913 | Day 8 Shikoku Karst

เพื่อความต่อเนื่อง สามวันนี้มันเกี่ยวข้องกันพอสมควรอยู่ ก็เลยขอเขียนยาวพร้อมกันไปเลย ถึงผมจะปั่นจักรยานได้ระนึง แต่ก็ประเมินตัวเองแล้วว่าจะไปมีปัญญาปั่นขึ้นดอยความสูง 1000 เมตรได้ยังไง ผมเลยจัดให้วันนี้ทั้งวันเอาระยะไปแค่ 20 กิโล กับ +1000 เมตร ถ้าไม่ไหวมึงก็เข็นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึง

ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิด พอกิโลที่ 15 เริ่มขึ้นเขา (ใช่ครับ 15 จาก 20 กิโลของวันนี้ไม่ได้เป็นภูเขา…) เป็นโซนบ้านคน แต่ว่ามันชันมาก ปั่นไม่ไหวก็เข็นไป ตลอดทางมีรถขนขยะสวนมาคันนึง พอพ้นโซนบ้านคน จะกลายเป็นทางเท่ารถคันเดียว แต่สวย บรรยากาศดีมาก อากาศเย็นกำลังดี ซึ่งผมก็เข็นมั่งปั่นมั่ง(แต่หนักไปทางเข็น) ดู GPS วนไปสักห้าร้อยรอบจนเข้าถนนเส้นหลัก ซึ่งตอนนั้นก็หมดแรงสิ้นแล้ว ในใจคือคิดว่าพ้นที่มันยึกยือคงจะรอด…

แต่กลายเป็นว่ามันยังไม่ถึง ถนนหลักก็ยังเป็นทางขึ้นเขาอยู่ดี เข็นไปอีกสามสี่กิโล น้ำก็หมดอีก กะว่าข้างบนมีตู้กดอยู่หน้าโรงแรมที่เคยกะว่าจะจองแต่มันปิด ก็ฮึดลากลากไปจนถึง ปรากฎว่าหน้าโรงแรมไม่มีตู้เว้ย มีตู้เบียร์แต่กดไม่ได้ ล็อคไว้ น้ำก็ไม่ไหล ตอนนั้นก็เกือบบ่ายล่ะ มองไปรอบๆ มีญี่ปุ่นตั้งเต็นท์นอนเปิดเพลงเล่นอะไรกันไม่รู้ แล้วก็มีรถขายกาแฟ ก็ไปซื้อกาแฟมันกินกันตายก่อน…

จอดจักรยานข้างๆ โต๊ะเก้าอี้ เอาของออกมาวางๆ ยังไม่ได้กางเต็นท์…. สรุปว่าก็ได้ไปนั่งโง่ๆ บนชิโกกุคาร์สสมใจ… คือมันไม่มีอะไรเลยจ้า วิวสวย ลมเย็นและหนาว… ฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนใกล้ตก นอกจากญี่ปุ่นมาเดย์แคมป์กลุ่มนึงก็ไม่มีใครอีก กางเต็นเสร็จเอาของเก็บก็ออกไปปั่นชมวิวหน่อย มันเป็นบนเขา มันก็มีเนินอีก 555 ออกไปปั่นเล่นสำรวจยังเหนื่อยแทบขาดใจ กังหันลมก็ซ่อมอยู่ มีรถมาจอดเต็มเลย วิวภูเขาหินสวยจริงแหละ ถนนก็โล่งชอบมาก ปั่นไปถ่ายรูปได้สักครึ่งนึงทางทั้งหมด มีบิ๊กไบค์จอดอยู่คันนึง มีห้องน้ำเก่าๆ โทรมๆ ที่เหม็นมากอยู่บนนั้น น้ำไม่ไหลเช่นกัน เจอวัวด้วยแหละ เห็นไกลๆ รีบปั่นไปดูเลย แต่พอเจอเนินอีกสองสามเนินก็เริ่มไม่ไหวล่ะ พอเหอะ…

กลับมานั่งที่เต็นท์ คนอื่นก็ค่อยๆ กลับไปหมด ญี่ปุ่นก็เก็บเต็นท์กลับ รถขากาแฟก็กลับ มีคนปั่นจักรยานเสือหมอบอย่างเท่ใส่ชุดเต็มยศมาคันนึง น่าจะขาแรงทีเดียว เอากล้องมาด้วย สะพายคาดหลัง นอกจากกล้องก็ไม่มีสัมภาระอะไร เขาก็เดินวนๆ ขึ้นๆ ลงๆ แถวนั้นสักพักแล้วก็กลับไป ผมได้น้ำขวดนึงจากรถขายฮอทด็อก(ซึ่งกลับไปแล้ว) พอห้าโมงครึ่ง ทั้งแคมป์แอเรียก็เหลือผมคนเดียวบนนั้นกับพี่ไรเดอร์คนนึงที่เพิ่งมาถึง ตอนแรกเขามาถามผมว่าจะตั้งแคมป์ติดต่อที่ไหน(มันปิดหมด) ผมบอกว่าเขาปิด แคมป์ฟรี แต่น้ำไม่ไหล ไม่มีห้องน้ำ คุยๆ กันเขาก็ขับไปที่ลานใหญ่และตั้งเต็นท์ห่างออกไปมากๆ

ผมดูแล้ว คืนนี้หกอกศาเท่าคืนแรก ก็น่าจะพอเอาตัวรอดได้มั้ง แต่ที่นี่มันบนเขาเว้ย พอหกโมงแม่งหมอกลงเป็นไซเลนท์ฮิล น้ำค้างเกาะทุกสิ่งอย่าง ลมก็พัดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเหมือนบอสจะเกิดได้ทุกเมื่อ สักทุ่มนึงก็หนาวเหี้ยๆ และตอนนั้นแค่ 10 องศา หมายความว่าคือนนี้มันจะอัพเกรดได้อีกสี่ขั้น…

หลับไปตื่นนึง ลืมตามาดูสี่ทุ่ม ไม่ไหวล่ะกุ ลมแรง ถอนสมอลากเต็นท์เข้าไปในหลังคาของศาลาก๊อกน้ำ (และน้ำไม่ไหล) ก็ช่วยได้นิดหน่อย ผมได้ไอ้ฟอยผู้ประสบภัยที่เอาไว้ห่มกันหนาวมาจากโฮสต์บ้านที่ไปพักมา ก็กางออกมาใช้ เห้ยเวิร์คเว้ย อุ่นดี แต่อุ่นได้แป็บเดียว น้ำค้างเกาะ… เอามือจับๆ จากข้างในนี่เป็นหยดๆ เลย… เหมือนนอนในตู้เย็นมาก

หลับๆ ตื่นๆ วนไปจนตีห้าก็ออกมาเก็บของ เตรียมตัวเผ่นตอนหกโมง เพราะถ้าอยู่นาน ฝนมันจะตกตอนเก้าโมง ถ้าฝนตกแล้วมันจะยุ่ง สรุปว่าอะไรที่เค้าไม่ทำกัน บางทีก็ไม่ต้องไปลองก็ได้นะ