610 | Day 7 เกียวโตไม่มีแมว

หลังจากฟิวส์ขาดนอนสลบไม่ได้ปิดไฟ ประมาณสักเที่ยงคืนก็สลึมสลือได้ยินเสียงเหมือนรถเข้ามาจอด แล้วได้ยินเสียงฝีเท้า ก็คิดว่าอาสึชิน่าจะกลับมาแล้ว ก็เลยลุกมาปิดไฟแล้วก็นอนต่ออย่างเป็นทางการ ตื่นมาอีกทีคือตีสี่ครึ่งเพราะว่าสว่าง คืนนี้นอนหลับต่อเนื่องนานขึ้น ร่างกายเพี้ยนน้อยลง ตื่นมาสักพักก็นอนต่อ(เห้ย นี่เขาเรียกว่ายังไม่ตื่นเว้ย) นอนอยู่แป๊บนึงก็ได้ยินเสียงรถออกจากบ้าน จึงประมวลเหตุการณ์ได้ว่าอาสึชินั้นจะกลับบ้านราวๆ เที่ยงคืน แล้วออกจากบ้านตีห้าหรือหกโมงเช้าได้
ตื่นมาก็เอาไก่ทอดกับคร๊อกเกะที่ใส่ตู้เย็นไว้เมื่อวานออกมากิน บ้านของอาสึชิข้อเสียใหญ่สุดคือไม่มีที่นั่งกินข้าวเป็นสัดเป็นส่วน จริงๆเขาอยากให้กินในห้องแหละ มีโต๊ะในห้อง แต่ไม่ชอบอ่ะทำไม… ไปอุ่นไก่ทอดในครัวด้วยไมโครเวพเลยจะกินข้าวในครัวไปเลย แต่ก็ไม่มีแม้กระทั่งที่นั่งกิน มันรกระเกะระกะไปหมด เห็นแล้วหงุดหงิดเกือบขโมยเบียร์อาสึชิแล้ว… สุดท้ายก็กินหน้าอ่างล้างจาน อนาถามากเลย…
หลังจากเก็บโน่นเก็บนี่ให้เรียบร้อยก็เปลี่ยนชุดออกจากบ้านตอนเจ็ดโมง สิ่งที่แตกต่างจากเมื่อวานคือวันนี้เป็นจันทร์ เด็กนักเรียนต้องไปโรงเรียน ละแวกหมู่บ้านก็เลยเจอเด็กประถมแบกกระเป๋าไปโรงเรียนกันน่ารักมาก (จะหยิบกล้องถ่ายก็กลัวโดนตำรวจจับ…) ส่วนขาลงเขาก็เหมือนเดิมคือบินเฟี้ยววววว ลงจากเขารวดเดียว พอพ้นม.เกียวโตก็เข้าถนนใหญ่ มีเด็กนักเรียนปั่นจักรยานไปโรงเรียนเยอะแยะมากมาย เห็นแล้วมันชื่นอกชื่นใจจริงๆ
วันนี้จะไปอาราชิยามะและวัดวาอารามทั้งหลายทางตอนบนของเกียวโต ดังนั้นวันนี้ก็ไม่ต้องข้ามแม่น้ำแต่เลียบแม่น้ำขึ้นไปแทน ตะกุกตะกักนิดหน่อยตอนเข้าทางเลียบแม่น้ำ พอเข้าไปได้ก็ปั่นยาวสบายๆ ข้างทางมีลุงๆ ป้าๆ จับกลุ่มตีเปตอง ปั่นไปสักพักฟ้าก็เริ่มมืดนิดๆ เหมือนฝนจะตก จาก ม.เกียวโตถึงอาราชิยามะก็แค่ประมาณ 7 กิโล เลยจ้ำๆ แป๊บเดียวก็ถึง ภูเขาที่อาราชิยามะสวยมาก ต้นไม้เขียวชอุ่ม ข้ามสะพานไปนิดนึงก็ถึงลานหน้าวัดเทนริวจิ ตอนที่ถึงเป็นเวลาประมาณ 9 โมงครึ่ง คนยังไม่ทันมาเที่ยว คิดว่าถ้าสายๆ ลานตรงนี้คงคนแน่นไปหมด

ถนนเลียบสะพาน

ริมฝั่งแม่น้ำ สังเกตด้านจะมีโดรนบินอยู่

ลุงป้าเล่นเปตอง

เซลฟี่จักรยาน

อาราชิยามะ

ปั่นวนรอบวัดเทนริวจิแป๊บนึงแล้วจอดจักรยานด้านหลังวัด พอเข้าทางเดินป่าไผ่ก็เจอคนไทยกลุ่มนึงทันที มากันแบบครอบครัวมีอาป๊าอาม้าแก่ๆ ด้วย คุยกันเสียงดังผมก็เงียบๆ ไว้เหมือนเดิม.. เนื่องจากเห็นนักเรียนมาทัศนศึกษาเต็มทางเข้าประกอบกับไม่ได้อยากเข้าไป ก็เลยไม่ได้เข้าไปดูวัดเทนริวจิ เดินขึ้นทางเดินป่าไผ่ไปเลย คนก็เยอะแต่ยังไม่เยอะมากเดินไปนิดนึงก็คิดว่าเอ… มันน่าจะปั่นจักรยานขึ้นไปได้เลยนะ ก็เลยเดินกลับไปเอาจักรยานไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ขี่นะ เดินไปเข็นไปถ่ายรูปนิดหน่อย จังหวะคนโล่งๆ ก็เซลฟี่จักรยานซะแว๊บนึง เข็นๆ ไปแป๊บนึงเจอรถแท๊กซี่… แท๊กซี่ขับผ่านทางเดินป่าไผ่เลย แบบนี้ก็ได้เนอะ ดังนั้นเอาจักรยานขึ้นมานี่ก็แค่เรื่องเล็กน้อย…. แต่เดินไปแป๊บเดียวก็หมดแล้ว…ทางเดินป่าไผ่
ป่าไผ่

เขาถ่ายรูปกัน เราเลยช่วยถ่าย…

เซลฟี่จักรยานช่วงทัวร์จีนถ่ายรูปขวางทาง


อันนี้ตรงไหนวะ….น่าจะด้านหลังวัดเทนริวจิ
มันก็สวยนะทางเดินป่าไผ่อาราชิยามะ บรรยากาศก็ดี แต่ในแง่ของคุณค่า ถ้าคุณลงทุนหน่อยนึงก็ปลูกสวนไผ่แบบนี้ได้ไม่ยากเลย การสร้างคุณค่าช่างเป็นปัจจัยทางการค้าที่สำคัญจริงๆ พอทะลุมาด้านหลังคนก็ไม่มีละ เหมือนเขาพอขึ้นมาแล้วกลับไปทางเดิม พอทางโล่งก็เลยปั่นจักรยานได้ ค่อยๆ ปั่นไปนิดนึงก็เจอวัดแรกของวันนี้ วัดนิซง
บอกก่อนเลยว่าไม่มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอะไรของเกียวโตเลยสักนิด เจอวัดไหนก็เข้าวัดนั้น จบ สำหรับวัดนิซงนี่ดูจะเป็นมุมอับนิดๆ คือคนมาอาราชิยามะจะมาไม่ค่อยถึงตรงนี้ หน้าวัดมีที่จอดจักรยานก็จอดแล้วเดินเข้าไป เจอหลวงพี่กวาดลานอยู่ พอหลวงพี่เห็นก็เดินกลับมาที่ซุ้มเก็บตัง ค่าเข้า 500 เยน ในวัดไม่ค่อยมีคน มีพี่ชายก้มๆ เงยๆ ถ่ายรูปอยู่ตรงบันไดคนเดียว ผมก็ค่อยๆ เดินไปตามทาง วัดนี้จะเน้นต้นไม้ มุมบังคับคือบันไดยาวก่อนเข้าตัววัดที่มีต้นซากุระตลอดสองข้างทาง แต่แน่นอนเราไม่ได้มาหน้าซากุระ มันก็ไม่มีดอกซากุระหรอก…. แต่กระนั้นก็ยังสวยอยู่ดี ที่นี่น่าจะมีคนมาเยอะช่วงหน้าซากุระกับช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ในตัววัดก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ รู้สึกขายังกรอบๆ จากเมื่อวานก็เลยนั่งพักตรงลานหน้าวัดแป๊บนึง เงียบสงบ บรรยากาศดีมาก (วัดอื่นจากนี้ไปไม่มีบรรยากาศนี้อีกเลย เพราะคนเยอะทุกวัด) พอพักได้ที่ก็ออกเดินทางต่อ วันนี้ยังมีวัดให้เดินอีกเยอะ
ทางเดินหน้าวัดนิซง

พี่ชายหนึ่งเดียวในวัด

บรรยายาศในวัด

ทางเดินมุมเดินลง

ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปตะไคร่น้ำครับ มันมีฟอร์มที่แปลกดี


หน้าชัดหลังเบลอร์!

ตัววัด

นั่งตรงนี้อยู่นานเลย


อะไรสักอย่างในตัววัด
ออกมานิดเดียวก็เจอวัดไดคาขุทันที หน้าวัดไดคาขุมีลานจอดรถทัวร์ใหญ่เบ้อเริ่ม ด้านท้ายก็มีโซนจอดจักรยาน จอดแล้วก็แวะตู้กดน้ำ ตู้นี้แปลกตรงมีกาแฟถ้วย หยอดแล้วจะหมุนๆ ปั่นๆ ชงตรงนั้นทันที ไม่ได้อยากกินหรอก…แต่อยากเล่น ก็เลยหยอดมาแก้วนึง… ไม่มีอะไรพิเศษ เครื่องดื่มที่นี่น้ำแข็งจะน้อย อยากได้น้ำแข็งเคี้ยวเล่นมั่งก็ไม่มีเลย เข้าไปในวัดไดก็ต้องซื้อตั๋วก่อน ตั๋วมันมีแบบพ่วง 2 วัด เลยซื้อแบบพ่วง ซึ่งมารู้ทีหลังว่าอีกวัดมันไกล…แถมยังเป็นทางย้อนกลับ ก็คิดซะว่าจ่ายค่าบำรุงรักษาฟรีไปละกัน วัดไดคาขุก็ใหญ่สมชื่อ ด้านในจะเป็นทางเดินวนไปวนมาให้ชมบรรยากาศในวัด ส่วนมากจะเป็นห้องแล้วมีงานจิตรกรรมบนประตู ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก ด้านหลังวัดมีระเบียงมองเห็นทะเลสาบ ตรงนั้นมีสาวแว่นในชุด…ไม่ใช่มิโกะอ่ะ แบบว่าเป็นคนช่วยงานของวัดเฉยๆ ยืนขายสินค้าป่วยดาบอยู่ คือมันจะมีเกมที่เอาดาบมาสร้างเป็นคาแรกเตอร์หล่อๆ ขายสาวๆ แล้วคาแรกเตอร์ตัวนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับวัดไดคาขุ พอมองเห็นรูปโปรโมทปุ๊บก็ยกกล้องถ่ายเลย สบตากับสาวแว่นที่มีออร่าฟุประมาณ 65% ยืนอยู่ตรงแผงแล้วเหมือนมีชวิงค์ด้านหลังสื่อสารกันว่า “รู้จักใช่มั้ยคะว่าคืออะไร” …”รู้จักครับ” ชวิงค์ แล้วก็ยิ้มๆ…

ทางเข้าวัดใหญ่

ที่จอดจักรยาน

ทะเลสาบหลังวัด

ป่วยดาบ…




ทางออก
ออกจากวัดไดคาขุมาตอน 11​ โมงก็ไปวัดอื่นต่อ ตรงนี้จะเป็นทางยาวล่ะ มีขึ้นเนินนิดหน่อยแต่ไม่ค่อยชัน ปั่นได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อย มีฝรั่งปั่นจักรยานเช่าสวนไปกลุ่มนึง แต่ไม่ได้มีคนขี่จักรยานเที่ยวเยอะนัก ผ่านไปเจอวัดนินนาจิก็เลยแวะ แต่พอเข้าไปแล้วคนเยอะบวกกับดูไม่ค่อยมีอะไร ก็เลยไม่ได้เข้าไปด้านใน ปั่นไปอีกนิดก็ถึงแลนด์มาร์คสำคัญของเกียวโต นั่นก็คือวัดคินคาขุหรือวัดทองนั่นเองงง
ตอนแรกเข้าที่จอดผิดโดนพี่ตำรวจท่าทางโหดๆ เป่านกหวีดปรี้ดๆ ไล่… ขอโทษครับ ก็ไปจอดตรงที่จอด มีจักรยานจอดพอสมควรเห็นแล้วอุ่นใจ เพราะจักรยานล้วนแพงกว่าเราทั้งนั้น ถ้ามีคนจะขโมยเขาคงขโมยคันพวกนั้นก่อน เข้าไปในวัดคนเยอะมาก เยอะสุดๆ เยอะฉิบหาย เยอะพอๆ กับที่ศาลเจ้าอินาริเมื่อวานแต่ต่างกันตรงทางเดินมันแคบเหลือแค่ 1/3 เท่านั้น เข้าไปนี่ไม่ได้เดินเลย ไหลไปกับกลุ่ม ประหนึ่งว่าเดินตลาดนัด ไหลไปเรื่อยๆ หยุดตรงไหนถ่ายรูปได้ก็ถ่าย พอพ้นออกมาตรงด้านหลังก็ไม่ไหวล่ะ ปวดหัว อึดอัด ไปดีกว่า

น่าจะเป็นทางเข้าวัดคินนะ…ใช่หรือเปล่าวะ
วัดคินมุมกว้าง


โยนเหรียญเป็นกิจกรรมระดับนานาชาติ มีทุกประเทศ
จำได้ว่าวัดคิโยมิสึปิดปรับปรุงอยู่ วัดกินก็ไม่ได้อยากไป ถ้าไปแล้วคนเยอะแบบนี้ก็บายดีกว่า เลยเอาเป็นว่าไปพระราชวังจักพรรดิแทนละกัน ก็ไล่ลงเขาไปเรื่อยๆ ข้างทางมีร้านจักรยานเช่า/ขายเยอะเลย พอถึงข้างพระราชวังก็หิวล่ะ บ่ายสองแล้ว เลยแวะแมคโดนัลด์สั่งชุดบิ๊กแมคลันซ์เซ็ทมากิน (วันนี้สำเนียงดี ญี่ปุ่นฟังออก!) ข้างบนมีที่นั่งแถมมีที่ชาร์จไฟด้วย ดีมากเลย กินเสร็จก็เข้าไปในพระราชวัง คือแบบ…เชี่ย พื้นที่มันใหญ่มาก วังแม่งอยู่โน่นนนนนนน ไกลขนาดหลังคายังไม่เห็นเลย เป็นลานประมาณสวนลุม ที่แสบคือพื้นเป็นหินร่วน ปั่นจักรยานแล้วจะหนืด เดินไปครึ่งทางก็ไม่ไหวล่ะ กุขี้เกียจเดิน วันนี้เดินมาเยอะแล้ว เมื่อยฉิบหาย ไปที่อื่นดีกว่า
ตอนนี้ก็ชักเบื่อแล้ว วัดอะไรก็เหมือนๆ กัน แยกไม่ค่อยออก เลยกะว่าไปกิองแล้วกลับบ้านดีกว่า ก็ปั่นจักรยานไปกิอง พอใกล้ถึงกิองจะมีคนมาโบกๆ บอกว่าโซนกิองห้ามปั่นจักรยานบนฟุตบาท เข็นหรือปั่นบนถนนแทน ก็เลยลงเข็น โซนกิองเมืองจะเก่าๆ ตึกสวยทุกตึก ข้างทางทั้งสองข้างมีแต่ร้านขายของฝาก ของฝากย่านกิองก็จะดูหรูหราหน่อย คนใส่ยูกาตะเดินก็เยอะ นักท่องเที่ยวก็เยอะ จอดจักรยานไว้ใต้สะพานแล้วก็เดินเล่น แต่คนเยอะจนทำอะไรไม่ถนัด เดินไปเดินมาหลุดไปศาลเจ้ายาซากะซะงั้น ก็เดินเล่นถ่ายรูป แล้วก็เข้าไปในกิอง ซึ่งมันเป็นกลางวันไง มันก็ไม่มีอะไร มันต้องมาตอนกลางคืนถึงจะคึกคัก…

ถ่ายจากหน้าศาลเจ้ายาซากะ

กิองคนเยอะอยู่


สาวๆ ในชุดยูกาตะ

ใต้สะพาน

ศาลเจ้ายาซากะ



crop แล้วสวยกว่าที่คิดแฮะรูปนี้
กลับมาที่ใต้สะพาน นั่งพักหนีความวุ่นวายซะหน่อย ริมแม่น้ำก็จะมีคนมานั่งเป็นกลุ่มๆ สักพักก็ปั่นกลับกะว่าจะเลียบแม่น้ำไป ปรากฏว่า…ทางตันจ๊ะ ต้องปั่นกลับขึ้นถนนใหญ่ ปั่นจักรยานไปเช็คหาทางไปเหมือนง่ายๆ แต่ทำทั้งวันก็เหนื่อยเอาการ ก็วนไปหน้าสถานีเกียวโตเหมือนเดิมแล้วก็แวะร้านบิ๊กคาเมร่าเดินดูเกมซะหน่อย เข้ามาโซนเกมแล้วค่อยรู้สึกสงบจิตใจ(?) คนน้อยๆ มีแต่ของที่รู้จัก ตอนนี้ก็มีแต่โปรโมทดราก้อนเควสต์ 11 กับ BD/DVD คิมิโนะนะวะ เกมก็เหมือนๆ ที่ไทย ราคาไม่ต่างมาก มีเกมเทพอย่างสตาร์โอเชียนลดเหลือ 900 เยน…

วันนี้ไปหลายที่จนเหนื่อย ก็เลยกลับไวหน่อย ห้าโมงเย็นก็เริ่มอีเวนท์ที่โหดที่สุดของวันนั่นก็คือกลับห้อง…. วันนี้กลับทางเดียวกับวันแรก ขึ้นทางหน้าหมู่บ้าน เนินเจ้ากรรมนายเวรก็ยังคงความโหดร้ายไร้ปราณี กว่าจะถึงก็สะบักสะบอมเหมือนทุกรอบ ถึงห้องตอนหกโมงครึ่ง บ้านก็เงียบสนิท… ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของบ้านมาก เดินไปซักผ้า เปิดตู้เย็น อาบน้ำชิลๆ ประหนึ่งว่านี่คือบ้านกรู ถ้าอยู่อีกสองวันคงแก้ผ้าเดินในบ้านแล้ว
วันนี้ก็ไม่มีโครงการอะไรแล้ว กิจกรรมสุดท้ายของวันคือไปเป็นหมาป่าที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเหมือนเมื่อวาน มาหลายรอบก็ชักชิล งวดนี้เดินตัวปลิวหยิบโน่นหยิบนี่ได้ของมาเยอะเลย มีอาการเลี่ยนๆ อยากกินอะไรเผ็ดๆ ก็เลยซื้อกิมจิมากินเล่นด้วย สรุปว่าวันนี้ได้ไป อาราชิยามะ → วัดนิซง → วัดไดคาขุ → วัดนินนาจิ → วัดคิน → กิอง → ศาลเจ้ายาซากะ ขนาดไม่ตั้งใจเท่าไหร่ยังได้เยอะกว่าที่คิดแฮะ… จากที่ลุยเกียวโตตอนบนเต็มวันทำให้ยืนยันตัวเองได้อีกทีว่าไม่ชอบคนเยอะๆ เลย เดินๆ ไหลๆ นี่โคตรจะกินเอเนจี้ชีวิต ก็เลยชอบอาราชิยามะกับวัดนิซงที่สุด ส่วนย่านกิองกลางคืนน่าจะคึกคักและสนุกว่านี้ ถ้าพักกลางเกียวโตคงได้ไปเดินดู ถ้าพักกลางเมืองก็อยากลองปั่นจักรยานขึ้นศาลเจ้าอินาริด้วย พักย่านชานเมืองก็อาจจะขาดประสบการณ์ตรงนี้ไปแทน สำหรับเกียวโตก็หมดแค่วันนี้ แมวก็ไม่เจอสักตัว เสียจัยมาก… พรุ่งนี้จะออกปั่นไปโอซาก้าแล้ว
ของกินวันนี้
กาแฟเย็นแบบชงในตู้อัตโนมัติ 130¥ อร่อยแบบธรรมดาๆ
ซอฟท์ครีมเซเว่น 160¥ งั้นๆ
เซ็ทบิ๊กแมคลันซ์ 400¥ ก็ดี ถูกคุ้ม
ชาเย็น 110¥ อันเดิม
ถั่วแระ ก็โอเค
ปลาดิบ ก็โอเค
ชุดซูชิ ก็โอเค
โค้ก ก็โอเค
เทมปุระ ก็โอเค
กิมจิ กินแก้เลี่ยนประทังชีวิตได้ดี
เซ็ทข้างบนนี้รวมกัน 1,650¥

2 thoughts on “610 | Day 7 เกียวโตไม่มีแมว”

  1. มานั่งรอโอซาก้า ^^
    แว่บไปอ่าน Final Fantasy: Lost Stranger แล้วนึกถึงเลยกลับมาดูฮะ

  2. คอมที่ออฟฟิศโดนล้างไป bookmark หายหมด เลยลืมว่ามีบล็อคพี่เมี้ยวอยู่บนโลกนี้ lol
    อ่านเอนทรี่ล่าสุดก็ 594 : Before the Storm เลยได้ไล่อ่านช่วงไปญี่ปุ่นรวดเดียวมันส์เลย พี่เมี้ยวไปไกลมากนะเนี่ย จากคนไม่สนใจจะปั่นจักรยาน จนถึงขั้นขนจักรยานทุลักทุเลจากไทยไปปั่นถึงญี่ปุ่น!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *