หนังเรื่องพลอยจริงๆนั้นได้ฉายโรงไปนานแล้วแล้วหล่ะ ผมก็ไปดูมา และก็ชอบไม่น้อย เรียกได้ว่าหนังของเป็นเอก (ผู้กำกับ) ผมก็ชอบเรื่องนี้ที่สุด เพราะมันง่าย เรียบ แล้วก็ได้ความรู้สึกดี หนังก็ได้คำชมจากหลายๆคน ตามพันทิป/เฉลิมไทย ก็มีกระทู้พูดถึงมากมาย มีทั้งเสียงที่ชอบและเสียงที่ไม่ชอบ ได้ออกมาถกประเด็นของหนังกัน มีการเสนอแนวคิดอะไรหลายอย่าง
สักสองสามอาทิตย์ก่อนได้มั้งหนังเรื่องนี้ก็ออกมาเป็น DVD และ VCD ทำถึงเวลาที่มันจะเข้าถึงกลุ่มผู้ชมอีกกลุ่มนึงที่ไม่ได้ดูในโรง ซึ่งทำให้เกิดกระทู้อย่าง หนังเรื่อง พลอย ……เป็นหนังเทพชัดๆ…. และ เพิ่งดูหนังเรื่องพลอย หนังมันต้องการจะสื่ออะไรครับ ไม่เข้าใจจริงๆ และอีกมากมาย ลองไปหาดูก็ได้ ประเด็นปัญหาของผู้วิพากษ์ที่เห็นได้บ่อยๆเลยก็คือ “ไม่เข้าใจ” และ “ต้องการจะสื่ออะไร” สุดท้ายก็จะกลายเป็นสาดเสียเทเสีย หนังทุนต่ำบ้าง ทำเป็นเท่บ้าง ทำมาแล้วสื่อไม่เข้าใจ จะทำมาทำไม แล้วก็เริ่มประชดประชันกันไปมา (ตามสโลแกนของพันทิป ด่ากันไปด่ากันมาด่ากันเอง) อืม…ผมไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายยังไงดีเลย
“ศิลปจะเริ่มต้นเมื่อคนเราอิ่มท้อง” คำพูดน่าจะประมาณนี้มั้ง ผมจำได้ไม่เป๊ะเท่าใหร่ และจำไม่ได้ว่าใครพูดด้วย ในตอนแรกผมก็ออกจะต่อต้านคำนี้และคิดว่ามันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ศิลปมันอยู่ในทุกผู้คนอยู่รอบๆตัวเราเสมอต่างหาก แต่เวลาผ่านไปผมก็เริ่มจะเข้าใจคำนี้ขึ้นมาบ้างนิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยลำบากเรื่องเงินๆทองๆล่ะมั้ง (เพราะผมเป็นคนงก lol)
หนังเรื่องพลอย เป็นหนังที่สนองความต้องการของคนกลุ่มนึงที่เริ่มหาความลึกซึ้งของชีวิต ไม่ได้เป็นหนังสำหรับคนทั่วไปดู อันนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะเข้าใจดี รูปแบบการสื่อสารในหนังก็เลยมีความแปลกใหม่และไม่ชัดเจน ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเด่นของหนังเลยหล่ะ แต่คนหมู่มากในสังคมไม่ได้เป็นกลุ่มที่จะรับสารในรูปแบบนี้ ก็เลยเกิดปัญหาเรื่องความเข้าใจที่ไม่เท่าเทียมกันขึ้นมา สุดท้ายก็เริ่มดึงอคติและความเหลื่อมล้ำทางสังคมเข้าเกี่ยวข้อง
สมมติว่าผมเป็นคนชอบหนังเรื่องพลอย ผมเดินไปกินเกาหลาเลือดหมู แล้วผมก็เริ่มมองไปรอบๆเป็นเด็กชายหญิงสองคนนั่งดูหนังเรื่องสไปเดอร์แมน 3 กันอย่างสนุกสนาน ผมมองไปรอบๆเห็นคนแม่ค้า เห็นคนมากินข้าว เห็นคนเตะฟุตบอล รอบๆตัวผมในตอนนั้นจะมีสักกี่คนที่ถ้าเกิดได้ดูหนังเรื่องพลอยแล้วจะบอกออกมาว่าชอบหนังเรื่องนี้
กลับมาที่ประเด็นของหนังกันหน่อย หนังเรื่องนี้ถ้าเพียงเปิดใจคุณก็เข้าใจ สารที่สื่อออกมาชัดเจนมาก แต่ถ้าคุณยึดติดหรืออยู่ในกรอบเก่าๆ มันก็จะจบลงด้วยคำถามมากมาย หนังเรื่องนี้หรือทุกๆเรื่อง บางครั้งมันไม่มีคำว่าถูกหรือผิด คำตอบก็คือสิ่งที่คุณเข้าใจเมื่อดูหนังจบ ไม่มีสารใดที่ได้รับมาแล้วผิด ทุกอย่างคือสิ่งที่ถูก ลืมคำถามบางอย่างไปซะ เพราะในชีวิตจริงคุณก็มีคำถามตั้งอีกมากมายที่คุณก็ไม่รู้คำตอบแต่คุณก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ มันก็เหมือนๆกันน่ะหล่ะ คำถามถ้าไม่มีคำตอบตอนนั้นคุณก็ลองหาคำตอบให้กับมันดูด้วยตัวคุณเอง คุณไม่ได้ทำข้อสอบอยู่ไม่ต้องกลัวจะโดนหักคะแนน มันอยู่ที่คุณจะได้อะไรจากการขบคิดของคุณต่างหาก
ถ้าลองซื้อหนังเรื่องนี้ในแบบของ DVD ในส่วนของ Special Features นั้นมีอยู่อันนึงที่ชื่อ Director’s Commentary หรือภาษาไทยเขียนว่า “ปลดล๊อคความรัก” ผมก็ไม่รู้น่ะนะว่ามันทำไมต้องตั้งชื่อแปลกๆที่ไม่สื่อความหมาย แต่เหมือนว่าคนตั้งเค้าจะชอบของเค้ามากเลยทีเดียว ในหัวข้อนี้จะเป็นการตัดพ้อของเป็นเอกที่พูดถึงว่าทำไมใครๆถึงบอกว่าหนังของเขาดูยาก แท้จริงแล้วการจะดูหนังของเค้านั้นมันง่ายนิดเดียวแท้ๆ เพียงว่าไม่ยอมทำความเข้าใจกัน (แต่ผมว่าสิ่งที่ยากที่สุดก็คือการทำให้คนอื่นทำความเข้าใจกับสิ่งที่ง่ายที่สุดน่ะหล่ะ) มันไม่ยากเลย
น้องพลอยกับ Ze(a)tMan เล่มที่โป๊ที่สุดก่อนจะโดนสั่งเก็บ
อ่านการ์ตูนโป๊ในห้องน้ำมันเป็น Symboic แฝงอะไรบางอย่างกันหรือเปล่านะ!?
ประเด็นแถมนิดนึง เวลาเมื่อหนังหรือะไรที่มีคำถามต่างๆ ตามมามากมาย ก็จะมีการสรุปรวบยอดข้อผิดถูกแบบปิดประเด็นเสร็จสรรพ ให้อ่านกันแบบไม่ต้องคิดเลย ซึ่งคนส่วนใหญ่จะชอบมากบทสรุปอะไรแบบนี้ บางครั้งมันก็อ่านสนุกดีนะ แต่บางครั้งสิ่งสำคัญมันไม่ใช่สิ่งที่ได้มา แต่มันคือขั้นตอนที่จะได้มาต่างหาก เหมือนกับว่าคุณมี Relic Aegis จาก Account ที่ซื้อมาเพราะว่าคุณรวย มันเทียบไม่ได้กับ Aegis อีกอันที่ได้มาจากความพยายามของตัวเอง (น่านยังพยายามโยงเข้า FFXI)