– เขียนยาวๆ พิเศษเกี่ยวกับ NFT เนื่องในวาระครบ 1 ปี –
(ถ้านับจากเวลาลงงานก็วันที่ 6 เดือนหน้าแต่เขียนเสร็จแล้วลงเลยละกัน)
ก็เป็นหนึ่งปีที่โลดโผนมาก เหมือนนั่งรถไฟเหาะ ได้ทำอะไรใหม่ๆ เยอะมาก ได้วาดรูปและตั้งใจวาดเยอะมาก คิดว่าพัฒนาฝีมือไปพอสมควรทีเดียว(ยังไม่กล้าบอกว่าเยอะ) ได้ตังเยอะมาก และตื่นเช้ามาตังก็อาจจะหายไปครึ่งนึงได้แบบงงมากๆ เช่นกัน
อธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ทำอยู่หน่อย ตลาด NFT มันคือการขาย Token ยืนยันความเจ้าของสิ่งนั้นๆ ในที่นี้คือรูปภาพ(หรืออนิเมชั่น) คนที่ถือครอง Token ก็จะได้รับการยอมรับว่าเป็นเจ้าของสิ่งนั้นๆ แต่ทุกอย่างมันจะอยู่บน Blockchain คนที่ให้ค่า”สิทธิ์ความเป็นเจ้าของ” เหล่านี้ก็คือคนที่สนับสนุน Blockchain อีกที ทีนี้คนในแวดวง Blockchain มันก็จะเป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนมากจะไม่เกิน 2X และร่ำรวยในเวลาไม่กี่ปี คนรุ่นนี้ก็จะมีพวกรสนิยมโอตาคุเยอะหน่อย พวกนี้ก็จะช่วยสนับสนุน(อ่านว่าซื้อ)ผลงานประเภท 1/1 ที่ผมทำอยู่ แน่นอนว่า NFT มันก็มีประเภทอื่นด้วย แต่นั่นเป็นเรื่องที่เราจะไม่พูดถึง บอกไว้ก่อนว่าผมฟลิปโปรเจ็คอยู่บ้างแต่ไม่ได้เทรดเหรียญเลย
สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองก็ลองได้เลย ไม่มีอะไรน่ากลัวนอกจากแสกมเมอร์(จริงจัง) แต่บอกไว้ก่อนว่าตลาดนี้ถึงจะมีเงินหมุนเวียนสูง แต่มันก็ค่อนข้างพิลึกและก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน อืม….ไหนตะกี้บอกว่าไม่น่ากลัว… อืม….
เอาใหม่ ผมว่าวงการนี้มันน่ากลัวอยู่ทีเดียว คุณรับได้มั้ยว่าจู่ๆ ตื่นเช้าตังที่ได้มาจากการขายเมื่อวานหายไปครึ่งนึง(หรือมากกว่านั้น) คุณรับได้มั้ยว่าคุณต้องวาดอะไรไม่รู้โดยที่ไม่รู้ว่าใครจะมาซื้องานคุณหรือเปล่า คุณจะรู้สึกดาวน์มั้ยเวลางานที่คุณทุ่มเทวาดแต่ขายไม่ออก แต่กลับเห็นงานที่ดูไม่สวยเลย เหมือนเขี่ยๆ แต่ขายได้ราคาแพงกว่ารูปสุดเทพของคุณสิบห้าเท่า คุณอาจจะสะดุ้งตื่นทั้งคืนเพื่อเช็คเมลว่ามีคนบิดงานหรือยัง(และก็ยังไม่มี) คุณรับได้มั้ยถ้ามีใครสักคนมาทีหลังแล้วแซงคุณไปอย่างรวดเร็วไม่เห็นแม้แต่เงา
วงการนี้ไม่ใช่แค่วาดให้สวยๆ วางไว้แล้วจะมีคนมาชื่นชม มันปัจจัยหลายอย่าง ที่สำคัญคือมันมีความโปร่งใส คุณขายได้เท่าไหร่ เมื่อไหร่ ใครซื้อไป ทุกคนรู้หมด และมันทำให้เกิดการเปรียบเทียบได้ง่าย จึงทำให้เกิดความเครียดแอบแฝง เป็นความเครียดที่ยากจะอธิบายให้คนนอกเข้าใจ คิดว่าบทความที่ปลาทูเคยเขียนไว้แสดงให้เห็นถึงความเครียดของศิลปินสายนี้ได้ชัดเจนที่สุด
คนที่จะอยู่ตรงนี้ได้ไม่ใช่คนที่โด่งดังหรือคนที่เก่ง แต่เป็นคนที่ปรับตัวและพัฒนาได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือความคล่องตัว หนึ่งปีผ่านมาคนที่ยังเหลือในแวดวงตรงนี้อย่างสม่ำเสมอ มีน้อยมากที่เป็นนักวาดอาชีพหรือคนมืชื่อเสียงมาก่อน มีคนเก่ง ประสบการณ์สูง โด่งดัง พอลองมาขายสักพักก็จะ fade หายไปแบบเงียบๆ พื้นที่ตรงนี้มันไม่ได้เหมาะกับพวกเขา โดยเฉพาะเรื่องสภาพคล่อง การมีตัวตนในสังคมและคอนเน็คชั่น เพราะสิ่งเหล่านั้นต้องเริ่มกันใหม่หมด ทำให้คนที่ไม่ต้องแบกรับอะไรเยอะค่อนข้างได้เปรียบ
การอยู่รอดในวงการนี้… ถ้าอธิบายง่ายๆ เลยคือคุณต้องสนุกกับมัน แล้วมันจะไม่มีปัญหาเลย มันมีอะไรให้ทำเยอะมาก มี Contest ทุกอาทิตย์ รางวัลเยอะแยะ มีคนรวยๆ ที่อยากจ้างคอมมิชชั่นให้วาดตัวอะไรไม่รู้ มีกิจกรรมหา WL10Kโปรเจ็คให้ลุ้นโชค ไหนจะสภาพตลาดสุดผันผวนให้คุณซิ่งได้แม้ไม่ต้องวาดรูป
ปัญหาที่มือใหม่มักสงสัยคือทำยังไงถึงมีตัวตนในคอมมูได้ ทำยังไงถึงจะรู้จักคอลเล็คเตอร์ เรื่องพวกนั้นช่างมันไปก่อน แล้วเล่นมันให้ครบทุกอย่าง หาคอมมูแลกเปลี่ยนข่าวสารแล้วนั้นก็เริ่มจากอะไรที่มันเปิดกว้างอย่างลง Contest วาด Derivative วาดงานลุ้น WL เดี๋ยวก็มีคนรู้จัก ถ้างานดีมีคนถูกใจก็อาจจะมีคอมมิชชั่นเข้า ทำไปเรื่อยๆ มันต้องเจออะไรที่ตรงสายคุณสักอย่างเอง หลายคนเลิกวาดรูปไปเป็น Flipper เลยก็มี… ดังนั้นมันจึงเกี่ยวข้องกับความคล่องตัวอย่างมาก
อีกอย่างที่สำคัญคือต้องอัพเดทข่าวสารให้ไวด้วย เทรนด์ทุกอย่างมันรวดเร็วมาก ไอ้ที่ผมเขียนไปมันก็อาจจะตกยุคไปแล้วก็ได้ บอกไว้ก่อน
เกี่ยวกับรายได้ ผมรู้ว่าคุณอยากรู้… ถามว่าวาดรูปขาย NFT รายได้ดีขนาดไหน ผมมีรายได้จากการขายงานรวมกับการฟลิปเฉลี่ยๆ ราวเดือนละ 1 ETH แต่พักหลังตลาดโปรเจ็คพังพินาศ รายได้จากการฟลิปมันก็ลดลงไป ว่ากันตรงๆ มูลค่าตลาดมันตกมาเยอะ ตอนนี้ผมมองว่ารายได้อยู่ในระดับที่สูงกว่า Artist ทั่วไป แต่ยังไม่เท่ามืออาชีพดังๆ มันผ่านช่วงเทศกาลมาแล้ว คนดังๆ เก่งๆ ที่เข้ามาช่วงเทศกาลก็กลับไปทำงานปกติกันหมดแล้ว มั่นคงกว่าเยอะ แต่ถ้าใครอยากลองก็ลอง DYOR
ขู่จังว่าเครียดมั้ยๆ แล้วผมเครียดหรือเปล่า ผมคิดว่าผมก็เครียดอยู่ แต่ก็เครียดน้อยกว่าคนอื่นเยอะ วงการนี้มันเกิดการเปรียบเทียบง่าย ตัวเลขมันชัดและเปิดเผย ถ้ารับได้มันก็ไม่เป็นปัญหา ด้วยความที่ผมมาตัวเปล่าไม่มีชื่อเสียง มันไม่มีอะไรจะเสีย และผมคิดว่าผมอยู่ในกลุ่มที่ขายได้เรื่อยๆ ก็เลยไม่ค่อยเครียด ช่วงที่เครียดที่สุดคือช่วงที่ ETH ดิ่งเหว ราคาร่วงจาก 4800 เหลือ 900 แล้วผมถือไว้เต็มๆ… เครียดจนต้องถลุงเหรียญซื้องานคนอื่นเล่น มานับๆ ดูก็หมดไปเป็นแสน…
สภาพตลาดตอนนี้อย่างที่บอกคือมันเลิกเห่อแล้ว เหรียญก็ตกมามาก มูลค่ามันก็กลับสู่ความเป็นจริง งาน 1/1 ราคายืนพื้นขายออกกันที่ราวๆ 0.1-0.2 ตีเป็นเงินไทยก็ 6,000-12,000 ถ้าราคาดีหน่อยอาจจะไปได้ถึง 0.3 0.4 ก็ราวๆ 20,000 กว่าบาท มันไม่ใช่จำนวนที่จะดึงดูดคนมาเล่นอย่างหน้ามืดตามัวแล้ว ตอนที่ผมขายได้ครั้งแรก ราคาพื้นก็ 0.2 แต่ตีราคาเหรียญตอนนั้นก็ 2 หมื่น แถมราคาพุ่งไป 1 แสนได้ไม่ยากมาก ต่างกันเป็นเท่าตัว แต่ให้มองกลับกัน ถึงจะโดนแซะเยอะ แต่ 1ETH = 1ETH มันมีอยู่จริง ราคางานทั้งตลาดก็ยังอิงราคาเหรียญอยู่ แม้ว่าราคาเหรียญปีที่แล้วกับปีนี้ต่างกันมาก แต่ราคางานและคอมมิชชั่นกลับไม่ค่อยต่างกัน ผมยังขายงานเริ่มต้นที่ .275 เหมือนเดิม
ส่วนเรื่องการซื้อขาย ปีที่แล้วมันไฮป์กันเกินจริง อย่าไปยึดติดภาพเก่าๆ ปัจจุบันนี้เหรียญก็พังพินาศ Platform ขาย NFT เจ๊งไปเกือบหมดสิ้น บอกตรงๆ ว่าขายยากมาก เพราะคนไม่มีเงิน คนที่แห่เข้ามาเพราะคิดว่าซื้อไปก่อนขายทีหลังก็กำไร ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าตลาด 1/1 มันเป็นเรื่องความพึงพอใจล้วนๆ ทำกำไรไม่ได้ เขาก็เลิกเล่นไป
แต่มันเป็นโชคดีของตลาด 1/1 สายอนิเม มันเป็นเรื่องของใจรัก ถึงนักสะสมคนเก่าหายไป ก็มีนักสะสมคนใหม่เข้ามาเรื่อยๆ อาจจะไม่เยอะเท่าเดิมแต่ก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ถ้าตลาดฟื้นและทำกำไรได้ นักสะสมเก่าเขาก็พร้อมจะกลับมาสนับสนุนอีกครั้ง
แม้ว่ามูลค่าของเหรียญจะตกไปเยอะ แต่วงการนี้ก็ยังให้ค่างานมากกว่าไปรับคอมมิชชั่นโลก web2 อยู่(มาก) แล้วก็เลือกทางนี้แล้วด้วย อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่สนุกมากจริงๆ ก็คงเล่นต่อไปเรื่อยๆ แหละ แต่คราวนี้ถ้ามี ATH จะขายเก็บเงินสดมั่งล่ะ ถือไว้แล้วเครียด….