679 | 9: Sapporo

ห้อง AirBNB นี้มีห้องนอนแยกออกมาจากห้องนั่งเล่น ผ้านวมผืนใหญ่หนาห่มแล้วอุ่นนอนหลับสบาย ลืมเรื่องเต็นท์สุดเร้าใจในวันที่ผ่านๆ มาไปได้เลย ตื่นเช้ามาฟื้นฟูสภาพร่างกายเรียบร้อย ห้องที่นี่แบ่งรวมๆ เป็น 3 ส่วน คือห้องนั่งเล่น มีทีวี + โซฟา, ห้องนอน ปูฟูตองได้ 2 ที่แบบไม่เบียด และห้องครัว + ห้องอาบน้ำ มีเครื่องซักผ้าและเตาแก็สเรียบร้อย แล้วก็มีห้องน้ำแยกอีกห้องนึงใกล้ๆ ประตูทางเข้าด้วย

ห้องมีอุปกรณ์การใช้ชีวิตครบถ้วน เตาแก๊ส เครื่องซักผ้า ไมโครเวพ กาน้ำ ตะเกียบ ช้อนส้อม แต่เนื่องจากผู้อาศัยเป็นชายโฉดสองคน แม้จะผ่านมาเพียงคืนเดียวก็มีสภาพที่น่าอุจาดตาเรียบร้อยแล้ว เนื่องด้วยจรรยาบรรณ เราจึงไม่ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน ภาพที่นำมาโชว์จึงเป็นภาพของวันรุ่งขึ้นที่เก็บข้าวเก็บของเรียบร้อยแล้ว

สภาพห้องในเวลาที่เรียบร้อยซึ่งถ่ายในวันรุ่งขึ้น

พอคุณ E ตื่นมาก็ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เจอมาในช่วงที่แยกกัน คุณ E ได้ปั่นจักรยานไปโอตารุแล้วบ่นว่าไฟแดงเยอะฉิบหาย(หัวเราะ) คนก็เยอะ ทัวร์จีนก็เยอะ จากนั้นก็เดินเที่ยวรอบซัปโปโรตกเย็นก็ไปสวนโอโดริดูสาวๆ เซิ้งในงานเทศกาล

สำหรับวันนี้ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวซัปโปโรมั่ง คุณ E บอกว่าไม่ค่อยสบายขอนอนอยู่นี่พร้อมพูดติดตลกว่าตากฝนตากลมนอนเต็นท์หนาวมาหลายวันไม่เป็นไร พอนอนห้องใต้หลังคาวันเดียวไม่สบายเลย (วันก่อนไปนอนห้อง AirBNB ราคาถูกแบบเร่งด่วนมาคืนนึง)

ออกจากห้องตอนเจ็ดโมงครึ่ง กะว่าวันนี้จะเดินมั่งเพราะปั่นจักรยานมาเยอะแล้ว (ซึ่งจริงๆ เป็นความคิดที่ผิดมาก….) วันนี้ไม่ได้วางแผนอะไรเลย คิดออกอย่างเดียวว่าจะไป Art Museum อยู่ทางตอนเหนือของเมือง ซึ่งมีอะไรก็ไม่รู้ แค่อยากไปเฉยๆ… ก็เดินไปเรื่อยๆ เจอสวนโอโดริอันแสนร่มรื่น เขาจะจัดเทศกาลหิมะแกะสลักน้ำแข็งที่คนไทยชนะบ่อยๆ กันที่สวนนี้ แต่ตอนนี้ก็หน้าร้อน มันก็เป็นสวนสาธารณะธรรมดาๆ แหละ

เนื่องจาก Art Museum เปิดเก้าโมงกว่าๆ ก็เลยกะจะมหาลัยฮอกไกโดก่อน หนังสือนำเที่ยวแนะนำให้ไป (เป็นคนเชื่อคนง่าย) เดินไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าไกลเหมือนกันว่ะ ทำไมกุไม่เอาจักรยานมาวะ… แวะเซเว่นตอนเช้าเจอซาลารี่มังสวนสนามกันขวักไขว่ แล้วก็ผ่านร้านอาหารไทยชื่อกระเพรา ดูรูปแล้วข้าวกระเพราหน้าตาใกล้เคียงกับที่เมืองไทยทีเดียว

ถ่ายโควทเท่ๆ ประกอบแล้วจะดูเท่และฮิปสเตอร์ขึ้น 20%

สักพักก็ถึงมหาลัยฮอกไกโด แต่ยังหาทางเข้าไม่เจอ เจอทางเข้าสวนพันธ์ไม้ก่อน เดินวนไล่กำแพงไปเรื่อยๆ เห็นทางเข้าคนเดินเข้าไปกันเยอะๆ เลยเดินตามเข้าไป ถนนในมหาลัยสวยดี กว้างขวางต้นไม้เยอะแยะร่มรื่น จริงๆ เขาแนะให้มาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีมากกว่า ได้ยินว่าในมหาลัยมีพิพิธภัณฑ์ด้วย เลยเดินตามป้ายไปเรื่อยๆ แต่จะตึกไหนก็แลดูจะไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้าไปเท่าไหร่… บางตึกใช้คีย์การ์ดด้วย เข้าไปเดี๋ยวจะโดนพี่ยามจะหิ้วออกมา

ออกมานอกมหาลัยมาแดดก็เริ่มร้อนแล้ว… พยายามจะเดินไป Art Museum ต่อ แต่บังเอิญผ่านอาคารรัฐสภาเก่า อันนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแน่นอน นักท่องเที่ยวตรึม ทัวร์จีนขโมงโฉงเฉง ก็เดินเข้าไปสำรวจทันที ข้างในเป็นพวกประวัติการปกครอง การเมือง สถานที่ ของฮอกไกโด แล้วก็มีงานแสดงศิลปะของศิลปิน 2 งาน ซึ่งลืมจดชื่อว่ะ.. งานสวยดี เขาไม่ให้ถ่ายรูป ถ้าไปค้นข้อมูลเจอชื่อศิลปินจะเอามาบอกอีกที

นั่งพักที่นั่งด้านนอกแป๊บนึง ในที่สุดก็ได้สัมผัสทัวร์จีนในแดนปลาดิบสักที ไปวัคคาไน-ริชิริ นี่ไม่เจอเลย ไม่เจอทัวร์จีนนี่เหมือนไม่ได้มาญี่ปุ่นเลยนะ ว่าแล้วก็เดินไปเป้าหมายหลัก Art Museum ต่อ…. เลียบสวนโอโดริไปเรื่อยๆ ไม่ถึงซะที แม่งไกลจังนาเว้ย น่าจะเอาจักรยานมานะเนี่ย เดินสักพักรถเมล์วิ่งผ่านแล้วนึกขึ้นได้ ทำไมกุไม่ขึ้นรถเมล์วะ(หัวเราะ) จะถึงแล้วเพิ่งนึกได้…. และแล้วในที่สุดก็ถึงเป้าหมายหลักของซัปโปโร

…แต่มันปิด…

สึด!

เชี่ย เดินมาครึ่งวันปิดซะงั้น… เลยแวะกินมอสเบอร์เกอร์แถวๆ นั้นแก้หิว เห้ยเบอเกอร์อร่อยดีว่ะ นั่งอยู่ในร้านรู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้จะไปไหนแล้ว เลยว่าจะเดินไล่สวนโอโดริไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าสถานีซัปโปโร แล้วค่อยหาร้านเกมแถวนั้นเดินดูอีกที

เป็นการเดินไล่ตั้งแต่สวนโอโดริฝั่งตะวันตกไปยันฝั่งตะวันออก ผ่านครบทุกสวนข้ามถนนทุกเส้น สวนแต่ละสวนจะคล้ายๆ กัน ต่างกันบ้างเล็กน้อย มีต้นไม้ดอกไม้ บางช่วงก็มีอนุเสาวรีย์ มีสวนนึงมีซุ้มดอกไม้ แล้วมีลุงคนนึงยืนเสก็ตภาพดอกไม้อยู่ เท่มาก เลยเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ลุงวาดไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ผิดหวังพอสมควร…

พอถึงหน้าสถานีอุณหภูมิอยู่ 28 องศา (ที่รู้เพราะมองไปที่ตึกจะมีเกจอุณหภูมิโชว์อยู่) อุณหภูมิเท่านี้ถ้าเป็นเมืองไทยคงว่าหนาว แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกหนาวเลย รู้สึกร้อน แดดร้อน เดินตรงจากหน้าสถานีจะเจอโทราโนะอานะก่อนก็เข้าไปทันที เจอบาเกะโมโนกาตาริที่วาดโดย Oh! Great ทำโปรโมชั่นอยู่ เดินสำรวจมีโดจินขายเยอะเลย มีเล่มนึงของฟามสวยดี อยากได้และมันไม่โป๊ด้วย แต่เห็นราคาแล้วซื้อไม่ลง 1500 เยนเล่มบางเฉียบ… จากนั้นก็เดินไปร้านอนิเมทต่อ ข้างในก็เหมือนๆ กัน ไม่ต่างกันเท่าไหร่

จากนั้นเดินทะลุไปย่านช๊อปปิ้ง ได้เวลาซื้อของฝากซะที เจอร้านเกมก่อนก็เข้าไปเยี่ยมทันที เท่าที่เดินๆ ดู ไม่เจอ KOF หรือเกมไฟติ้งใดๆ เลย… มีแต่เครนเกมกับเกมแนวๆ คังโคเระ คนเล่นก็ประปราย เห็นชิโนบุ EXQ สวยดีเลยหยอดเล่น เล่นไป 200 เยน ขาหนีบนี่ขนาดหนีบตรงๆ จะๆ มันก็ยังคีบได้แต่ลม ไอ้ขาหนีบอ่อนแรงเอ๊ย….

เหมือนเดิมคือต้องซื้อของฝาก อยากได้เสื้อยืด ก็ใช้วิธีเดิมคือถ่ายรูปแล้วส่งไปให้เลือก แต่บ้างร้านแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายเข้าก็มาห้ามแล้ว สาด อดแดกตังไปซะมึง จนไปถึงร้านขายของฝากแบบของฝากจ๋าๆ จะถ่ายจะไลน์อะไรเขาก็ไม่ว่าเลย หลังจากถ่ายส่ง ถ่ายส่ง รอคอมเมนท์สักพัก ก็ได้เสื้อยืดลายหมีมาสามตัว และกระเป๋าอีกหนึ่งใบ

ย้านการค้า(ลืมชื่อ) คล้ายๆ นัมบะ แต่เล็กกว่าเยอะ

เมื่อยแล้ว เดินจนเจ็บตีน วันนี้เดินไปเกือบ 15 กิโลได้ เห็นร้านล๊อตเต้เบอร์เกอร์แล้วสนใจ ติดใจจากมอสเบอเกอร์เลยลองซะหน่อย ไม่ค่อยเท่าไหร่แฮะ มอสอร่อยกว่า อิ่มแล้วก็กะจะกลับห้องก่อนรอบนึง ระหว่างทางแวะเซเว่นเจออิจิบังคุจิของ Re: Zero เห็นฟิกเกอร์แรม(ไม่ใช่เรม)ในชุดชั้นในอลังการดาวล้านดวงมาก มีเศษตังเหลือก็เลยเสี่ยงดวงซะหน่อย แน่นอนว่า…เป็นคนไม่มีดวง ได้แก้วน้ำโง่ๆ มาหนึ่งใบ…

กลับถึงห้องเจอคุณ E นอนอยู่ ก็ล้างหน้าล้างตานั่งพักสักก็ออกไปอีกรอบ คราวนี้เอาจักรยานไปล่ะ ฉลาดแล้ว ก่อนไปก็ดูแผนที่ท่องเที่ยว ฝั่งล่างของซัปโปโรเด่นๆ ก็มีสวนสาธารณะนาคาจิมะกับกระเช้าอะไรสักอย่างสองที่ เลยไปสวนสาธารณะก่อน แหมพอปั่นจักรยานก็ลื่นเลย

สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือตลอดทางไปสวนสาธารณะจะมี JK คนนึง ผมสั้น ปั่นจักรยานนำหน้า กระโปรงสั้นๆ ชวนให้ระทึก แอบมีจังหวะหันหน้ามาก็น่ารักใช้ได้เลย (ไม่มีภาพประกอบ เดี๋ยวโดนตำรวจจับ…) ตามไปอยู่พักนึงก็ถึงสวนสาธารณะนาคาจิมะ น้อง JK คนนั้นปั่นหายไปทางไหนแล้วก็ไม่รู้ เข้าไปในสวนก็ไม่มีอะไร รกๆ หน่อย อย่าไปเชื่อหนังสือนำเที่ยวมาก มีชมรมกีฬามาวิ่งจ๊อกกิ้งซ้อมเท่านั้น… แล้วก็มีพิพิธภัณฑ์น่าจะเกี่ยวกับทางวรรณกรรมอะไรสักอย่าง เหมาะกับพวกฮิปสเตอร์เที่ยวเฉพาะทางมากว่า

ูเวลาก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว จะปั่นไปโรปเวย์ก็กลัวจะกลับมามืด เลยวนไปสวนโอโดริที่หน้าสถานีอีกรอบ ตอนเย็นคนเยอะมาก แต่งานเทศกาลหมดไปแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้กำลังตั้งเต็นท์เตรียมรับงานวิ่งมาราธอนอยู่ ก็นั่งพักซึมซับบรรยากาศ ลมเย็นๆ ดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวซัปโปโรที่หน้าสถานีไปเรื่อยๆ พอเริ่มมึดก็ปั่นจักรยานกลับห้อง

ก่อนจะเข้าห้องก็แวะร้าน Gust ที่อยู่ปากซอยเข้าห้องหาอะไรกินซะหน่อย เคยแวะร้านฟามิเลสลักษณะนี้แล้ว เลยไม่ค่อยขัดเขินมากนัก สั่งเสต็กมานั่งกิน ระหว่างนั่งอยู่คุณ E ส่งข้อความว่าไปกินเนื้อย่างเจงกิสข่านกัน ตอนนี้อยู่ไหน ก็บอกไปว่าอยู่ร้าน Gust ปากซอยก็ทำท่างง มีร้านอยู่ปากซอยด้วยเหรอ คุยไปคุยมาคือเข้ามากันคนละทางเขาเลยไม่เห็น

ร้านกัสต์ ซึ่งถ่ายตอนเช้า

นั่งรอสักพักคุณ E ก็ตามออกมานั่งกินอีกคน เสต็กอร่อยดี ราคาไม่แพงมาก นั่งสบาย ใกล้ที่พัก เครื่องดื่มรีฟิลไม่อั้น นั่งนานขนาดไหนก็ได้ แต่ก็กลายเป็นแคนเซิลเจงกีสข่านไป แหม่… มาฮอกไกโดแต่ไม่ได้กินเจงกิสข่านนี่มันก็คาใจนะเนี่ย

กินเสร็จก็กลับห้องอาบน้ำนอน…

ซัปโปโรวันนี้ก็ไม่มีอะไรตื่นเต้นเท่าไหร่ จริงๆ ที่มาฮอกไกโดเนี่ย มีอีกที่อยากไปคือทะเลสาบโทยะ แต่ถ้าจะไปต้องเตรียมไว้เลย 1-2 วันเต็มๆ ถ้าปั่นจักรยานไปนี่ 80 กิโล + ข้ามเขาตลอดทาง ถ้านั่งก็สองชั่วโมงได้

ของกิน + รายจ่ายวันที่ 9

  • น้ำอควออะไรสักอย่าง 130¥
  • มอสเบอร์เกอร์ 560¥ อร่อยว่ะ
  • เสื้อยืด 6,000¥ ลายสวยดี
  • ล๊อตเต้เบอร์เกอร์ 550¥ ก็อร่อยดี แต่มอสอร่อยกว่า
  • อิจิบังคุจิ 900¥ ระเบิดเศษตังค์ เป็นคนไม่มีดวงเหมือนเคย
  • เสต็ก Gusto 1,500¥ อร่อยดี ใกล้ที่พัก
  • กาจะแมวน้ำ 300¥ ได้แมวน้ำหน้าตาน่าเกลียดมา
  • เครนเกม คีบชิโนบุ 200¥ ก็ไม่ได้อะไรเหมือนเคย…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *