367 | 2012 Winter

สวัสดีปี 2012 ยามสายและอนิเมฤดูกาลใหม่ รอกันอยู่หรือเปล่า? เตรียมน้ำร้อนกันไว้หรือยัง? กลับมาอีกแล้วกับ An Unbiased Review ประจำ Winter Anime 2012!! ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวถึงอนิเมในซีซั่นที่แล้วกันเสียก่อน ยาวหน่อยนะ
ซีซั่นที่ผ่านมาผมได้ดู คนเพื่อนน้อย, เบนโตะ, gdgd, Idolmaster Working!! และเพนกวินดรัม จบ ส่วน Fate Zero, Chihayafuru, Horizon ,P4 และ Guilty Crown นั้นเป็นอนิเมที่ยังไม่จบแต่ว่าติดตามอยู่ จะขอเขียนถึงส่วนนี้ก่อนละกัน เริ่มจาก Fate Zero ที่ถึงจะยังไม่จบแต่ก็ไม่ได้ฉายต่อทันที พักไป 1 ซีซั่น Fate Zero เป็นอนิเมที่เริ่มต้นแบบแปลกๆแต่สุดท้ายก็สนุกมาก ทั้งด้านภาพก็ทำได้ดี บทพูดก็เชือดเฉือนกันอย่างเมามันส์ แต่ม้ามืดที่สุดในซีซั่นก็คือ Horizon ที่เริ่มต้นจากศูนย์ไม่ได้มีความประทับใจอะไรเป็นพิเศษ(นอกจากหน้าอกใหญ่มากๆ) แต่กลับทำให้รู้สึกสนุกน่าติดตามอย่างไม่น่าเชื่อทั้งที่ดูไม่รู้เรื่องเลย…. อนิเมมหากาพย์สงครามขนาดยาวที่ตั้งอยู่บนบรรทัดฐานว่าตัวละครทุกคนสติไม่ดี จากยอดขายที่สูงมากทำให้ค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าจะต้องมีภาคต่อ แต่หากซันไรส์คิดจะทำภาคต่อให้ครบทั้งเรื่อง น่ากลัวว่า Horizon จะยาวถึง 200 ตอนได้สบายๆ ส่วน Chihayafuru นั้นสนุกมากจริงๆ ขณะที่ P4 กลับไม่ดีเท่าที่ควร บางตอนเข้าขั้นแย่แต่บางตอนก็ดีมาก ไม่ค่อยจะคงเส้นคงวานัก ถึงกระนั้นเลยด้วยฐานแฟนจากเกมที่เหนียวแน่นและมีกำลังซื้อก็เลยทำยอดขายสูงสุดในซีซั่น เรื่องสุดท้าย Guilty Crown… กิลตี้คราวน์เอ๋ย…กิลตี้คราวน์….เจ้าช่างทำร้ายจิตใจข้ายิ่งนัก วันนี้ข้าขอสารภาพความในใจทั้งหมด
ผมเขียนรีวิวอนิเมแบบหยาบๆครั้งแรกปี 2007 จนมามีดราม่าตอนปี 2008 จากนั้นก็เริ่มเขียนอย่างเป็นชิ้นเป็นอันทุกซีซั่นเรื่อยมา เขียนดีมั่งห่วยมั่งคละเคล้ากันไป ทุกครั้งที่ผมย้อนกลับไปอ่านผมก็ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองเขียนไปนั้นก็เป็นไปตามที่คิดบ้างไม่เป็นไปตามที่คิดบ้างตามประสา แต่เรื่องที่ผมชอบก็ยังเป็นเรื่องที่ผมชอบเสมอ ทว่า…Guilty Crown นั้นทำให้ผมเกิดความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมรู้สึก อับ อาย มาก เวลากลับไปอ่านรีวิว Guilty Crown ของตัวเอง นี่กรูเขียนลงไปได้ไง! ประโยคอย่าง​ “◦◦◦◦◦◦◦◦◦◦◦◦◦◦” (ไม่อยากแม้แต่จะกลับไปก๊อปมาให้อ่าน) อ่านแล้วอยากจะตายหนีความขายหน้านี้ไปให้รู้แล้วรู้รอด นี่กรูอวยอนิเมเถือกนี้สุดลิ่มได้เยี่ยงไร! นี่ต้องเป็นตราบาปที่สร้างแผลใจให้กับผมไปอีกนาน เป็นความผิดพลาดชั่วชีวิตที่ยากจะลบล้าง กิลตี้คราวน์นั้นสามารถทำให้การคาดหวังของผมดับสูญเสียเปล่าอย่างสิ้นเชิง มันเป็นอนิเมที่ไม่สนุกเลย พล๊อทเรื่องไม่มีเหตุผล ตัวละครกลวงโบ๋ การพัฒนาของตัวละครที่ไร้มิติและการกระทำมากมายที่ไม่มีเหตุผลรองรับ สิ่งเดียวที่ดีคืองานอนิเมชั่นและเพลง(เอ๊ะ…สองอย่างนี่หว่า แต่ช่างมันเถอะ)กิลตี้คราวน์นั้นสนุกที่สุดคือตอนแรก รองลงมาคือตอนที่สอง จากนั้นความสนุกมันก็รูดลงเรื่อยๆเหมือนกราฟเอกซ์โพเนนเชียล มีคำพูดนึงจากผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ใช้นามสมมติว่า [เจ้าหญิงS] วันนึง [เจ้าหญิงS] ตรัสไว้ว่า “Guilty Crown ก็เหมือนกับหุ้น IPO ที่ซื้อมาเพราะว่ามีคนเชียร์ พอเปิดตัวจริงๆราคาเสือกลงฮวบๆ ก็ได้แต่ถือไว้แล้วหวังว่าสักวันมันจะขึ้น” พอผมได้ยินแล้วแทบจะมุดแผ่นดินหนี อยากจะลบรีวิวกิลตี้คราวน์ทิ้งแล้วทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าลงไว้หลายที่เกิน…. ผมขอกราบขอขมาแฟนๆบล๊อกทั้งห้าแสนสามหมื่นล้านคนที่อ่านรีวิวซีซั่นก่อนแล้วหันมาติดตามกิลตี้คราวน์แต่ปรากฏว่าผิดหวังไม่สนุก ก่าก เหลาเหย่ เห่ย บัดซบ งี่เง่า หน้าอกแบน อิโนริไทเกอร์คิก NTR อินเซส วีลแชร์จังไม่เอเลแกนท์ สึกุมิสกรีนไทม์ต่ำกว่าแมว ก็ขอให้ทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนะครับ
สำหรับเรื่องที่จบลงในซีซั่นที่ผ่านมาก็คือ คนเพื่อนน้อย ที่เหมือนจะเป็นอนิเมโอตาคุไร้สาระแต่ก็มีทิศทางและสนุกสนานกว่าที่คิด ใครสักคนเคยถามว่าผมอยู่พรรคอะไร ถ้าเทียบแค่ทั้งสองคนนางเอก เนื้อ>โยโซระ ครับ เนื้อเป็นตัวละครที่เห็นแล้วอยากจะรังแกและทะนุถนอมไปพร้อมๆกัน ส่วนโยโซระนั้นเป็นตัวละครที่ไม่ควรแม้แต่จะเกิดมาบนโลกนี้ให้เปลืองอ๊อกซิเจนครับ แต่ถ้าเอาทั้งเรื่องผมชอบริกะที่สุด หื่นดี 😛 เรื่องที่สองคือเบนโตะ สนุกแบบพวกเอ็งอย่ามาทำหน้าซีเรียสกับเรื่องปัญญานิ่มสิวะ! สำหรับ Working!! ภาคนี้ไม่มีการพัฒนาของตัวละครให้ติดตามแบบภาคแรกก็เลยดูจืดๆไปบ้าง แต่ก็ยังดูได้สนุกดี ไอดอลมาสเตอร์นั้นจริงๆแล้วผมดูข้ามๆนะ ไอดอลมาสเตอร์นี่ถ้าตอนไหนมันมีเอกภาพจะค่อนข้างสนุก ถ้ามันยำหลายๆตัวรวมกันจะเละเทะไปหมด ผมชอบตอนของริสึโกะที่สุด แต่ชอบทาคาเนะกับมิกิเป็นการส่วนตัว ส่วนเพนกวินดรัมที่ตกค้างมาจากซีซั่นก่อนนั้น… มันเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย เพนกวินดรัมเป็นอนิเมที่จะบอกว่าสนุกก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่สามารถบอกได้ว่าเป็นอนิเมที่ยากจะเลียนแบบเรื่องนึงเลยทีเดียว ก่อนตายหากได้ดูสักครั้งก็เป็นเรื่องไม่เสียหายอะไร สุดท้ายคือ gdgd แฟรี่ส์ ที่ตลอดเวลาที่ดูก็เกิดคำถามว่าไอ้อย่างนี้น่ะเรียกว่าอนิเมหรือเปล่าวะ? แต่กลับฮาขี้แตกขี้แตนได้อย่างไม่น่าเชื่อ สนุกกว่านิจิโจสักแปดแสนเท่า (เอ๊ะเดี๋ยวก่อน ค่าความสนุกนิจิโจนั้นเป็นลบ แปดแสนเท่านี่มันเท่าไหร่กันแน่?) ใครก็ตามที่ดู gdgd จนถึงตอนจบนั้นผมกล้าพูดได้เลยว่าคุณต้องเสียน้ำตาแน่นอน คำเตือน: ห้ามดูเกินวันละสองตอน เป็นอันตรายต่อระบบประสาทและสมอง
ไปๆมาๆพูดถึงซีซั่นก่อนซะยาวเลยแฮะ….สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนก็เหมือนเดิมละกัน เต็มร้อยคะแนน คุณภาพไม่เกี่ยวกับพล๊อท ดูไม่จบก็ F …ทำไมคำอธิบายมันสั้นลงเยอะเลยเนี่ย เรียงจากห่วยไปดีนะครับคราวนี้
• คิลมีเบบี๋

เรื่องนี้ถ้าจำไม่ผิดผมเห็นเป็นมังงะของรักพิมพ์ อ่านชื่อเรื่องก็เดาได้แล้วว่ามันต้องไม่สนุกแน่ๆ ไม่รู้ผีห้าซาตานอะไรดลใจให้จับมาทำอนิเม เอาก็เอาเถอะ นิจิโจก็ดูจบมาแล้ว กลัวอะไรกะอีแค่อนิเมปัญญานิ่มอีกสักเรื่อง! เปิดมาปุ๊บเจอ OP มะเร็งระยะสุดท้ายทำลายความเชื่อมั่นลงในบัดดล หลังจากอดทนดูไปได้ 2 นาทีผมก็พบว่ามันไม่สนุกเลย ไม่ขำเลย ไม่ขำยิ่งกว่านิจิโจอีก แถมไม่มีแรงขับเคลื่อนให้ต่อสู้กับมันแม้แต่น้อย มุกเพื่อนนักฆ่าวัยมัธยมก็ไม่ได้มีความคิดสร้างสรรค์ มุกก็ไม่ได้ตลกอะไร จะยิ้มมุมปากสักนิดยังไม่มี ถ้าถามว่าอะไรที่พอจะทำให้ดูได้สนุกบ้างก็คงจะเป็นการที่ตัวละครมาทำท่าน่ารักๆเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาเลย ปิดไปนาทีที่ 4 ไร้ความสุนทรีย์และแรงบัลดาลใจโดยสิ้นเชิง
Checkpoint: OPที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ความน่าติดตาม: พูดเรื่องอะไรน่ะ?
คุณภาพ: F


• Zero no Tsukaima F

ขี้เกียจเปิด
คะแนน: /100
คุณภาพ: F


• ขลุ่ยกระเป๋า

การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของราชินีพระเจ้านักพากย์บิทช์ผู้ฟาดนักร้องแบ็คอัพในวงตัวเองมาแล้ว3คน เธอคนนั้นจะเป็นใครได้อีกนอกจาก ฮิราโนะ อายะ คนนี้นี่เองเองเอง(เอคโค่ซ้ำ3ครั้ง) เรคคอร์เดอร์กับกระเป๋ารันด์เซลเป็นอนิเมเรื่องใหม่เพียงเรื่องเดียวในซีซั่นนี้ที่ ฮิราโนะ อายะ สุดยอดเซยูแห่งสหัสวรรษลดฐานะอันสูงส่งลงมาพากย์ เธอได้พากย์เป็นซาโยะเพื่อนของพี่สาวพระเอก เธอมีบทพูดในตอนนี้ถึงสามครั้ง! แค่นั้นก็เพียงพอแล้วให้แฟนคลับออกมาชื่นชมล้นใจน้ำตาไหลซึ้งงงงงง
เรคคอร์ดเดอร์กับกระเป๋ารันด์เซลเป็นอนิเมสั้นแนวตลกสบายๆ เนื้อหาเกี่ยวกับเด็กประถมที่ร่างกายเหมือนมนุษย์เงินเดือนกับพี่สาวที่อยู่ชั้นมัธยมแต่หน้าตาเหมือนเด็กประถม มุกในเรื่องก็ฮาดี สั้นๆ ดูเพลินๆก็ไม่เสียหายอะไร ขำกว่าคิลมีเบบี๋เยอะ
Checkpoint: การกลับมาดั่งพญาวิหคเพลิงฟินิกส์คืนชีพของนักพากย์ในตำนานไร้พ่ายแสนอื้อฉาว
คะแนน: 22/100
คุณภาพ: D


• Highschool D&D

เซอร์วิสอนิเมเต็มตัวประจำซีซั่น มุมกล้องมักจะอยู่ต่ำกว่าระดับกระโปรงและบ่อยครั้งที่ตัวละครจะถอดเสื้อผ้าโดยไม่ได้นัดหมาย Highschool D&D เดินเรื่องด้วยเด็กมัธยมชายวัยหื่นอย่างไม่ปิดบัง นางเอกของเรื่องเป็นสาวทรงโตชอบโชว์ แต่ว่ากันจริงๆแล้วอนิเมก็สนุกกว่าที่คิด(เพราะคิดว่าจะแย่มาก) จังหวะเรื่องและมุกตลกก็สอดแทรกกำลังดี ติดเสียแต่ที่ชอบถอดเสื้อผ้าแบบกระทันหัน(หรือว่านั่นเป็นเรื่องที่ดี!?) ผมไม่ค่อยชอบนางเอกผมแดงเพลิงเท่าไหร่ ดูคาแรกเตอร์เจ๊แกเดิมๆชอบกล ราชินีเปอร์เฟ็คคัพFกับทาสเศษมนุษย์(พระเอก) ผมชอบยูมะปีศาจที่มาหลอกพระเอก ดูหลากหลายจริงใจดี แต่เหมือนว่าอีกสองตอนก็จะงอกซะแล้ว…เสียดายจัง สิ่งที่ผมตะลึงที่สุดในตอนแรกนี้ก็คือการปรากฏตัวของโคเนโกะเพื่อปัดหอกให้รีอัส approach scene ของเธอคือกางเกงในลายจุดก่อนจะได้เห็นหน้าของเธอเสียอีก คิดว่าผมน่าจะจำเธอได้จากกางเกงในลายจุดโดยที่ไม่ต้องเห็นหน้าเลย ทำไมถึงเป็นลายจุดล่ะ? สีขาวอย่างเดียวน่าจะดีกว่านะ?
checkpoint: นมใหญ่มาก, นาฬิกาปลุกน่าเป็นเจ้าของ
คะแนน: 27/100
คุณภาพ: D+


• โมเรทสึไพเรท

ซีซั่นนี้อนิเมที่รู้สึกเหมือนหลุดมาจากยุค 90 ตอนปลายหรือ 00 ตอนต้นเยอะมาก โมเรทสึไพเรทก็เป็นอีกเรื่อง สาวน้อยธรรมดาๆที่จู่ๆก็กลายเป็นกัปตันยานสลัดอวกาศซะงั้น ตัวงานคุณภาพไม่เลว จังหวะการเล่าเรื่องค่อนข้างเนือยๆและเก่าไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เชยมากนัก มีตัวละครร่วมสมัยอย่างสาวแว่นถุงน่องงามมาให้กระชุ่มกระชวย มีเพลงเปิดที่หนวกหูพอให้หงุดหงิด พล๊อทโดยรวมก็ไม่มีอะไรใหม่ นักพากย์ดังๆหลายคนอยู่ ก็พอดูได้เรื่อยๆถ้าคิดถึงอนิเมแนวผจญภัยในอวกาศอารมณ์เก่าๆ
checkpoint: จิอากิพากย์เมดอีกแล้ว, สาวแว่น+เซ็ตไตเรียวอิคิ+ฮานาคานะ=WIN
คะแนน: 32/100
คุณภาพ: B


• ซิมโฟเกียร์

สำหรับเรื่องซิมโฟเกียร์ตอนแรกนี้เป็นความน่าสะพรึงอย่างแท้จริง ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป ซิมโฟเกียร์ตอนแรกนั้นก็เป็นความบันเทิงที่ยากจะลืมเลือน เปิดเรื่องฉากงานศพแล้วก็ย้อนเล่าเรื่องด้วยหญิงสาวที่ถูกตีตราว่าจะต้องเป็นศพและยังมีเสียงเหมือนบร๊ะเจ้ามาโดกะ จากนั้นก็เป็นฉากคอนเสิร์ทของไอดอลคู่หูที่…น่าขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง ฉากคอนเสิร์ทพยายามทำขึ้นอย่างอลังการ แต่ว่าทำออกมาได้ตลกและงี่เง่ามาก ท่าเต้นสุดบรรเจิด+เพลงของมิซึกินานะ ฉาก 3D ที่เปอร์สเป็คตีพสับสน ทุกอย่างหลอมรวมเป็นความอับอายแสนสลด ระหว่างที่อารมณ์กำลังหม่นหมองจากท่าเต้นที่ราวกับซิกนัสเฮียวงะจะยิงไดมอนดัสต์นั้น อนิเมก็เซอไพรส์ให้คนดูตะลึงด้วยการส่งกองทัพมนุษย์แครอทผูกโบว์ถือเตารีดสองมือออกเข่นฆ่ามนุษย์อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต! (ชื่อรหัสภายใน: มนุษย์ดาวเผากระท่อม#1) ทันใดนั้นเองสาวไอดอลทั้งสองคนบนเวทีก็แปลงร่างจับดาบและหอกออกต่อสู้กับไดโนเสาร์คูลฟิเวอร์ ระหว่างที่ร้องเพลงเองไปพลางบู๊ไปพลางขึ้นป้ายบอกชื่อท่าไม้ตายไปพลาง สาวน้อยที่ปักธงงานศพและเสียงเหมือนบร๊ะเจ้ามาโดกะกลับโดนลูกหลงอกทะลุ คนที่คิดว่าเก่งที่สุดในตอนนั้นก็ร้องเพลงเมกันเต้ตายไปซะเองแทน…. แต่มันยังไม่ใช่แค่นั้น…. ท้ายตอนสาวน้อยที่ปักธงงานศพและเสียงเหมือนบร๊ะเจ้ามาโดกะก็แบกเด็กประถมปีนขึ้นดาดฟ้าแล้วแปลงร่างเป็นโหมดบ้าคลั่ง! จบตอนตะลึงตึงๆ!!!!
ซิมโฟเกียร์เป็นอนิเมที่ทำให้คนดูต้องตกตะลึงไม่ว่าจะด้วยทางไหนซักทางอยู่ตลอดเวลา อาจจะเป็นด้วยพล๊อท ด้วยเพลง ด้วยคุณภาพ ด้วยมอเตอร์ไซค์ ด้วยพฤติกรรมของตัวละคร ด้วยหน้าตาของสัตว์ประหลาด ทุกอย่างล้วนทำให้คนดูตกตะลึงอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยโดยไม่แยแสว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านร้าย ตัวงานคุณภาพค่อนไปทางแย่-ห่วยที่สุด คาแรกเตอร์ดีไซน์ห่วย คุณภาพอนิเมชั่นห่วย พล๊อทตะลึง เพลงอะไรไม่รู้ นักพากย์ชื่อดัง พอรวมกันมากๆอย่างอลหม่านแล้ว ผมก็เริ่มจะสับสนมึนงงจนคิดว่ามันก็สนุกแบบมั่วๆดีนะ…ตอนหน้าคงไม่พลาดแน่
Checkpoint: นอยส์น่ารักมาก, มันอาจจะมีพลังหรืออะไรบางอย่างอยู่ก็เป็นได้
คะแนน: 36/100
คุณภาพ: F


• Brave10

บุคคลในประวัติศาสตร์ยุคสงครามดูเหมือนจะเป็นอาหารอันโอชะแก่จินตนาการของสาวฟุสมัยนี้เสมอ สำหรับ Brave10 นั้นจับเอา 10 ผู้กล้าซานาดะมาปรุงโฉมใหม่ออกมาเป็นแก๊งค์หนุ่มหล่อสุดเท่ห์(และสองสาว)ให้สาวๆน้ำลายหกกันอีก Brave10 ออริจินอลนั้นเป็นมังงะตีพิมพ์ในบ้านเราด้วย ลายเส้นจะคมเฉียบกว่าในอนิเมนิดหน่อย สำหรับเรื่องนี้จะต่างจากอนิเมหนุ่มหล่อเรื่องอื่นนิดหน่อยตรงที่มีนางเอกมาจีบปากจีบคอเป็นตัวเดินเรื่องหลัก แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์หรือคุณงามความดีอะไรเป็นพิเศษ(ตกใจแล้วเรียกแบล็คโฮลได้) แต่การมีตัวตนของอิซานามินั้นทำให้ผมดูอนิเรื่องนี้ได้โดยไม่ลำบากใจ ฉากแอ็คชั่น คุณภาพงาน การเดินเรื่อง ก็ทำได้ไม่เลว ข้องใจนิดหน่อยก็ตรงสมัยญี่ปุ่นยุคสงครามเนี่ยมีspatsใส่กันแล้วเหรอ
Checkpoint: อ่านจนลืมไปแล้วว่าเรื่องเป็นไง, สงสารผู้ร้าย
คะแนน: 42/100
คุณภาพ: C


• ป๊ะป๋า

เรื่องนี้ตอนแรกที่เห็นภาพโปรโมทก็คิดว่าจะเป็นแนวฮาเรมบุฮี้ชวนเบื่อ แต่พอดูจริงๆพบว่ามันก็มีพล๊อทเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่นะเนี่ย เป็นเรื่องน่าเสียใจอยู่ไม่น้อยเลยที่วัฒนธรรมหกล้มหน้าทิ่มกางเกงในนั้นกำลังจะเลือนหายไปกับประวัติศาสตร์ ซีซั่นนี้ยังไม่พบเจอ event อนุรักษ์นิยมแบบนั้นเลยสักครั้ง สำหรับป๊ะป๋าเรื่องนี้เต็มที่ก็เพียงแค่ event เปิดประตูห้องน้ำไปเจอตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น พล๊อทเรื่องคือพระเอกเป็นหนุ่มมหาลัยที่มีหลานสาวสามคน สองคนโตเป็นลูกติดสามีพี่สาว(กรุณาอ่านซ้ำอีกครั้งหากลำดับญาติไม่ถูก) ดังนั้นจึงไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด ไม่อินเชสแต่อินคุกเฉยๆ ส่วนคนสุดท้องนั้นเด็กเกินกว่าจะคิดอะไรเกินงาม ในเรื่องยังมีสาวมหาลัยทรงโตที่เด่นจนมังงะต้องถึงกับสปินออฟให้ ดังนั้นใคร WIN ใครไม่ WIN ก็ไม่ต้องลุ้นกันแล้วสินะ…หึหึ
Checkpoint: สาวมหาลัยทรงโต>ฮารุฮิโคลน, คาแรกเตอร์ดีไซน์สวย
คะแนน: 50/100
คุณภาพ: B


• ดันชิโคโคเซย์โนะนิจิโจ

พูดให้เข้าใจง่ายๆว่าคืออะไร ดันชินิจิโจโคโคเซย์ก็คือนิจิโจเวอร์ชั่นผู้ชายนั่นเอง ต่างกันแค่นิดเดียวคือดันชิโคโคเซย์นิจิโจจะตลกแต่นิจิโจจะไม่ตลก เห็นภาพมั้ยครับ? อนิเมเรื่องนี้จะเป็นฝั่งมุมมองผู้ชาย ดังนั้นมุกในเรื่องจะซกมกตัวผู้ซะเป็นส่วนมาก สาวๆในเรื่องก็มีบ้างประปราย แต่แทบจะไม่ได้เห็นหน้าสักเท่าไร่(ไม่วาด) ดังนั้นถ้าหวังจะพึ่งพาโมเอ้แฟ็คเตอร์(ไม่ใช่ชื่อคน)ก็คงจะต้องผิดหวังไป ตัวงานอยู่ในระดับกลางๆแต่ก็เหมาะสมกับโทนเรื่องและแก๊กตลกดี มุกแต่ละมุกขำจริง ฮาจริง ไม่กริบ ไม่เก็ปเปลดองเกอร์ ไม่ต้องเก็บโทรฟี่ คอนเฟิร์ม!
Checkpoint: เหมาะสำหรับผู้ชาย, ฮาเสื่อม
คะแนน: 53/100
คุณภาพ: D


• Aquarion EVOL

อนิเมหุ่นยนต์ที่มีกลิ่นเก่าๆอีกเรื่องนึง Aquarion EVOL เป็นภาคต่อจาก Genesis of Aquarion (2005) แม้จะไม่นานมากแต่พอรู้ตัวอีกทีก็จะ 7 ปีแล้ว… สิ่งที่โดดเด่นของ Aquarion ในสมัยแรกก็คือเพลงที่เพราะและหุ่นยนต์เป็น 3D สำหรับตอนนี้หุ่นเป็น 3D เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ตัวงานก็คุณภาพใช้ได้ พล๊อตเรื่องน่าติดตามและทำให้คนที่ดูภาคแรกมารู้สึกถวิลหานิดหน่อย คาแรกเตอร์ดีไซน์นั้นออกแบบมาได้ดี (มิโคโนะน่ารัก แต่อีโมได้ KY มาก) เหตุผลในเรื่องก็ตามแบบฉบับเก่าเลย ความรักชนะทุกสิ่ง…. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือท่าไม้ตายที่ชี่อท่าสุดแสนจะมุกเสี่ยว…. ประเดิมท่าไม้ตายแรกชื่อว่า “Flying Love Attack” ที่ถ้าอ่านจากภาษาอังกฤษยังเลี่ยนไม่พอให้อ่านจากคันจิจะได้เป็น​ “สัมผัสรักทะลวงสวรรค์” แทน ยังดีนะที่ไม่ต้องตะโกนชื่อท่าไม้ตายด้วย รวมๆแล้วก็สนุกดีน่าติดตาม แต่ขอแค่อย่าจบแบบภาคแรกก็พอ…ไม่งั้นสาวๆน่ารักเป็นร้อยคนก็แม่มไม่มีฟามหมาย
Checkpoint: AKINO FTW, สู้กันในเมืองบ้านไม่ยักกะพังเท่าไหร่
คะแนน: 61/100
คุณภาพ: B


• อาโนะนัตสึ

และแล้วในที่สุด J.C. ก็เอาจริงกับเขาเสียที กับอนิเมเลิฟคัมดี้กลิ่นเก่าๆที่ไม่ว่าจะนั่งดูนอนดูยังไงมันก็คือโอเนไง้ทีชเชอร์สามชัดๆ หรือจะเป็นโอเนไง้เซมไปก็ได้…. ทีมที่ทำอนิเมชั่นเป็นชุดเดียวที่ทำอาโนะฮานะ (รับงานข้ามไปมาเป็นเรื่องปกติในวงการ) การเคลื่อนไหวและมุมกล้องทำได้ดีแต่ว่าแบ็คกราวด์ยังดูหยาบๆไปบ้าง เปิดเรื่องได้เชยนิดหน่อยจนทำให้เดาต่อได้ง่าย คาแรกเตอร์เพื่อนๆน่ารักดี นางเอกถึงจะพากย์โดยโทมัตจี้(อีตูด@อาโนฮานะ, เทพเถิก@คันนางิ)แต่คาแรกเตอร์นางเอกไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ อย่างที่บอกคือเรื่องนี้มีกลิ่นเก่าๆของโอเนไง้ทีชเชอร์แรงมาก ทำให้แฟนรุ่นเก่าๆ(ที่เริ่มจะแก่)สมควรหามาดูเพื่อรำลึกความหลังเป็นอย่างยิ่ง
Checkpoint: ตอนหน้ามันจะแต่งงานกันมั้ย, ป๊อกกี้ล่ะเฮ้ย
คะแนน: 65/100
คุณภาพ: B


• อินุxโบขุ SS

สุดยอดอนิเมถุงน่องงามแห่งซีซั่นนี้ เวลานี้แล้วเราต้องยอมรับว่า David Production นั้นช่างเป็นเทพสตูดิโอปรมาจารย์ในการรังสรรค์ถุงน่องจริงๆ หลังจากถุงน่องเทพประทานของยาริซุยเซมไปในเบนโตที่งดงามดั่งสวรรค์สร้าง มาคราวนี้หนูริริจิโยะนั้นสามารถกล่าวได้เลยว่าเธอเกิดมาถุงน่อง… ไม่สิ ถุงน่องทั้งปวงล้วนกำเนิดเกิดมาเพื่อริริจิโยะต่างหาก! ในยุคสมัยอันแร้นแค้น โบคุโกะที่นับวันจะยิ่งหายากระดับอัลตร้าแรร์ อินุโบคุเป็นอนิเมที่สามารถปลอบประโลมจิตใจที่แห้งเหี่ยวสิ้นหวังได้เป็นอย่างดี
อินุโบคุเป็นเรื่องเกี่ยวคอนโดผี มีตัวประหลาดๆมาอยู่รวมกัน แต่ประเด็นหลักของเรื่องคือสาวน้อยวัยยังไม่แตกพานกับคนรับใช้หนุ่มหล่อต่างหาก ดูเผินๆจะนึกว่าแนวโชโจแต่ว่าก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะว่ามีฉากเซอร์วิสเยอะเหลือเกิน งานก็ออกมาดี หรืออีกมุมนึงก็จะเรียกว่านี่เป็นชีวประวัติของยามาดะก่อนจะหนีออกจากบ้านไปกินนอนร้านอาหารก็เป็นได้
Checkpoint: ถุงน่อง *แฮ่กๆ*, ยามาดะ!
คะแนน: 71/100
คุณภาพ: B


• Another

งานล่าสุดของ P.A. ที่คราวนี้จับเรื่องสยองขวัญที่ปกติไม่ค่อยมีใครทำอนิเมกันเท่าไหร่ P.A. ก็ยังมีจุดเด่นเรื่องบรรยากาศโลเคชั่นและการเก็บรายละเอียดแบ็คกราวด์เหมือนเดิม สำหรับ Another ก็มีบรรยากาศวังเวงเย็นยะเยือก มืดมนและหดหู่ คล้ายๆกับหนังผีญี่ปุ่น ขัดใจนิดหน่อยก็ตรงตัวละครที่ออกแบบโดย อิโต้ โนอิจิ นั้นหน้าตาน่ารักเกินไป ไม่เข้ากับโทนเรื่องขวัญผวาแบบนี้เลย เนื้อหาในตอนแรกยังเป็นการปูพื้นเรื่องโดยให้คนดูมีความรู้สึกร่วมกับตัวเอกที่เต็มไปความไม่รู้และปริศนา ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้พบเท่าไหร่กับอนิเมแนวระทึกขวัญแบบไม่แฟนตาซีที่สร้างบรรยากาศได้เยือกเย็นแบบนี้ ถ้าเปลี่ยน อิโต้ โนอิจิ กับ เอากาลีเอ้ยอาลีโปรเจ็คออกไป อนิเมเรื่องนี้จะไร้ที่ติเลยทีเดียว สำหรับอนิเมแนวนี้ความสนุกก็คือการที่เราไม่รู้อะไรเลยและดิ้นรนขวนขวายค่อยๆรู้ทีละเล็กทีละน้อย บทสรุปว่าจะชอบหรือไม่ชอบอาจจะอยู่ที่ 5 นาทีท้ายสุดของเรื่องก็ได้ แต่สำหรับตอนแรกนั้นผมประทับใจในบรรยากาศที่เย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง
Checkpoint: หน้าตาจิ้มลื้มกันจังแหม, โรงเรียนสกปรกมาก สมควรไล่ภารโรงออก
คะแนน: 78/100
คุณภาพ: A


• Lagrange

อนิเมหุ่นยนต์หัวใหม่ที่สปอนเซอร์โดยนิสสัน เป็นอีกเรื่องที่ได้กลิ่นอนิเมยุค 90 อีกแล้ว คำจำกัดความของเรื่องนี้ที่ใช้โปรโมทคือ “อนิเมหุ่นยนต์ที่ดูแล้วอารมณ์ดี” มาโดกะที่ไม่ได้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์แต่บ้าพลังมีชะตากรรมจับพลัดจับผลูจนได้ขับหุ่นยนต์ยักษ์ออกไปบู๊และประเดิมด้วยท่าไม้ตายแห่งมนุษยชาติอย่างเยอรมันซูเพล็กส์ คาแรกเตอร์ดีไซน์น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ดี มาโดกะคนนี้ที่ไม่ได้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์นั้นมีคาแรคเตอร์โดนใจผมมาก เหมือนโยโกะ(ยามาโมโตะโยโกะ)+โนริโกะ(กันบัสเตอร์)ผสมกัน คือไฮเปอร์และอารมณ์ดี แถมรันที่โผล่มาก็ให้อิมเมจเหมือนโอเน่ซามะ(ไดบัสเตอร์)อยู่นิดหน่อย งานก็ดีจนไม่อยากเชื่อว่าเป็น XEBEC (+IG) เดินเรื่องแบบสนุกสนานไม่ซีเรียสสอดแทรกด้วยมุกตลกนิดเซอร์วิสหน่อย ตัวหุ่นยนต์ออกแบบแนวสมัยใหม่ดูบอบบางไม่ถึกทึนบ้าพลังอย่างนิสัยนางเอก ถ้าหวังให้มันตัวใหญ่ๆอลังการคงต้องให้ GAINAX ทำละมั้ง เพลงเปิดและปิดร้องโดยนาคาจิม่า เมกุมิ ก็เพราะดีน่ะนะแต่ไม่น่าจะทั้งเปิดและปิด มีคนอื่นสักเพลงให้ไม่จำเจดีกว่า โดยรวมแล้วเป็นอนิเมที่ดูแล้วสนุกมากเป็นอย่างยิ่ง
Checkpoint: มารุ!, เยอรมันซูเพล็กส์
คะแนน: 82/100
คุณภาพ: B+


• นิเสะโมโนกาตาริ

จริงๆก็ไม่อยากจะเขียนถึงเท่าไหร่หรอกนะ-นิเสะโมโนกาตาริเนี่ย! แต่ถ้าไม่เขียนก็คงจะโกรธกันล่ะสิ!! ก็ช่วยไม่ได้ล่ะน้า~ (กรุณาอ่านด้วยน้ำเสียงซึนเดเระแบบที่ชอบ) ด้วยเหตุผลที่ว่านิเสะโมโนกาตาริเป็นภาคต่อของบาเกะโมโนกาตาริ ซึ่งจะเข้ากับกฏที่ผมตั้งเองว่าถ้าเป็นอนิเมภาคต่อผมจะไม่เขียนถึง แต่มอร์เฟียสเคยกล่าวไว้ว่า กฏบางข้องอได้และกฏบางข้อ…หักได้ ดังนั้นก็ลืมๆมันไปซะเถอะ
หลังจากดูตอนแรกไปก็มั่นใจว่าซีรี่ส์◦◦โมโนกาตาริเนี่ย มันเป็นซีรี่ส์ที่ยากเข้าถึงพอตัว ไม่สามารถขยายฐานตัวเองแบบง่ายๆเร็วๆได้ สร้างเฟรนไชส์ยาก แต่ในทางกลับกันคนที่ดูซีรี่ส์นี่แล้วถูกใจ ก็จะถูกใจมากกว่าปกติเช่นกัน แม้ว่าเปลือกนอกของ◦◦โมโนกาตาริจะเต็มไปด้วยสาวๆน่ารักน่าชังหลากหลายบุคลิกเหมือนแนวฮาเรม แต่เปลือกอีกชั้นนึงของซีรี่ส์นี้ก็คือการใช้ภาษาที่ซับซ้อนหลายขั้น(หรือเปรียบเทียบแบบไทยๆว่าแนวทดลอง) การวางปมที่ยากจะรู้ตัว และความเยิ่นเย้อของบทสนทนาที่มีความหมายซ่อนไว้ระหว่างบรรทัด ซึ่งถ้าคนที่ไม่รู้จักไม่เคยอ่านหรือดูบาเกะโมโนมาก่อนพอเจอนิเสะโมโนตอนแรกก็อาจจะผงะไปกับบทพูดจำนวนมหาศาลที่ทั้งมีสาระและไม่มีสาระและแฝงสาระไว้พรั่งพรูออกมาจนท่วมหัว สิ่งนี้เป็นทั้งกำแพงกั้นไม่ให้คนเข้าไปและก็ยังเป็นกำแพงทึบที่ปิดไม่ให้เราออกมาเช่นกัน ทางเลือกมีสองอย่างคือหันหลังและเดินจากไปอย่างมึนงง กับสนใจใคร่รู้ว่าทุกอย่างที่ไม่เข้าใจนั้นคืออะไรกันแน่
นิเสะโมโนกาตาริตอนแรกพิสูจน์ว่าเวลาคนเรามีเงินแล้วอะไรๆก็เปลี่ยนไป บาเกะโมโนกาตาริตอนแรกนั้นก็มีคุณภาพอนิเมชั่นระดับสูงมากแล้ว แต่นิเสะโมโนกาตารินั้นยังสูงยิ่งกว่า ฉากฮิตางิเล่นสนุกกับอารารากินั้นสวยและระทวยมาก เล่นแสงและสีเปลี่ยนอารมณ์อย่างมีชั้นเชิง ในฉากที่คุยกับมาโยยก็มีภาพ Cut แทรกที่คุณภาพสูง(และคุกคามทางเพศ)ที่ดีเกินกว่าจะมาเปิดทิ้งไม่ถึง 1 วินาทีอยู่มากมาย และนิเสะก็ยังคงเป็นนิชิโอะอิชินism บทพูดโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเมามันส์และรัวเป็นปืนกลยังคงอยู่อย่างครบถ้วน เหล่านักพากย์เซ็ทเดิมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นิเสะโมโนกาตาริสามารถตอบสนองความคาดหวังของฐานแฟนเดิมได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าในตอนแรกนี้ซีนฮิตางิจะระทึกเร้าใจขนาดไหนก็อดจะพูดถึงฉากคุยกับมาโยยที่กินใจไม่ได้ (ซึ่งก็มีบทอยู่แค่นี้หล่ะมาโยย) ก่อนจะเริ่มฉายนิเสะโมโนกาตาริ ชาฟท์ปล่อยตัวเทรลเลอร์ตัวสุดท้ายที่แสดงตัวตนว่า “กุหื่น กุเจ๋ง กุบ้า” อย่างชัดเจนไม่ปิดบัง ต่างจากตอนบาเกะที่จะมีอารมณ์แบบปริศนาลึกลับแฝงอยู่ ก็ชัดเจนกันไปเลยดีกว่า…. ไม่ต้องเก๊กให้เสียเวลาอีกต่อไป
สำหรับใครที่พูดว่า “Bakemonogatari(2) อยู่ไหน” จะได้รับสคิลหูทวนลมของผมไป
checkpoint: นาเดโกะ>มาโดกะ(หัวเราะ), ล่วงละเมิดทางเพศผู้ไม่บรรลุนิติภาวะ
คะแนน: 90/100
คุณภาพ: A


• อามางามิ SS+

Impossible to gauge!
Checkpoint: โปรล๊อก 6 ตอนก่อนจะเริ่มฉาย “อามางามิ SS+ ไอจังอีสมายไวฟ์” ความยาว 2 ตอน และเอปิล๊อกปิดท้ายอีก 4 ตอน
คะแนน: 100/100
คุณภาพ: SS+


ปัจฉิมลิขิต
คะแนนเฉลี่ยเยอะกว่าปกติ ไม่รู้ว่าผมใจดีขึ้นหรือซีซั่นนี้มันสนุกขึ้นก็ไม่รู้นะ เรื่องที่ไม่ได้เขียนก็มี Area no Kishi ที่ข้ามๆไปเพราะขี้เกียจ โรงอาบน้ำโรมันก็ข้ามไปเพราะอนิเมสั้นๆ แถมเป็น Flash อนิเม ถ้าให้อธิบายสั้นๆก็ถ้าอ่านมังงะแล้วไม่ต้องดูก็ได้ และอีกเรื่องก็คือ Black Rock Shooter ที่กว่าจะฉายก็ปาเข้าไปเดือนหน้า ก็เลยละไปแล้วกัน ที่พิเศษหน่อยคือมิลกี้โฮมII ผมเพิ่งจะได้ดูเป็นครั้งแรก ภาคแรกนั้นผมไม่เคยได้ดู และพบว่ามันเป็น….มันเป็น….มันเป็นอนิเมที่ทำให้ผมหวาดผวา! ถ้ามีแรงบัลดาลใจจะเขียนถึงเพิ่มละกัน

16 thoughts on “367 | 2012 Winter”

  1. ตอนนี้หลักๆดูอยู่ 2 เรื่อง ชายล้วนเสื่อม กับ รวมร่างคิโมจี้ EVOL
    อามางามิ ดูผ่านๆ prologue นานโคตรตั้ง 10 ตอน
    Another เจอ OP แล้วหมดอารมณ์ดู ยังทำใจอยู่
    Nisemono ยังไม่ได้ดู Bakemono 3 ตอนท้ายเลย ดองไว้นานเจอฤทธิ์แฟนบอยเล่นเอาหมดอารมณดู เดี่ยวคงต้องดูใหม่รวดเดียวจบก่อนค่อยดู Nisemono ต่อ
    เรื่องอื่นๆยังไม่ค่อยมีที่สนใจเป็นพิเศษ มีเวลาว่างๆค่อยลองดู

  2. Another นี่จริงๆมีอีกคนที่ไม่เข้าพวกนอกจาก อ.อิโต้กับกาลีโปรเจ็ค นั่นก็คือคนพากย์มิซากิ ที่ได้บทคอนทราสต์กับบทเก่าแบบสุดๆ(เป็นเมื่อก่อนคงล๊อคหวยเจ้าแม่โนโตะแน่ๆ)
    ซีซั่นนี้ยังดูไปไม่เท่าไหร่ แต่ที่ชอบใจขนาดนึกถึงยังขำบนรถไฟฟ้าก็คือ Symphogear ต้องคอยติดตามว่าตอนหน้าจะมีอะไรwtfให้ดูอีก(ฮา)
    ปล.แอบอยากเห็นกราฟมิลกี้โฮล์มส์

  3. พอชมเข้าซะเยอะแล้วเลือกเรื่องดูยากกว่าเดิมอีก

  4. พี่เมี้ยวแม่งอวยกันเห็นๆ

    kill me นี่ขนาดเป็นแฟนอวย ยังยอมรับเลยว่า มันทำออกมาทำไมวะ อะไรดลใจให้มาทำ แถม op-ed นี่โคตรมะเร็ง…
    DxD นี่อ่านมังกะไปสองสามตอนแล้วรู้สึกว่า ไอ้ชื่อเรื่องมันนี่ต้องเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับขนาดหน้าอกของตัวละครในเรื่องแน่ๆ ส่วนอนิเมนี่ขี้เกียจดูมาก ไม่น่าจะสนุกกว่ามังกะเท่าไหร่ (ซึ่งมังกะมันก็อ่านได้แบบ “ดีกว่าไม่มีไรอ่าน” อยู่แล้ว)
    ส่วนเรื่องอื่นยังไม่เข้าตากรรมการเท่าไหร่อ่ะ
    ss นี้ตั้งใจว่าจะดูอยู่สองเรื่องคือ นิเสะ กะ มิลค์กี้2 ซึ่งก็ตรงตามที่คาดหวังไว้ทั้งสองเรื่อง ว่าแต่ ไม่สนใจดูมิลค์กี้มั่งเรอะพี่เมี้ยว
    เห็นหลายๆคนอวยนิจิโจวมา คาดว่าอาจเอามาลองดูมั่ง
    ป.ล. ไม่มีอะไรล่อโทรลเลยเรอะ ss นี้

    1. มิลกี้นี่มันน่ากลัวนะ คือ…มันน่ากลัวตรงที่ผมดูแล้วรู้สึกว่าแม่งสนุกว่ะ
      กุจะเป็นไรมั้ยเนี่ย? กุข้ามฝั่งไปผิดทางหรือเปล่า? ตลอดเวลา
      ที่ผ่านมาผมไม่เคยดูมิลกี้โฮม แล้วผมก็นึกว่ามันเป็นราวๆ อนิเมเด็ก
      สักโดเรมี ซูการ์ซูการ์รูน ไรแบบนี้ ให้เด็กมาดูน่ารักๆ แต่พอดูจริงๆ
      เห้ย…เด็กที่ไหนมันจะดูวะเนี่ย!! เด็กคนไหนดูแม่งผู้ปกครอง
      ต้องให้ความเอาใจใส่โดยด่วน

      1. 55555
        อารมณ์เดียวกันเลย
        คือตอนแรกที่ดูเนี่ย ประมาณว่า ไอ้อนิเมนักสืบเด็กน้อยนี่ทำไมกระแสมันแรงจังฟะ เลยลองโหลดมาดู
        …ดูๆไป แม่ง มันไม่สมควรจะให้เด็กดูนะเนี่ย

  5. ว่างๆมานั่งอ่านเก็บรายละเอียดอีกรอบ เพิ่งเห็นพี่เมี้ยวใช้ศัพย์มหาเทพส้มด้วย ก่าก lol
    ว่าแต่ KY นี่มันแปลว่าอะไร? รู้จักแต่ KY เจลหล่อลื่น ><

    1. KY = Kuuki Yomenai 空気 読めない
      แปลไทยก็คือไม่อ่านบรรยากาศ หมายถึงผิดกาละเทศะ
      อย่างที่มิโคโนะทำก็คือเขากำลังเถียงกันว่าจะสู้ยังไงอยู่
      คุณนางก็โพล่งออกมาว่าตรูมันกากทำไม่ได้หรอก…

  6. พี่เมี้ยว biased เห็นๆ เลยเรื่องสุดท้าย

  7. อ่านกี่ทีๆก็ยังฮาSymphogearนะเนี่ย
    มั่วเละแต่ไมไม่รู้มันอยากดูต่อพิกล..

  8. guilty crown คุณรองดูมันให้จบก่อนแล้วค่อยตำหนิดีกว่า เพราะตอนหลังๆๆบอกได้คำเดียวว่าสนุกและกินใจผูชมมาก

    1. มันก็สนุกขึ้นนิดนึงส์ครับ -_-)c เท่าเนี้ย เรียกว่ากินใจหรือสนุกมากไม่ได้หรอก
      แค่เดินเรื่องเร็วกว่าเดิม พระเอกก็อีโมน่าเบื่อโดนหลอกไปหลอกมาทุกตอน
      ตัวละครก็ทำอะไรไม่ค่อยสมเหตุสมผลเหมือนๆเดิม ถ้าถามว่าอะไรดีขึ้น ก็คงเป็น
      เรื่องที่เดินไปข้างหน้ามากขึ้นแต่วิธีเล่าเรื่อง กลเม็ด ปมต่างๆ ก็จืดเหมือนเดิม

  9. ซิฟโฟเกียร์ สนุกดีออก ให้ F เลยหรอ… = =”
    ทุกเรื่อง ทุกค่ายเค้าอยากทำให้คนดู สนุก ชอบ ทั้งนั้น (ไม่งั้นจะลงทุนทำเมะไปทำไม ใช้เงินก็เยอะ)
    เท่าที่ดู อันไหนภาพเรท มีแนวทะลึ่ง จะได้คะแนนดีเป็นส่วนใหญ่
    อย่างงี้พอใครมาอ่านบลอคนี้ อะไรห่วยๆใครหูเบา คงไม่ได้ดูเมะห่วยๆที่คุณบอกกันพอดี น่าจะ review จัดลำดับที่คุณชอบเปนการส่วนตัวท่าจะดีกว่านะ

    1. อ่านให้ดีๆครับ ซิมโฟเกียร์มันห่วยจริง งานมันห่วยมาก
      แต่ตัวเรื่องมันน่าสนใจ ทุกค่ายเขาไม่ได้ทำให้มันสนุก
      เขาทำเพื่อหาเงิน ส่วนมันจะสนุกมั้ยมันก็อยู่ที่มีปัญญาทำ
      ออกมาได้ขนาดไหน แม่ค้าขายข้าวแกงเขาก็ไม่ได้อยากทำ
      ของไม่อร่อยครับ แล้วถามจริง เคยไปกินข้าวแล้วเจอของ
      ไม่อร่อยมั้ย?
      ส่วนพวกหูเบาถ้าไม่มีปัญญาคิดเองก็ช่างหัวมันเถอะ

Leave a Reply to shirogane47 Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *