่อนหลายต่อหลายชั้น ส่วนที่ซึ้งกินใจก็ทำได้ดี เป็นเกมที่ครบทุกรสชาติโดยไม่ขัดแย้งกันเองอย่างแท้จริง
จุดแข็งของเกมอีกอย่างก็คือตนตรีประกอบซึ่งได้ Shoji Meguro คนเดิมจากภาค 3 มาแต่งเพลงให้ เพลงในเกมโดดเด่นเพราะแทบทุกเพลงนั้นจะมี Vocal(เสียงร้อง) หมด ทำให้ไม่น่าเบื่อ (แต่เล่นนานๆจะหลอน เพราะร้องได้ทุกเพลงเลย…ฮาร์ทบีท! ฮาร์ทเบรค!) เนื้อเพลงของเวลาปกติก็จะพูดถึงความสัมพันธ์ของชายหญิง เวลาต่อสู้ก็จะเกี่ยวกับการค้นหาความจริง ซึ่งลงตัวกับบรรยากาศของเกม สำหรับเพลงนี้โดดเด่นมาตั้งแต่ภาค 3 แล้ว อัลบั้ม OST ของ P4 นั้นก็มียอดขายที่สูงมาก เปิดตัวติดอันดับ Oricon ถึงอันดับ 5 เลย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับประเทศที่มีการแข่งขันสูงอย่างญี่ปุ่น
อีกอย่างก็คือเสียงพากย์ของเกม ในเวอร์ชั่นอเมริกานั้นผมไม่แน่ใจเรื่องความดังของนักพากย์เท่าใหร่ (และผมก็เล่นเแผ่น Undub ด้วย) แต่เวอร์ชั่นญี่ปุ่นแล้ว นักพากย์ทุกคนนั้นเรียกได้ว่า Top Ten ของวงการเลยทีเดียว แค่สามสาวตัวเอกรับบทโดย คุกิมิยะ ริเอะ (ซันเซนอิง นางิ, ไอซากะ ไทงะ) , โคชิมิสึ อามิ (คาเรน, โฮชิโนะ ยูมิ), โฮริเอะ ยูอิ (มิโนริน, ซาคุยะ) ซึ่งสามคนนี้เรียกได้ว่าดังที่สุดในวงการตอนนี้เลย โชคดีเหลือเกินที่ไม่มี ฮิราโนะ อายะ เพราะผมไม่ชอบเสียงเธอเอาซะเลย ที่เกมสามารถขนนักพากย์ชื่อดังมาได้ขนาดนี้ก็อานิสงค์จากภาค 3 แท้ๆ ที่เกิดบูมขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ใครที่เคยเล่นคงพอจะรู้ว่าภาค 3 แค่โปรดัคชั่นของ Opening และ Animation ก็คุณภาพอยู่แค่ระดับกลางๆ-ต่ำเท่านั้น แต่ในภาค 4 นี่ Budget สำหรับโปรดัคชั่นนี่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลย
ทีนี้มาถึงเรื่องเดิมๆ ตัวละครที่ชอบประจำเกม โดยปกติแล้วเวลาผมเล่นเกมอะไรหรือดูอนิเมที่ประทับใจ มักจะมีตัวละครโปรดเสมอ โดยที่เวลาตัวละครโปรดทำอะไรผมก็จะเห็นดีเห็นงามด้วย อย่างโทร่าโดร่าเนี่ยผมชอบไทงะ แม้จะเป็นเด็กนิสัยเสียปานใด อย่างไฟนอล 12 ก็ชอบพันเนโล่ หรืออย่าง Persona 2 ผมก็ชอบกิงโกะ ef ผมก็ชอบมิยาโกะ แต่สำหรับ Perona 4 นี้แล้วผมกลับไม่ชอบใครโดดเด่นสักคน แต่เหมือนกับว่าชอบทุกคนแทนซะงั้น ตัวละครภาคนี้ดูภายนอกตอนเห็นภาพประกอบกับตอนได้สัมผัสนั้นจะแตกต่างกันอยู่พอสมควร ลืมบอกไปว่าภาพประกอบและ Art Director ภาคนี้นำทีมโดย Shigenori Soejima คนเดียวกับภาค 3 ผมสนใจงานของคนนี้ตั้งแต่ตอนเขาเป็น Illustrator ให้เกม Stella Deus แล้ว งานของเขานั้นมีกลิ่นอายวิปริตของ Kazuma Kaneko แต่ก็สามารถให้ความรู้สึกสวยงามไว้ด้วยได้ (งานของคาเนโกะจะโรคจิตแบบสุดขั้ว ไม่สามารถวาดคนที่มองแล้วให้ความรู้สึกสบายใจด้วยได้ ไม่งั้นเวลาทำคอมมูพอเห็นหน้าคงเครียดเกิน)
กลับมาที่ตัวละคร ภาคนี้ตัวละครนั้นมองแต่ภายนอกไม่ได้ อย่างโยสุเกะที่มองภายนอกเป็นตัวโจ๊กปล่อยมุข จริงๆแล้วเขาแบกรับความผิดหวังและสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขได้ไปพร้อมๆกัน ผมสงสารโยสุเกะตอนอาดาจิดูถูกโคนิชิมากๆ มันเจ็บปวดและทำได้เพียงปลอบประโลมตัวเองด้วยคำพูดที่ไม่มีวันส่งไปถึง ยูกิโกะนั้นดูเผินๆจะนึกว่ากุลสตรีแต่จริงๆแล้วเส้นตื้น เมาดิบแล้วเซ็กซี่มากอีกตะหาก ยูกิโกะนี่ธรรมดาสุดแล้วมั้ง จิเอะดูเผินๆเหมือนยัยบ้า แต่ก็รู้สึกสนิทสนมเหมือนเป็นเพื่อนกันจริงๆ จิเอะเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมที่สุดเลยทั้งๆที่ไม่ได้น่ารักอะไรมาก(ตามเนื้อเรื่อง) ท่าไม้ตายก็แรงบัดซบ ผมชอบท่าเตะเวลาเรียกเปอร์โซน่า เท่ดี คันจินี่เห็นที่แรกนึกว่านักเลงเก๋า เอาเข้าจริงๆกลับเป็นรุ่นน้อง ชอบอะไรน่ารักๆ แถมยังโดนตัวโจ๊กอย่างโยสุเกะข่มอยู่ตลอดเวลา และยังมีแนวโน้มว่าจะเป็นเกย์อีกตะหาก ริเสะนี่ออกจะน่ารักแบบแปลกๆ ไร้เดียงสาแต่ก็หน้าด้านด้วย บอกรักคุณพระเอกแบบไม่อายฟ้าดิน เป็นไอดอลแต่ออกจากวงการมาขายเต้าหู้! คุณเธอจะดริฟท์ลงเขาที่อินาบะตอนตีห้าทุกวัน!!(โกหก) นาโอโตะนี่ผมเฉยๆมาก แต่มีอีเวนท์ที่ชอบเป็นพิเศษเดี๋ยวจะเขียนถึง ส่วนคุมะตัวฮาประจำภาคก็น่ารักดี กวนตีนกับบ้าหม้อไปได้พร้อมๆกันได้
ถ้ารวมตัวละครที่เป็นคอมมูด้วย คนที่คิดว่าชอบที่สุดแล้วก็คงเป็น โอซาว่า ยูมิ สาวชมรมละคร ที่เนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวอะไรกับชมรมละครเลย หักมุมนิดๆ นึกว่าจะได้ดูละครหลังข่าวชมรมละครต้องสู้ซะแล้ว ผมชอบความอ่อนแอของยูมิและการรู้จักตัวเองของเธอ ตอนที่เธอก้าวไปข้างหน้าได้นั้นดูเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่มาก คิดว่าถ้ามีภาคต่อ คุณเธออาจจะได้โผล่หน้ามาเล็กน้อยแบบจิฮิโระจากภาค 3 ก็ได้
อีเวนท์ที่ชอบคืออีเวนท์คริสมาสกับนาโอโตะ ผมดูอีเวนท์คริสมาสแค่สองคนนะ คือริเสะกับนาโอโตะ ของคนอื่นเป็นไงไม่รู้เหมือนกัน ของนาโอโตะนี่เราจะชวนเธอมาบ้าน นาโอโตะจะอวดชุดนักเรียนหญิงให้เราดู แล้วนาโอโตะจะให้นาฬิกาข้อมือเราเรือนนึงคู่กันกับของนาโอโตะ นาฬิกานี้จะสามารถส่งสัญญาณและบอกได้ว่าอีกอันอยู่ที่ใหน แต่ด้วยที่เป็นแค่ของเล่นเลยมีระยะแค่ 5 เมตร ในคืนนั้นนาโอโตะจะขออยู่ด้วยกับเรา ภาพก็เฝดดำไปตามปกติของเกมเด็กดีที่ไม่อาจให้มี Love Scene ได้ แต่มันดันมีตัวหนังสือขึ้นว่า “ระยะห่างของเป้าหมาย < 1 เมตร" ขึ้นมานี่สิ อยากจะกรี๊ดจริงๆ อะไรมันจะหวีดวิ๊วเดเระเดเระได้ขนาดนั้น
ชมมาเยอะ ลองมาหาข้อเสียมั่ง อย่างแรกก็คือผมยอมรับว่า Game Play จนจบรอบแรก 70 ชั่วโมงของผมนั้นสนุกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับคุณค่าการเล่นซ้ำนั้น P4 มีน้อยมาก รอบสองมีบอสเพิ่มเพียงตัวเดียวและก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องเลย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรใหม่เลย อ่านเนื้อเรื่องเดิมๆ ถ้าเพิ่งเล่นจบมาหมาดๆก็คงไม่อยากทำสักเท่าใหร่
อย่างที่สองก็คือ P4 ไม่มี End Game เกมดำเนินเนื้อเรื่องอย่างเป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆ ไม่สามารถย้อนกลับได้ ไม่สามารถเถลไถลได้ ไม่มีดันเจี้ยนลับ ทั้งๆที่เกม RPG สมัยใหม่ทุกเกมจะมีเนื้อหาส่วนนี้เสมอ เหมือนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว แต่ P4 ไม่มี และเลือกที่จะเป็นแบบนี้
อย่างที่สามก็คือภาพประกอบและโมเดลของ Persona ในเกมนั้นมี Persona มากมายนับร้อยชนิด แต่ประมาณ 90% หยิบยกมาจากภาค 3 (และ 80% ของภาค 3 ก็ยกมาจากเมงามิเทนเซย์ 3 อีกที) ภาพประกอบเปอร์โซน่าหลายๆตัวนั้นเก่ามาก อาจจะถึง 10 ปีด้วยซ้ำ โดยจะคละๆกับภาพใหม่ไป Kikuri Hime, Atropos, Michael นี่โมเดลเดิมเด๊ะๆตั้งแต่ เมงามิเทนเซย์ 3 เมื่อ 5 ปีก่อน ผมอยากให้ยกเครื่องใหม่สักครั้งตอนขึ้น Gen ใหม่จริงๆ
แต่ถึงกระนั้น นานแล้วเหลือเกินที่ผมไม่ได้รู้สึกว่าเล่นเกมดีๆเต็มที่แบบนี้ สมกับที่อุตส่าห์ไปเบียดเบียน TV เล่น
ปล. ทำไมชุดนักเรียนยูกิโกะเป็นสีแดง…
ปล2. ลง plugin ใหม่ เล่นซะหน่อย เปรุโซน่า!!! พอกดดูรูปแล้วจะเป็น Overlay และสามารถดูภาพทั้งหมดที่ลิงค์ในหน้านี้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ Upload เองก็ตาม! ขอบคุณอากิบักโกะที่ให้ลิงค์ฟรีๆ
ตอนเล่นไม่ได้เลือกสาวหัวเถิก ไปเลือกเด็กแป้นแทน ..เพราะอะไรก็ไม่รู้ เหอๆ
BGM ฉากสู้นี่ค่อนข้างที่จะซ้ำนะ ถึงจะเป็นแบบ vocal ตลอดก็ตาม แต่ก็รับได้ เพราะเพลงมันเร้าดี แต่เล่นนานๆก็หลับคาจอยเหมือนเดิม
ส่วนข้อเสียก็อย่างที่ว่ามา
รอบ 2 ก็ไม่มีดันลับให้เข้าแบบภาค 3 ที่มันอยู่หลังบันได เพราะดันลับคือดันจบทรูเอนด์ไปแล้ว
รวมถึงเพอโซน่า ..ก็เอาอสูรภาคเก่าๆมาทั้งดุ้น เปลี่ยนแค่ตัวที่พวกพระเอกใช้แค่ันั้นเอง
ไอ้ที่เหมือนขอแค่ตระกูลฟรอสก็พอแล้ว
สาวหัวเถิกเหมือนวิกจะหลุดตอนจบบอกว่าจะเข้าสภานักเรียนด้วยนะ
ถ้าไม่เกรงใจมุขเดิมก็อาจจะได้เป็นประธานนักเรียน แต่ยังไงจิฮิโระ
ก็แจ่มกว่าเยอะจริงๆ