906 | Day 6 Susaki

  • วันนี้จะไปบ้านที่จองไว้ที่สุซากิ เช้ามาก็เก็บเต็นท์ ลองเช็คเวลาแล้วใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงจริงๆ… เต็นใกล้ๆ เป็น Biker ก็เก็บเต็นท์พร้อมๆ กัน ออกไปคืนใบขอใช้สถานที่ (เป็นแผ่นกระดาษเคลือบแผ่นใหญ่สัก A4) ขาออกเจอเนินที่เข็นมาอย่างเหนื่อยยากอีกครั้ง คราวนี้ลงยาวตัวปลิวเลยทีเดียว
  • ตอนนี้ซอกเล็บฉีกแทบทุกนิ้วเพราะความหนาว ถุงมือก็ช่วยได้แค่นิดหน่อยเพราะต้องเป็นแบบเปิดนิ้วไว้กดโทรศัพท์ ปากก็แห้งมาก (แต่ไม่แตก…. งงเหมือนกันทำไมไม่แตก) แต่อาการเจ็บคอไม่มีแล้ว ก็ปั่นกลับเข้าเส้นโอโบเกะ จริงๆ วิวโอโบเกะมันสวยมากนะ แต่เห็นมาเกือบร้อยกิโลแล้วมันก็เบื่อ… ปั่นไปนิดเดียวเป็นทางลงเขายาวสิบกว่ากิโล เพลินเลย แต่ก็ค่อยๆ ลงเพราะกลัวล้ม(!?) เพราะว่ายังเช้าอยู่ก็ไม่ค่อยมีรถ พ้นช่วงลงเนินมาอย่างปลอดภัย
  • แวะคอนวินิสาขาแรกที่เจอเพื่อหาอะไรกิน แดดก็เริ่มแรง คอนวินิสาขานี้มีมอไซค์เพียบเลย ถนนโอโบเกะมันสวย มอเตอร์ไซค์คงชอบมาเที่ยวกัน แผนวันนี้มีสองแบบ ทีแรกคือเข้าโคจิ แต่คิดๆ แล้วต้องเสียเวลามากแน่ๆ เมืองมันใหญ่ ก็เลยอ้อมนอกเมืองเอาแทน ตอนนี้ทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนแล้ว กลายเป็นถนนบ้านนอกปนทุ่งนา ตรงไปไม่ไกลมากก็ทะลุออกมาเห็นทะเลแล้ว! แถวนี้หาดไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ โรงงานเยอะ เป็นถนนเลียบทะเลไปเรื่อยๆ
  • ปั่นไปสักพักก็เหมือนเดิม คือเช้าๆ หนาวมากก็จริง แต่สายๆ มันจะร้อน ก็แวะถอดเสื้อออกตัวนึงแล้วไปต่อ กำลังคิดจะแวะสวนอะไรนั่งพักชิลๆ ซักหน่อย จู่ๆ ถนนก็พาขึ้นสะพานอุราโดะแบบงงๆ ทีแรกนึกว่าสะพานข้ามเล็กๆ ที่ไหนได้ เป็นสะพานข้ามทะเลยาวกิโลนึงเต็มๆ ถนนสองเลนแคบแถมชันมาก แถมรถเยอะ… ฉิบหายล่ะกุ
  • ปั่นไปนิดนึงก็ปั่นไม่ไหว สะพานชัน ต้องเข็นขึ้นสะพานทั้งๆ ที่รถเยอะมาก ท่าเข็นก็โคตรลำบาก คือเดินอยู่บนไหล่ทางสะพาน แต่จักรยานอยู่บนถนน ต้องก้มเข็นไปเรื่อยๆ รถเขาก็หลบออกขวาให้แหละ แต่มันเครียดมาก เข็นก็เหนื่อยจักรยานก็หนัก สะพานยาวเท่าไหร่ก็ไม่รู้ (ตอนนั้นยังไม่รู้) ไม่มีที่ให้หยุดพักเลย สรุปว่าเข็นไปเกือบกิโลนึง… เหนื่อยมาก
  • พอลงสะพานมาก็เจอทางไปอควอเรียม ก็ค่อยๆ ดูแผนที่เลาะไปจนข้ามถนนหลุดไปริมทะเลได้ในที่สุด… ทะเลแถวนี้สวยมาก ถนนเลียบทะเลยาวประมาณ 7 กิโล ปั่นชิลๆ วิวสวย ลมเย็น ดีมากๆ พอพ้นตรงนี้ก็เจอจุดพักรถ เลยแวะนั่งพักกับกดโค้กมาดื่มให้หมายเหนื่อย
  • ก่อนจะถึงสุซากิจะเจอสะพานยาวๆ อีกหนึ่งสะพานและเนินเขาใหญ่ๆ อีกหนึ่งเนิน เนื่องจากตอนเข้าช๊อคกับสะพานมารอบ มาทีนี้เลยระแวงสะพานมาก แต่สะพานนิโยโดะนี่ไม่มีอะไร แค่เป็นสะพานยาวๆ แต่ข้ามง่าย มีไหล่ทาง ปลอดภัย…
  • พอออกจากตรงนี้ไปบรรยากาศจะคล้ายๆ แถวชิมานามิมากๆ มีลุงบิ๊กไบค์คนนึงขับสวนมาแล้วยกนิ้วให้เหมือนตอนอยู่ฮอกไกโดด้วย ระหว่างทางเจอชั้นไม้ที่ชาวบ้านจะเอาผลไม้มาวางขายถูกๆ ให้หยิบแล้วจ่ายเงินใส่กล่องเอง ถ้าเคยดูตามคลิปคงคิดใช่มั้ยว่าผักผลไม้ถูกจังคุ้มสุดๆ คนญี่ปุ่นเขาก็คิดเหมือนเรานั่นแหละ พอของลงก็มีลุงๆ ป้าๆ จอดรถโกยของกันอย่างรวดเร็ว ผมได้ส้มมาถุงนึง 200 yen ส้มสวยทีเดียว หวานด้วย ถูกกว่าซื้อเมืองไทยอีก
  • เขาลูกสุดท้ายก่อนข้ามไปซุซากิค่อนข้างสูงทีเดียว แต่ไม่ถึงขนาดต้องเข็น ตอนถึงยอดก็แวะพักนั่งกินส้มที่ซื้อมาเติมพลังหน่อย พอลงเขาไปหน่อยก็เข้าเมืองซุซากิ เมืองใหญ่ทีเดียว มีห้างมีร้านอาหารเยอะแยะ แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือเช็คอินก่อน บ้านวันนี้เช็คอินได้บ่ายสามโมง เร็วกว่าเมื่อวาน
  • หลังจากเล็งๆ ว่าเย็นนี้จะมาหาอะไรกินที่ไหนก็ตรงไปที่บ้านพัก บ้านวันนี้อยู่นอกเมืองสักเกือบสองกิโล ระหว่างทางเป็นโรงงานกับท่าเรือ บรรยากาศน่ากลัวหน่อยๆ หลังจากเช็คแผนที่อยู่หลายรอบก็เจอซอยที่คิดว่าใช่ แต่ตอนนั้นเพิ่งบ่ายสองกว่าๆ ส่งเมซเซจไปบอกเจ้าของบ้านแล้วเขาไม่ตอบเลย… ก็เลยไปหาที่ร่มริมทะเลนั่งเล่นเกมรอ
  • พอบ่ายสามก็ไปที่บ้าน ประตูก็ไม่ได้ล๊อค เข้าไปก็ไม่มีใครอยู่ บ้านแถวนั้นไม่มีใครเลย… ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ… เริ่มเครียดนิดๆ เอาไงดีวะ แต่สักบ่ายสามครึ่งเจ้าของบ้านก็ตอบมาว่าเขาออกมาทำธุระ จะรีบกลับไป เข้าไปรอในบ้านบ้านชงชากินได้เลย ก็ส่งรูปไปให้ดูว่าหลังนี้นะ (กลัวเข้าบ้านผิด มันเข้าได้ทุกหลังเลย) ก่อนจึงเข้าไปในบ้าน บ้านเป็นสไตล์ญี่ปุ่นเก่าๆ หน่อยๆ กว้างดี เงียบมาก ไม่อยู่บ้านแล้วไม่ล๊อคบ้านกันเลยเหรอ…
  • เกือบสี่โมงเจ้าของบ้านก็มา เป็นป้าอายุสักหกเจ็ดสิบแต่ยังดูแข็งแรงอยู่ ป้าพูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว เก่งกว่ากุอีก… ป้าก็แนะนำว่าเราใช้ได้สองห้องนี้นะ ครัวทางนี้ ห้องน้ำทางนี้ ป้าพยายามชวนคุยหลายอย่าง เอาขนมเค้กมาให้กินด้วย ก็ได้แต่ตามน้ำไป คุยๆ กันบอกว่านอนเต็นท์แล้วหนาว ป้าเลยไปเอาเสือผ้าสามีป้ามาให้ฟรีๆ ขนมาเยอะแยะเลย… เลยเอาเสื้อกันหนาวมาตัวนึงก่อน
  • เย็นๆ ก็ปั่นกลับไปในเมือง แวะห้างซื้อลิปมันก่อนเลย จากนั้นก็สำรวจในเมือง มีร้านอาหารหลายร้าน แต่สุดท้ายก็จบที่สุกิชิ… แต่วันนี้อร่อยแฮะ เป็นข้าวหน้าเนื้อกิมจิกระเทียม รสเข้มๆ ไม่ค่อยเลี่ยน กินเสร็จก็กลับบ้านก่อนจะมืด แวะซื้อขนมปังในเมืองที่น่าติดมือกลับมาด้วย ก่อนถึงบ้านโรงงานตอนเย็นบรรยากาศโคตรน่ากลัว….
  • กลับมาเจอป้ากำลังนั่งดูทีวีกินข้าวอยู่ ตั้งแต่พักห้อง Airbnb มาก็เพิ่งเจอห้องที่โฮสต์อยู่บ้านกับคนที่มาพักนี่แหละ (ไม่นับพวกที่ห้องเยอะๆ) ก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ชอบแบบอยู่คนเดียวมั่วๆ มากกว่า วันนี้ได้อาบน้ำก็ต้องรีบอาบ ป้ากินข้าวเสร็จก็ไปนอน วันนี้ได้ที่นอนดีๆ ก็รีบนอนเหมือนกัน