- พอได้ฟูกดีๆ อุ่นสบาย ก็กลายเป็นนอนไม่ค่อยหลับแทนซะงั้น… เลยตื่นมาเล่น Arknights ที่ลุงมวยมาพอดี กดไป 20 ก็ได้ลุงแล้ว ลักกี้… นอนต่อดีกว่า
- ตื่นมาหกโมงพบว่าผ้าที่ซักยังไม่แห้งเลย… ฉิบหาย เอาไงดีวะ มีตัวเลือกคือเอาเตารีดมารีด แต่ขี้เกียจ เลยเอาราวตากผ้ามาตั้งจ่อแอร์(ทำความร้อน)แล้วเอาผ้าที่ยังไม่แห้งมาแขวน ซึ่ง…เวิร์คว่ะ แป๊บเดียวแห้งเลย แล้วก็เก็บข้าวเก็บของเตรียมออกจากบ้านมาตอน 8 โมง ถือว่าสายกว่าทุกทีและแน่นอนว่าเช้านี้ก็ยังไม่มีอะไรกิน
- สำหรับขาออกนั้นต้องออกไปทางเดิมราวๆ 10 กิโล ถึงเข้าถนนเลียบหุบเขาโอโบเกะเส้นเดิม เป็นช่วง 10 กิโลที่ปั่นสบายมาก อากาศดี ไม่มีรถ ซากุระเต็มไปหมด แต่เนื่องจากฝ่าหนาวมาหลายวัน เวลาปั่นจักรยานนิ้วจะโดนลมทำให้ซอกนิ้วแตก บางครั้งถึงขั้นนิ้วชา เจ็บมาก…
- เป้าหมายวันนี้มีการปรับแก้นิดหน่อย เดิมจะไปที่แคมป์ที่สวนคิซังเซนซึ่งต้องออกนอกเส้นทางหลัก เนื่องจากเริ่มล้าก็เลยเปลี่ยนมาเป็นตรงไปแคมป์โฮกามิเนะที่อยู่ระหว่างทางแทน ซึ่งแคมป์โฮกามิเนะเนี่ยค่อนข้างดูดี แต่ไม่มีร้านขายของอะไรใกล้ๆ เลย แต่คิดว่ายังไงก็น่าจะพอเอาตัวรอดได้มั้ง
- พอเข้าเส้นเลียบโอโบเกะแล้วมีไหล่ทางให้ปั่นตลอด แม้จะเจ็บตูดไปบ้างแต่ก็เป็นไหล่ทางที่ค่อนข้างดี มีหญ้าขึ้นบ้างแต่ไม่ต้องระวังรถ วิวก็สวย เลยไปได้เรื่อยๆ สบายๆ ปั่นไปสักพักเจอเสือหมอบเจ้าถิ่นสองคนปั่นแซงไปอย่างเร็ว ถนนเส้นนี้น่าจะดังพอสมควร เพราะถนนดีแล้วก็ตรงตลอดไม่มีทางแยกอะไรเลย น่าจะได้รับความนิยมในหมู่นักปั่นสายภูเขา เลยไปนิดนึงเจอจุดพักรถก็รีบเข้าไปหาอะไรกินทันที
- เนื่องจากค่อนข้างเช้า มีร้านราเมงก็ยังไม่เปิด เอาจักรยานไปจอดเนียนกับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ฮาดี ซื้อแซนด์วิชกับขนมปังจากลอว์สันมานั่งกิน แถมเจอนักปั่นเจ้าถิ่นสองคนที่แซงไปตะกี้มานั่งกันตรงจุดจอดเสือหมด ก็รอจนสองคนนั่นออกไปก่อนก็ค่อยตามออกไป
- เจออุโมงค์อันนึง ยาว 1.6 กิโลเมตร ถือยาวยาวมาก แม้จะมีไหล่ทางแต่ก็เป็นอุโมงค์เก่า ตอนอยู่ข้างในจะเหมือนปั่นอยู่บนฟุทบาทมืดๆ รู้สึกอาจจะสะดุดอะไรหล่นไปบนถนนได้ง่ายๆ เลย แถมในอุโมงค์เสียงรถจะดังมากๆ ทำให้เครียดมาก นึกภาพถนนโค้งๆ ปั่นย้อนศร มีเสียงครืนๆ ดังนำร่องมาก่อนแล้วรถสิบล้อปรากฏตัวพร้อมไฟหน้าสว่างจ้า ให้อารมณ์เหมือนบอสปรากฏตัว… เป็นอย่างนี้ราวๆ 5-6 ครั้งตลอดทาง… พอหลุดออกจากอุโมงค์ต้องพักก่อน… แล้วพอเช็คในกูเกิลแม๊บก็พบว่า… ไม่ต้องเข้าอุโมงค์ก็ได้ มันมีทางข้างนอก หลังจากนั้นเจออีก 2-3 อุโมงค์ก็อ้อมหลบเอาตลอด ไกลนิดนึงแต่สบายใจกว่ามาก
- วันนี้เป็นเลียบโอโบเกะทั้งวัน ไม่มีหลงทาง เนินมีบ้างนิดหน่อยแต่ไม่ชัน ก็ขึ้นลงตามสภาพไปเรื่อยๆ ทำเวลาค่อนข้างดี ก็เลยแวะถ่ายรูปเป็นพักๆ พอเที่ยงๆ เจอร้านราเมงข้างทาง ดูเป็นโลคอลมาก คือมียายแก่ๆ ทำในร้านเล็กๆ มีบิ๊กไบค์จอดกินอยู่โต๊ะนึง เข้าไปไม่รู้จะสั่งยังไง ยายแกทำอาหารอยู่ เลยหยิบมันต้มไปเข้าไมโครเวพเลียนแบบคนที่มาก่อนแล้วไปนั่งรอที่โต๊ะ สักพักยายมารับออร์เดอร์ ก็สั่งราเมงกับข้าวสวยมาชุดนึง
- ราเมงมาเป็นแบบหมอหินร้อนๆ เลย ค่อนข้างเค็มแต่อร่อย เป็นราเมงที่อร่อยที่สุดในทริปที่แล้ว ไม่รู้ว่าอร่อยเพราะหิวด้วยเหรือเปล่านะ กินเสร็จก็ไปต่อสักพัก ดูแผนที่เจอว่าถืงจุดที่ต้องเลี้ยวไปแคมป์ ถ้าไม่มีกูเกิลแม๊ปอย่าหวังจะรู้เลยว่าต้องเลี้ยวตรงนี้ ขอบคุณเทคโนโลยี
- พอเห็นป้ายว่าแคมป์อยู่ข้างหน้าก็เจอเนินเลย… ทางเข้าเป็นเนินตรงยาวไม่มีลีลาอะไร… ขึ้นไม่ไหว เข็นอย่างเดียวเท่านั้น ดีว่าไม่ไกลมาก ถึงแคมป์ก็เจอคนเยอะกว่าทุกแคมป์ (เป็นฟรีแคมป์) มีทั้งมากางเล่นๆ ปิ้งบาบีคิว พาลูกมาเที่ยวเล่น ก็เดินๆ ที่เยอะอยู่ อยากลองตั้งแคมป์บนเวทีไม้แบบนี้ดูสักรอบ พอจองที่เสร็จก็เดินไปหาผู้ดูแลแคมป์ขอตั้งเต็นท์ ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร กรอกๆ ข้อมูลนิดหน่อยก็จบ
- ตั้งเต็นท์บนพื้นไม้ค่อนข้างยากตรงปักหมุด ร่องไม้มันไม่ค่อยจะพอดี แต่พอตั้งเสร็จแล้วเป็นสัดเป็นส่วน มีพื้นต่างระดับให้นั่งด้วย เนื่องจากว่างก็เลยไปนั่งในกระท่อมตรงกลาง มีเด็กๆ วิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวเป็นแบ็กกราวด์ กุก็นั่งเล่นอาร์คไนท์ฆ่าเวลาไปไป… พอสำรวจรอบแคมป์แล้วพบว่าแม่งไม่มีอะไรขายจริงๆ มื้อเย็นก็จึงเป็นกล้ายสองลูกที่เหลือมาจากซื้อเล่นๆ ตอนกลางวันนั่นเอง….