306 | Vietnam



เป็นที่รู้กันจาก Entry ที่แล้วว่าผมนั้นแอบหนีไปเที่ยวเวียดนามมา สรุปคร่าวๆคือไปเที่ยวมาสามเมือง สามอารมณ์ ได้แก่ มุยเน่, ดาลัท และโฮจิมินห์ เล่าละเอียดเลยดีมั้ย? หรือเล่าคร่าวๆดี? อืม…เขียนไปเรื่อยๆดีกว่าเนอะ สาเหตุที่ไปก็คือบริษัทจะให้พนักงานไปเที่ยวครับ แต่บริษัทไม่ได้ร่ำรวยขนาดส่งพนักทั้งหมดไปเดินเล่นฮาวายเป็นเวลา 1 อาทิตย์เต็มๆได้ ก็เลยใช้วิธีสุ่มๆ+ตามคิว จริงๆมันก็ไม่ใช่คิวผมหรอก(ผมเคยไปแล้ว) เป็นคิวของคนอื่นแล้วก็จะซื้อทัวร์ให้ไปเกาหลีกันเนื่องจากเป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมในตอนนี้ แต่ไปๆมาๆ มีคนนึงในนั้นบอกว่าไม่ไปเกาหลี! ขอเอาตังจำนวนเท่ากับค่าทัวร์เกาหลีมาแบ็คแพ็คเวียดนามดีกว่า! แล้วผมที่เดิมไม่เกี่ยวก็กลายเป็นต้องไปด้วยอีกคนแทน….ไปก็ไป ดีเหมือนกันเนอะ หยุดตั้งหลายวัน





ออกเดินทางเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 ณ สุวรรณภูมิ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาสุวรรณภูมิในฐานะคนเดินทาง ปกติจะมาในฐานะคนมารับตลอด เที่ยวบินไป-กลับเวียดนามในครั้งนี้ราคาอยู่ 7,500 บาทต่อ 2 คนโดยประมาณ ค่อนข้างถูกเลยหล่ะโปรอะไรก็ไม่รู้ เที่ยวบินออกเวลาเจ็ดโมงกว่าถึงโฮจิมินห์เก้าโมงกว่า รู้มาว่านั่งแท็กซี่มันแพง ก็เลยนั่งรถเมล์ออกจากสนามบินไปลงที่อู่รถ คนละ 6000 ด่อง (10 บาท) แล้วเดินหาบริษัททัวร์ที่จะนั่งรถไปมุยเน่ กำหนดการที่ตั้งไว้คือจะไป หมุยเน่→ดาลัท→โฮจิมินห์ เราจะเดินโฮจิมินห์กันเป็นที่สุดท้าย ในวันแรกโฮจิมินห์นั้นก็จะเป็นแค่เพียงทางผ่าน แต่ดูเหมือนจะประมาทไปนิด ก็เลยเดินหลงโฮจิมินห์กันแทบบ้า หาบริษัททัวร์ไม่เจอ Lost in Translation ไปพักใหญ่ๆ มีสามล้อมาไล่ตี๊อจะพาไปส่งด้วย แต่กุไม่ไปเว้ย เปรี้ยว…. หาอยู่สองชั่วโมง แผนที่ก็อ่านไม่ออก เดินอ้อมไปอ้อมมานานมากถึงจะเจอบริษัททัวร์ The Sinh Tourist จองแล้วบ่าย 2 ก็นั่งรถไปมุยเน่ ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง ถึงมุยเน่ก็มืดเลย





มุยเน่เป็นเมืองริมหาด มีถนนเส้นเดียวตรงยาวติดทะเลไปเรื่อยๆ มีโรงแรม, เกสต์เฮาส์ สองข้างทางเต็มไปหมด สิ่งที่มุยเน่มีแต่ที่อื่นไม่มีก็คือทะเลทราย ยืนริมถนนฝั่งขวาเป็นทะเล ฝั่งซ้ายเป็นทะเลทรายซะงั้น บรรยากาศคล้ายๆเซลบิน่า(ฮา) พักซะ 1 คืนพอตอนเช้าก็ออกมาเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเล่นเลียบถนนไปเรื่อยๆ ช่วงบ่ายก็เหมามอไซค์รับจ้างให้เขาพาไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยว สุดยอดที่สุดก็คือทะเลทรายไวท์แซนด์ดูนส์ สวย กว้างมาก เดินซะขาลาก ลุยทรายมันเหนื่อยกว่าในหนังสือเยอะ….













วันรุ่งขึ้นก็ตื่นแต่เช้าดูทะเลกับพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็นั่งรถไปดาลัท เวียดนามนั้นจำกัดความเร็วบนถนนไว้ที่เพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น สาเหตุหลักๆมาจากการที่มีประชาชนใช้มอเตอร์ไซค์เยอะมาก แล้วมันก็มั่วมาก เลยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนส่วนใหญ่ ขับ 100 นึงนี่มอเตอร์ไซค์ตายทุกแยกแน่นอน ระยะทางจากหมุยเน่ไปดาลัทราวๆ 270 กิโลเมตร ถ้าเป็นเมืองไทยขับรถกันเร็วกว่านรก ไม่เกินสามชั่วโมงก็ถึง แต่นี่นั่งรถตั้งแต่บ่ายโมงตรงกว่าจะถึงล่อไปหกโมงเย็น ระหว่างทางเป็นทางบนภูเขา น่ากลัวมากๆ ถนนแคบขนาดรถสองคันสวนกันแทบไม่ได้ สูงราวๆหน้าผา ถ้ารถกลิ้งลงไปนี่ไม่ต้องเสียเวลาคิด ตายหมดแน่นอน หรือต่อให้ไม่ตาย ถ้าจะเดินกลับไปให้เจอบ้านคนอย่างน้อยต้องสามวัน วิ่งบนเขาสองชั่วโมงเจอรถวิ่งสวนมา 3 คน รถแซงไม่มี…. เวลาเข้าโค้งคนขับก็จะบีบแตรรัวๆ ให้สัญญาณเผื่อว่าจะมีรถวิ่งสวนมา แล้วมันมีแต่โค้ง… ก็บีบแตรรัวๆตลอดทางทั้งภูเขา ระทึกมาก





ถึงดาลัทปุ๊บพอลงจากรถวินาทีแรกก็คือ…อากาศเย็นหว่ะ ตอนอยู่หมุยเน่นั้นอุณหภูมิราวๆ 29-33 องศา สูสีเมืองไทย แต่พอถึงดาลัทแล้วเหลือราว 24 องศาเท่านั้น ยิ่งตอนกลางคืนต่ำกว่า 20 เสียอีก เดินวนหาโรงแรมแป๊บนึงก็ได้ที่พักใกล้ๆ เก็บข้าวของแล้วก็ไปเดินตลาดเล่น กลางคืนอากาศเย็นสบายมาก ตลาดก็เหมือนตลาดนัดเมืองไทย แต่มีเสื้อกันหนาวสวยๆ ถูกๆ เยอะ ซึ่งก็ไม่รู้จะซื้อทำไมเพราะว่าซื้อกลับไปก็ไม่ได้ใช้แน่นอน…. มีผลไม้แปลกๆ หลายอย่าง มีมังคุดด้วย มีทุเรียนหนามเล็กๆขายประปราย ซื้อลูกพีชมากินสองลูก อร่อยดี





วันรุ่งขึ้นหลังจากเดินเล่นกินน้ำค้างตอนเช้า พอสายๆก็เหมามอเตอร์ไซค์ทัวร์อีกแล้ว เวียตนามจะมีมอเตอร์ไซค์ทัวร์ท่องเที่ยวเยอะมาก ตอนแรกก็กะจะเช่ามอเตอร์ไซค์ชมเมืองก่อน แต่เมืองดาลัทแม้จะไม่ใหญ่แต่ก็มีถนนหนทางซับซ้อน ไม่เหมือนมุยเน่ที่เป็นเส้นตรง ถ้าจะให้หาสถานที่เองก็คงจะเสียเวลาเกินไป นั่งมอไซค์เขาไปดีกว่า สนนราคาก็คันละสองแสน (300 เศษๆ) ก็ไปเที่ยวโน่นนี่น้ำตกบ้าง วังบ้าง ทะเลสาบบ้าง ดาลัทเป็นเมืองเล็ก สถานที่ท่องเที่ยวไม่ห่างกันมาก ถ้าขับมอเตอร์ไซค์ไปเองถูกจะดีมาก แต่ละที่ก็ห่างกันไม่เกิน 10 กิโล สเน่ห์ของดาลัทก็คือเป็นเมืองที่สงบ เงียบ อากาศดี ในเมืองจะมีร้านกาแฟเล็กๆมากมาย แทบจะทุกหัวมุมเลยทีเดียว คนที่นี่จะไม่ค่อยมีสิ่งบันเทิงทำกัน พวกผับพวกบาร์ ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง อะไรไม่มีทั้งนั้น เวลาว่างๆก็จะออกสุมหัวเมาธ์กันที่ร้านกาแฟ เล่นไฮโลบ้าง หลีสาวบ้าง บรรยากาศเงียบสงบและแอบเหงาจนทำให้คนเมืองที่วันๆ อยู่แต่กับความวุ่นวาย อยากจะหลีกลี้หนีหน้า(หอบเกม)มาแอบนั่งๆนอนๆจิบกาแฟที่ดาลัทสักเดือนสองเดือน ที่สำคัญคือสาวๆดาลัทนั้นแจ่มจรัสมากๆ หน้าตาจะหมวยๆหน่อยเพราะมีเชื้อจีน ผิวขาวเนียนแต่ว่าตาโต คม ด้วยเชื้อเวียตนาม ไปนั่งหน้าโรงเรียนมัธยมนี่แทบจะเจอ AKB48 ถีบจักรยานเรียงกันมาเลย แต่ละคนน่ารักมาก ชวนให้อยากล่วงละเมิดทางเพศเด็กไม่บรรลุนิติภาวะซะจริงๆ ตอนเย็นก็เดินตลาดนิดหน่อย

















ตามแผนสองวันสุดท้ายเราจะไปอยู่โฮจิมินห์ ถ้านั่งรถจากดาลัทไปโฮจิมินห์จะกินเวลาร่วมๆ 8 ชั่วโมง เสียเวลาและยังเมื่อยอีกด้วย งบก็ยังเหลือเลยใช้วิธีนั่งเครื่องบินจากดาลัทไปโฮจิมินห์แทน ชั่วโมงเดียวถึง เครื่องออก 5 โมงกว่าๆ ถึงก็เกือบทุ่มนึง เข้าเมืองไปก็สองทุ่ม นั่งแท๊กซี่ไปมันไปปล่อยลงตรงไหนไม่รู้ ไอ้โรงแรมในหนังสือที่ตั้งใจจะไปก็ไม่รู้อยู่ไหน เลยเดินหาโรงแรมไปเรื่อยๆ แต่สงสัยว่าจะไปลงแถวโซนแพง ค่าโรงแรมก็เลยค่อนข้างแพงทุกที่ (ราวๆ 30 เหรียญ ถ้าโซนถูกจะได้ 5-15 เหรียญ) สุดท้ายก็พักใกล้ๆตลาดเบ็นถาน โอเคเดินง่ายดี สังเกตง่าย ห้องก็เรียบร้อย
สำหรับผมแล้วโฮจิมินห์เป็นเมืองน่าเบื่อ ทำไมถึงน่าเบื่อ? ก็เพราะมันเหมือนกรุงเทพมาก มีแต่ความวุ่นวาย รถราติดเต็มถนน แถมยังมีมอเตอร์ไซค์เยอะมากๆ (เยอะกว่าเมืองไทยสัก 50 เท่า ไม่ได้โม้) อากาศก็ร้อน เดินตลาดก็เหมือนตลาดจตุจักรหรือหน้าราม ของก็เหมือนๆกันทุกร้าน สรุปว่าอยู่ดาลัทนอนเกลือกกลิ้งอากาศเย็นต่อไปเรื่อยๆยังดีกว่า วันรุ่งขึ้นก็ไปสวนสนุกซุยติ่งปาร์ค นั่งรถเมล์มั่วๆกันไปเอง ถึงแบบงงๆ ร้อนๆ รถแอร์แม่งยังร้อน แอร์อะไรไม่รู้… ซุยติ่งปาร์คนั้นเป็นสวนสนุกแนวพุทธ คือตกแต่งเป็นแนวๆพุทธ จะมีพวกมังกร เกมบุ เซย์ริว หรือพระอ้วนๆ ชุดจีนเยอะๆ ก็แปลกตาไปอีกแบบที่ไม่เห็นมิกกี้หรือโดนัลด์ สวนสนุกกว้างใหญ่ดี แต่เครื่องเล่นค่อนข้างกระจอก เมื่อก่อนเคยไปดิสนี่แลนด์ที่ญี่ปุ่น มีปัญหาเล่นเครื่องเล่นไม่ได้เพราะว่าคิวยาว รอเป็นชั่วโมงๆ ไปซุยติ่งงวดนี้ก็เล่นเครื่องเล่นไม่ได้เช่นกัน แต่เป็นเพราะว่ามีคนเล่นไม่ถึง 4 คนเลยไม่เปิดให้เล่น… ต้องรอแจมกับคนอื่นซะงั้น… อาจจะเพราะไปวันธรรมดาไม่มีคนมาเที่ยวด้วยละมั้ง ก็ค่อยๆรอเล่นไปทีละอัน (แต่ก็ยังเร็วกว่าดิสนี่ย์แลนด์เยอะ) สุดท้ายก็เล่นไปได้หลายอย่าง ถึงยังไงรวมๆแล้วก็ไม่ประทับใจเลยโฮจิมินห์









ตกเย็นลองเดินหาร้านหนังสือ อยากเห็นหนังสือการ์ตูนเวอร์ชั่นเวียตนามดู เดินแล้วเดินเล่าก็ไม่เจอร้านหนังสือเลย อย่างมากก็เจอแผงนิตยสารกับหนังสือพิมพ์ที่ร้านมินิมาร์ท ไม่มีการ์ตูนสักเล่ม เดินไปเดินมาเจอหนังสือมือสอง แต่เป็นหนังสือต่างประเทศที่เหมามากองๆขายมือสอง ผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อย จากที่ดูๆ หลายคนอาจจะพยายามบอกว่าประเทศไทยมัวแต่ทะเลาะกันเองจนเวียตนามแซงประเทศไทยไปแล้ว ในสายตาผมที่มาเดินดุ่มๆเองแล้วคิดว่ายังไม่ทันหรอก เวียตนามอาจจะมีความเป็นไปได้ในการก้าวหน้าหลายอย่าง มีช่องว่างให้จับจองเยอะ แต่ในตอนนี้ความเจริญหลายอย่างยังต้องพัฒนาอีกมาก ค่าครองชีพคนในประเทศค่อนข้างต่ำ หนังสือบ้านเราว่าคนไม่ค่อยอ่านแล้ว ในเวียตนามอ่านน้อยกว่าเราอีก เปิดทีวีดูการ์ตูน การ์ตูนเขายังใช้วิธีพากย์คนเดียวอยู่เลย คือสมมติเรื่องสลัมพ์ดังค์ใช่มะ ทั้งเรื่องก็จะมีผู้หญิงคนนึงคอยบรรยายว่าตัวละครนั้นพูดว่าอะไร โดยที่เราจะได้ยินเสียงภาษาญี่ปุ่นเบาๆอยู่ อืม…ตลกดีเหมือนกัน สิ่งที่คิดว่าเวียตนามเก่งก็คือโฮจิมินห์เป็นเมืองใหญ่ และเขายังมีเมืองฮานอยเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ไม่แพ้กันอีก ต่างจากเมืองไทยที่อะไรๆก็กรุงเทพเท่านั้น อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ จริงๆอาจจะมีเรื่องการเมืองเรื่องอะไรเบื้องหลังอีกผมก็ไม่รู้
วันสุดท้ายก็เบื่อๆโฮจิมินห์ ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนเลย เช้าก็เดินเล่นนิดหน่อย เจอแผงหนังสือพิมพ์แล้วมีโดราเอมอนภาษาเวียดนามขาย เล่มละ 13,500 ด่อง เทียบเงินไทยก็ 22 บาทได้ พิมพ์ดีมาก กระดาษดีกว่าของไทยใกล้เคียงญี่ปุ่นเลยก็เลยซื้อติดมือ เจอ NDS ด้วย เครื่องละ 3 ล้านด่อง (ราวๆ 5 พันกว่าบาท) สังเกตดูแล้วไม่มีตลับรอมแต่อย่างไร แล้วก็มีตลับฟามิคอมกับตลับเกมบอยวางอยู่เยอะพอสมควร จริงๆระหว่างทางที่นั่งรถเจอร้านเกม PS2-PS3 ร้านนึง แต่ไม่เห็นข้างใน เช็คเอาท์จากโรงแรมเที่ยง เครื่องออก 5 โมงกว่า ไม่มีไรทำก็ไปนั่งๆนอนๆ ที่สนามบิน แล้วก็เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ รุ่งขึ้นก็กลับสู่วงจร FoV อีกครั้ง
กลับมาถึงบ้านแมว-หมา จำไม่ได้ วิ่งหนีกันวุ่นวาย อะไรวะไปแค่หกวัน ลืมหน้าลืมกลิ่นกันซะแล้วเหรอ….
ถ้าถามว่าไปเวียตนามทริปนี้สนุกไหม ก็ตอบว่าสนุกมากยกเว้นโฮจิมินห์ ตอนที่อยู่ดาลัทมันได้ความรู้สึกพักผ่อนสบายจริงๆ พอจะเข้าใจความรู้สึกพวกที่หนีไปอยู่ปายเป็นเดือนๆเลย คือแบบอยากอยู่ในที่ที่ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแต่บรรยากาศอันสงบเงียบ ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีภาระต้องกระทำ ถ้าวันนึงผมหายไปนานๆ ไปตามหาผมได้ที่ดาลัทนะครับ ผมคงหอบเกมหอบหนังสือมาอยู่ตามเกสต์เฮาส์นั่งๆนอนๆ(เล่นเกม)สักอาทิตย์-สองอาทิตย์



แถม แผนที่ มั่วบ้างนิดหน่อยนะ

6 thoughts on “306 | Vietnam”

  1. ว่าแล้วเชียว
    ไปเวียตนาม หลงเสน่ห์สาวเวียตนามกันทุกคน XD

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *